กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "อย่าหาทำ" ออกมาเผยแพร่คลิปเสียง อ้างว่าเป็นบทสนทนาของชาวบ้านกกกอก ตั้งข้อสังเกตว่าใครฆ่าน้องชมพู่ พร้อมทั้งเอ่ยชื่อบุคคลหนึ่ง แต่ไม่ได้บอกนามสกุล
โดยแอดมินเพจดังกล่าว ยังระบุข้อความว่า "เมื่อคืนที่บอกว่าจะลงคลิปเสียงให้ฟัง พอดีมีคนส่งมาในอินบล็อกเพจ คลิปเสียงนี้คนส่งยืนยันว่า เป็นเสียงชาวบ้านที่กกกอก บทสนทนาประมาณว่าชาวบ้านมีความเห็นอย่างไร ใครเป็นคนฆ่าน้องชมพู่ มีเรื่องยาบ้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ตัดแค่ส่วนนี้มาให้ฟังพอละ ส่วนรายละเอียดลึกกว่านี้ ต้องรอเจ้าของคลิปเสียงนี้ชี้แจง แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะกล้าออกมา เพราะว่าพาดพิงชื่อบุคคลหนึ่งเต็ม ๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง อยากฟ้องทักหาเพจได้นะ จะส่งเสียงต้นฉบับให้"
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
ล่าสุดวันที่ 30 ส.ค.63 ทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกรณีเพจ "อย่าหาทำ" เผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาที่กล่าวพาดพิงนายนริน กับนางชนาภา เชื้อคมตา ภรรยาของนายนริน เปิดเผยว่า ตนคิดว่าเสียงที่ถูกเผยแพร่นั้นไม่ใช่เสียงของคนในหมู่บ้าน เพราะคนที่พูดนั้นพูดไทยชัดมาก ไม่ติดสำเนียงของชาวภูไทเลย จึงมั่นใจว่าผู้พูดไม่ใช่ชาวบ้านกกกอกอย่างแน่นอน
นางชนาภา กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าคนที่พูดนั้นมีเจตนาจะกลั่นแกล้งครอบครัวตนอย่างแน่นอน เพราะระบุถึงชื่อนายนรินอย่างชัดเจน แต่ตนไม่รู้ว่าเขาหวังอะไรจากการกลั่นแกล้ง ซึ่งตนจะรอให้คดีนายนรินจบ ก็จะแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่กลั่นแกล้ง เพราะที่ผ่านมาครอบครัวตนก็ถูกกระทำมาไม่ใช่น้อย จึงไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับตนอีก
อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ตนจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปร้องเรียนเรื่องคดีกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวน เพราะทางครอบครัวรู้สึกเหมือนถูกกลั่นแกล้ง จะเดินทางถึง กทม. เช้าวันอังคาร
ด้านทนายรัชพล ศิริสาคร เปิดเผยว่า กรณีคลิปที่อ้างว่ารู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีน้องชมพู่นั้น ในทางกฎหมายนั้นจะต้องพิจารณาจากพยาน ถ้าหากเป็นประจักษ์พยานและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจะเป็นพยานที่น่าเชื่อถือมาก อีกกรณีคือพยานบอกเล่า คือฟังอีกคนมา ซึ่งพยานนี้ศาลก็รับฟังได้ แต่ก็ต้องรับฟังอย่างระมัดระวัง และต้องพิจารณาหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ด้วย แต่ถ้าหากมีทั้งประจักษ์พยานและพยานบอกเล่า ศาลจะรับฟังประจักษ์พยานมากกว่า ซึ่งการที่จะออกหมายจับใคร จะต้องมีหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ถึงจะออกหมายจับได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีนี้ที่มีการอ้างถึงชื่อนายนรินนั้น ตนมองว่านายนรินเอง ก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และนายนรินก็สามารถแจ้งความเอาผิดกับคนที่เผยแพร่คลิปได้ ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 2 แสนบาท
Advertisement