เมื่อเวลา 11.25 น. วันที่ 3 ธ.ค. ที่อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. ร่วมแถลงการเปิดปฏิบัติการ Annihilate Hybrid Scam ทลายแก๊ง หลอกรักลวงลงทุน สร้างความเสียหายกว่า 46 ล้านบาท
โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 20 ราย ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่"
เนื่องจากมื่อประมาณกรกฎาคม 2567 ได้มีเฟซบุ๊กใช้ชื่อปลอม แอบอ้างเป็นบุคคลหน้าตาดีมีฐานะ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้เสียหาย โดยแกล้งทักผิดมาหาเฟซบุ๊กผู้เสียหาย
ในช่วงแรกคนร้ายจะพูดคุยสร้างความสนิมสนมกับเหยื่อประมาณ 1 เดือน ระหว่างนั้นมีการวิดีโอคอลหาผู้เสียหายโดยคนร้ายใช้ AI สร้างภาพเคลื่อนไหวให้มีหน้าตาทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวกำลังพูดคุยอยู่กับตนเองจริงๆ โดยเมื่อเหยื่อเริ่มเชื่อโดยสนิทใจแล้ว จึงได้เริ่มพูดคุยชักชวนผู้เสียหายลงทุนเพื่อสร้างกำไร โดยส่งลิงค์ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอม ชื่อ "Streaming" ให้ผู้เสียหายดาวน์โหลดลงโทรศัพท์มือถือ และหลอกให้ทำการลงทุน โดยเมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้กับแก๊งคนร้าย คนร้ายได้ส่งแหวนเพชรและช่อดอกไม้มาให้ผู้เสียหายเพื่อสร้างความเชื่อใจมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยผู้เสียหายได้โอนเงินจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ รวมจำนวนทั้งหมด 45 ครั้ง เป็นเงินกว่า 45.8 ล้านบาท ซึ่งท้ายสุดผู้เสียหายเชื่อว่าโดนหลอก
คนร้ายยังยอมรับกับผู้เสียหายว่าตนถูกบังคับให้ทำงานที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และได้ขอร้องให้ผู้เสียหายโอนเงินมาเพื่อเป็นค่าไถ่ตัวเอง จำนวน 200,000 บาท แต่ผู้เสียหายไม่หลงเชื่อ และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พงส.กก.2บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอออกหมายจับต่อศาลอาญา โดยหมายจับดังกล่าวมีกลุ่มบัญชีม้า กลุ่มระดับผู้สั่งการขององค์กรและกลุ่มบริหารจัดการฟอกเงิน มีทั้งคนไทย คนลาว คนกัมพูชาและคน จีน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ได้สนธิกำลัง กับ บก.ป., บก.ปคม. และ บก.รน. เปิดปฏิบัติการ "ทลายแก๊งไฮบริดสแกม" โดยเข้าทำการตรวจค้นจับกุม กลุ่มผู้ร่วมขบวนการการกระทำความผิดดังกล่าว ตรวจค้นจำนวน 21 จุด 11 จังหวัดทั่วประเทศไทย โดยจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 20 ราย และยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ ทั้งหมด รวม 208 รายการ อาทิเช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชี ชิมโทรศัพท์ บัตรประชาชนของบุคคลอื่น สลิปฝากเงินสด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยจากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว มีการหลอกลวงลักษณะหลอกลงทุน, หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (Hybrid Scam) และการขู่กรรโชกทางเพศจากภาพโป๊เปลื่อย (Sextortion) พบเหยื่อที่ถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวเป็นคนไทย คนสหรัฐอเมริกา และคนเวียดนาม
จากการตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆเพิ่มเติม พบว่าในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวยังมีการใช้แอปพลิเคชันปลอมในการหลอกลวงผู้เสียหาย 5 แอปพลิเคชั่น คือ Streaming, TellMall, ETF Trade, Fhxcm และ Fxcm โดยตรวจสอบจากข้อมูลการรับแจ้งความออนไลน์จากระบบ Thaipoliceonline พบว่า มีจำนวน 29 คดี ความเสียหายประมาณ 63 ล้านบาท โดยจากการสืบสวนขยายผลยังพบผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมอีกจำนวนหลายราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอออกหมายจับกลุ่มบุคคลดังกล่าวต่อไป.
Advertisement