กรณีความคืบหน้าคดีน้องชมพู่นั้น นางอยู่ ใจเที่ยง ชาวบ้านกกอก จ.มุกดาหาร ที่อาศัยอยู่ละแวกโรงเรียนกกกอก ห่างจากโรงเรียน 200 เมตร เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ค.63 วันที่น้องชมพู่หายตัวไป ช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. ขณะที่ตนยืนดูหลานอยู่หน้าบ้าน เห็นชายรูปร่างสมส่วน ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าบ้านไปทางโรงเรียนกกกอก ซึ่งตนไม่ทราบยี่ห้อรถ การแต่งกายจำไม่ได้ จำได้เพียงว่ามีการใส่หมวกไหมพรมสีม่วง ปิดบังใบหน้า ท่าทางลุกลี้ลุกลน มองซ้ายมองขวา แต่ตอนนั้นตนไม่ได้สนใจ
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
จากนั้น ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปวัด GPS ที่ไร่มันสำปะหลัง จนกระทั่งเวลาประมาณ 08.00 น. กว่า กลับบ้านมากินข้าว ระหว่างที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ ก็เห็นรถจักรยานยนต์คันเดิมขี่ผ่านอีกครั้ง คราวนี้ขับผ่านมาจากทางโรงเรียน มีผู้ชายอีกคนนั่งซ้อนท้ายมาด้วย ทั้ง 2 คน สวมหมวกไหมพรมสีม่วงปิดบังใบหน้า ท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนขาไป ซึ่งตนก็ยังไม่ได้สนใจ เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่อง
ทั้งนี้ ตนก็ไม่ทราบว่าชาย 2 คนนั้นเป็นใคร เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่มั่นใจว่าไม่ใช่ชาวบ้านในพื้นที่อย่างเเน่นอน เพราะหากเป็นคนกกกอก แม้จะปิดบังใบหน้า แต่เเค่เห็นรูปร่างหรือได้ยินเสียงรถ ตนก็ทราบแล้วว่าเป็นใคร
นางอยู่ กล่าวต่อว่า จากพฤติกรรมของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวดูน่าสงสัย ส่วนจะเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ท่าทางของชายทั้ง 2 คนดูน่ากลัว ทำให้ตนคิดมากไปต่าง ๆ นานา จนตนนอนไม่หลับหลายคืน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวตำรวจเคยมาถามว่าเห็นใครผิดปกติผ่านมาบ้างหรือไม่ ตนก็ได้ให้ปากคำกับตำรวจไปหมดแล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่กล้าบอกสื่อฯ เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย
นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ เปิดเผยว่า หมวกไหมพรมที่บ้านตนเองก็มีแต่สีฟ้า กับสีน้ำตาล ตนไม่มีสีม่วง ส่วนตัวก็ไม่แน่ใจว่าใครมีบ้าง เพราะส่วนใหญ่ชาวบ้านก็มีกันเยอะ ส่วนตนเองจะใส่เวลาไปกรีดยาง ซึ่งตนเองจะใส่คนเดียว ป้าแต๋นไม่ใส่ ส่วนตัวที่ใส่เพราะมันกันยุงได้ ซึ่งปกติคนก็จะใส่กันทั่วไปแทบทุกบ้าน
นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ ให้ข้อมูลว่า ตนไม่มีหมวกไหมพรมสีม่วง มีเพียงหมวกไหมพรมเขียว ให้เจ้าของคำพูดชี้แจง ตำรวจก็คงต้องสืบถ้าหากบอกตำรวจไปแล้ว ซึ่งแม่น้องชมพู่ได้นำหมวกไหมพรมให้ทีมข่าวดู เป็นหมวกไหมพรมสีเขียวสลับสีม่วงเข้ม
ล่าสุดวันที่ 16 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ นางกะทิ (นามสมมติ) ชาวบ้านอีกคนที่เห็นชายปริศนาสวมหมวกไหมพรมสีม่วง โดยนางกะทิ เล่าว่า วันที่ 11 พ.ค.63 ช่วงเวลาประมาณ 7 โมงกว่า ๆ ตนเห็นชายปริศนา รูปร่างสันทัด ขี่รถจักรยานยนต์ไปทางโรงเรียนกกกอก ท่าทีดูลุกลี้ลุกลน มองซ้ายมองขวาตลอดเวลาจนผิดสังเกต ซึ่งการเเต่งกาย สวมหมวกไหมพรมสีม่วง สภาพใหม่ สวมเสื้อเเขนยาวโทนสีขาว สวมกางเกงยีนส์ขายาวโทนสีฟ้า รองเท้าสีดำ คล้ายกับรองเท้าขึ้นเขา ส่วนรถที่ใช้ คล้าย ๆ กับยี่ห้อฮอนด้า โซนิค สีน้ำเงินขาว ไม่ติดเเผ่นป้ายทะเบียน
จากนั้นเวลาประมาณ 8 โมงกว่า ๆ รถคันเดิมกลับมาอีกรอบ คราวนี้มีชายอีกคนรูปร่างเล็กกว่าซ้อนท้ายมา การเเต่งกายคล้ายกันคือเสื้อเเขนยาวโทนสีขาว กางเกงยีนส์ขายาวโทนสีฟ้า สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว สวมหมวกไหมพรมสีม่วง สภาพใหม่เหมือนกัน เเล้วเลี้ยวเข้าไปในซอย 3 โดยซอยดังกล่าวสามารถทะลุสวนยางพาราของนายเเต เเละไปถึงบ้านน้องชมพู่ได้
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที รถคันดังกล่าวขับออกมาจากซอย เเต่คราวนี้นั่งรถมา 3 คน มีการเปลี่ยนคนขับ โดยชายที่รูปร่างเล็กกว่าขับ มีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นั่งตรงกลาง มือเด็กทั้งสองข้างกำเสื้ออยู่ที่ตำเเหน่งเอวของคนขับ
เด็กสวมเสื้อกล้ามสีขาว ส่วนกางเกงจำสีที่เเน่ชัดไม่ได้ คล้ายสีน้ำเงินหรือสีเขียว มีลายการ์ตูน สวมรองเท้าเเตะสีฟ้า ซึ่งตนไม่เห็นหน้าเด็ก เพราะเด็กหันหน้าไปอีกฝั่ง เเต่เด็กนั่งนิ่ง ไม่ได้มีการดิ้นเเต่อย่างใด ส่วนผู้ชายที่รูปร่างใหญ่กว่า นั่งปิดท้าย ท่าทีลุกลี้ลุกลน มองซ้ายมองขวาตลอด เเล้วรถคันดังกล่าวก็ขับออกจากซอย ผ่านไปทางกลางหมู่บ้าน
นางกะทิ ยังกล่าวอีกว่า ตนไม่เคยเห็นรถคันดังกล่าว เเละไม่คุ้นกับชายสองคนนั้นเลย คาดว่าเป็นคนที่อื่น ซึ่งตอนเเรกตนไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่อง จึงไม่ค่อยได้สนใจ กระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น. ทราบข่าวว่าน้องชมพู่หาย ตนจึงฉุกคิดถึงชาย 2 คนที่ตนเห็น ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือไม่ตนก็ไม่ทราบ เเต่ท่าทีดูน่าสงสัย เเละมั่นใจว่าน่าจะเป็นรถคันเดียวกับที่นางอยู่เห็น ซึ่งตนก็ได้ให้ข้อมูลกับตำรวจไปเเล้วเช่นกัน ยืนยันว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริง ตำรวจก็รู้ข้อมูลนานเเล้ว เเต่ตนไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย
นางวงศ์ ปู่ฝ้าย ชาวบ้านที่อยู่ซอย 3 เปิดเผยว่า ตนกลับมาจากนาและอยู่ที่บ้านในช่วงเวลา 08.00 - 09.00 น. ซึ่งช่วงนั้นตนก็นั่งอยู่แคร่หน้าบ้าน ก็ไม่เห็นว่าจะมีรถของใครขี่เข้ามาในซอย และในช่วงที่น้องชมพู่หายไป ตนก็ไม่เห็นว่าจะมีรถโซนิค หรือไอ้โม่งม่วงขี่เข้ามาในซอยเลย
ทั้งนี้ตนกล้ายืนยันว่า ไม่เห็นใครเข้ามาในซอยจริง ๆ และไม่ได้ยินเสียงรถขี่อยู่ในซอยเลย อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่เห็นจริง ๆ ถ้าหากคนเห็น ก็คงจะบอกไปแล้วว่าเห็น ไม่โกหก
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ นายสหรัฐ ยาสาไชย หรือช่างเบิร์ด ช่างซ่อมรถประจำหมู่บ้านกกกอก กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นช่าง เห็นรถจักรยานยนต์ทุกคันในหมู่บ้าน ขอยืนยันว่าในหมู่บ้านกกกอก ไม่มีรถจักรยานยนต์ฮอนด้า โซนิค สีน้ำเงินขาว
นอกจากหมู่บ้านกกกอกเเล้ว ตนยังรู้จักวัยรุ่นหมู่บ้านข้างเคียง เช่น หมู่กกตูม ก็ไม่เคยเห็นคนกกตูมใช้เช่นกัน ตนจึงเชื่อว่ารถที่นางกะทิเห็น น่าจะเป็นรถที่อื่น เพราะรถในชุมชน ชาวบ้านจะคุ้นตากันดี ส่วนชายปริศนา 2 คน ก็น่าจะเป็นคนที่อื่นเช่นกัน หากเป็นคนในพื้นที่ ไม่ว่าจะอำพรางตัวอย่างไร คนย่อมจำได้ เเม้แต่สับมาเป็นชิ้น ๆ ก็ยังจำได้ว่าเป็นใคร
ทีมข่าวสอบถาม นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ เปิดเผยว่า เรื่องเบาะแสของป้ากะทิ ตนคิดว่าหากเป็นเรื่องจริง ข้อมูลจริง ตนคิดว่าคน ๆ นั้นน่าจะรู้จักว่าเป็นใคร อีกอย่างข้อมูลนี้ควรจะให้นานแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาพูด หากมีการจดจำได้และเป็นข้อมูลจริง ตนคิดว่าก็คงมีประโยชน์กับคดี เพราะที่ผ่านมาความจริงคือความจริง
ส่วนตัวไม่แน่ใจรถโซนิคเป็นของใคร ส่วนตัวไม่เคยมี จะมีในหมู่บ้าน ก็เป็นสีอื่น ตนคิดว่าข้อมูลนี้ผ่านมา 3 เดือนทำไมข้อมูลถึงเพิ่งออกมา ส่วนเด็กที่เห็นจะเป็นชมพู่ไหม ต้องให้คนที่เห็นตอบ เพราะตนไม่ได้เห็น
นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ ให้ข้อมูลว่า ในวันที่ 11 ส.ค.63 เวลา 07.00 - 08.15 น. ช่วงที่ตนนั่งกินข้าวอยู่หน้าบ้าน ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครหรือไอ้โม่งขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา สำหรับข้อมูลที่บอกว่ามีเด็กนั่งไปด้วยนั้น ตนว่าถ้ามีเด็กจริง ๆ ตนก็คิดว่ามีโอกาสจะเป็นคนร้าย ซึ่งถนนหมู่บ้านใคร ๆ ก็ขี่ผ่านได้ แต่ถ้าเข้ามาในซอยจริง ๆ ก็มีโอกาสที่จะเป็นคนร้าย
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้ทำการจำลองระยะการมองเห็น หลังจากที่นางกะทิ ชาวบ้านในพื้นที่ ได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าว ในเรื่องชายปริศนาที่ขี่รถจักรยานยนต์มานำเด็กผู้หญิงออกไปจากหมู่บ้าน ซึ่งนางกะทิสามารถจดจำลักษณะชายปริศนา รวมถึงการเเต่งกายได้เป็นอย่างดี
ทีมข่าวจึงทำการจำลอง ว่าหากยืนอยู่ริมถนน เเล้วมีรถขับผ่านหน้า 2-3 รอบ ในระยะสายตา จะสามารถมองเห็นลักษณะการเเต่งกายได้ชัดเจนเพียงใด หรือจดจำได้หรือไม่ ทีมข่าวทดลองโดยการให้ช่างภาพตั้งกล้องอยู่ริมถนน ระยะห่าง 3 เมตร
จากนั้นให้ผู้สื่อข่าว สวมเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าบู้ทสีดำ ผ้าขาวม้าคาดเอวสีเขียว สวมหมวกสีเขียว ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงินดำ ผ่านหน้ากล้อง รอบที่ 1 ไปทางโรงเรียนกกกอก จากนั้นทดลองขับผ่านรอบที่ 2 เป็นขากลับ เลี้ยวเข้าซอย จากนั้นทดลองขับผ่านรอบที่ 3 ขับออกจากซอย เเล้วเลี้ยวซ้ายผ่านชุมชน
โดยจากการทดลองทั้ง 3 รอบ สามารถมองเห็นรถเเละการเเต่งกายของผู้สื่อข่าวได้อย่างชัดเจน ส่วนในเรื่องการจดจำ ไม่สามารถระบุได้ ขึ้นอยู่กับเเต่ละบุคคล หรือเหตุการณ์ที่เสริมความทรงจำ
ไทม์ไลน์ช่วงเวลาซื้อน้ำแข็ง ในเวลา 07.30 น. นายอนามัย ออกจากบ้าน ส่วนเวลา 08.16 น. นางสาวิตรี ออกจากบ้าน ถัดมาเวลา 08.30 น. น้องสะดิ้งกับน้องชมพู่ไปซื้อน้ำแข็ง ขณะที่ในเวลา 08.30 น. นายแต เจ้าของร้านชำ ยืนยันว่าเด็กทั้งคู่มาซื้องน้ำแข็งจริง ส่วนนางมิน ก็เห็นว่าในเวลา 08.30 น. เด็กทั้งคู่เดินไปซื้อน่้ำแข็ง
เมื่อสรุปความเป็นไปได้ เด็กซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ชายต้องสงสัย แม่ชมพู่ บอกว่า "มีโอกาสเป็นไปได้" ลุงพล บอกว่า "ไม่ขอแสดงความเห็น" ตาชาญ บอกว่า "ไม่ขอออกความเห็น"
Advertisement