จากกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาไลฟ์สดแสดงความเห็นการตายของน้องชมพู่ ซึ่งทีมงานชมรมฯ ได้วิเคราะห์จากผลการชันสูตรของทีมแพทย์ว่าเด็กอาจถูกทรมานอย่างแสนสาหัส บาดแผลที่เกิดขึ้น เกิดก่อนเสียชีวิตไม่นาน ถูกลงโทษเป็นรอยแผลตามแผ่นหลัง ลำตัว และแขนขา
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
โดยสันนิษฐานว่าถูกตีด้วยก้านมะยม จึงทำให้เด็กช็อกตาย ตาค้างมือเกร็งอย่างทรมาน อาจเพราะความกลัวสุดขีด ส่วนเลือดตกปลายขา น่าจะมาจากการยืนเสียชีวิต ตามที่ปรากฏเป็นกระแสวิจารณ์นั้น
สภาพร่างกายของน้องชมพู่ท่อนบน ได้แก่ สะโพกมีรูบุบ แผ่นหลังพบรอยขีดข่วน ปาก,รูจมูก,หู มีหนอนซอนไซ กระจกตาดำทั้ง 2 ข้างแห้งและเริ่มขุ่น ริมฝีปากเป็นสีม่วง มีสายสิญจน์พันที่ข้อมือขวา
สภาพร่างกายของน้องชมพู่ท่อนล่าง ได้แก่ ขามีสีเข้มทั้ง 2 ข้าง ข้อเท้าพบรอยขีดข่วน และเท้าเป็นแผลพุพอง
ล่าสุดวันที่ 21 ก.ค.63 นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า สำหรับคนที่วิเคราะห์ว่าน้องชมพู่ถูกตีด้วยก้านมะยมในวันที่ 10 พ.ค.63 นั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่น้องชมพู่จะถูกตีจนตายด้วยก้านมะยม อีกทั้งตนก็ไม่เคยใช้ก้านมะยมตีลูก ถ้าตีก็จะตีด้วยมือและตีบริเวณน่องเท่านั้น กรณีถ้าตีด้วยก้านมะยมก้านเดียวจนตาย แผลก็น่าจะเต็มตัว และถ้าตีด้วยก้านมะยมหลายมัดรวมกันนั้น ลักษณะแผลก็คงจะเหมือนไม้แข็ง ๆ มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ตนแทบจะไม่เคยตีลูกเลย เพราะน้องชมพู่เป็นลูกคนเล็กที่ตนรักมาก และลูกก็ยังเด็ก อายุห่างจากน้องสะดิ้งถึง 10 ปี สุดท้ายวันนี้ตนก็รู้สึกดีใจที่นายสิระ เจนจาคะ ลงพื้นที่มาดูแลทุกข์สุขของชาวบ้าน ที่จ.มุกดาหาร
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 20 ก.ค.63 ที่ผ่านมา ทีมข่าวได้พิสูจน์ต้นมะยมบ้านกกกอก โดยต้นมะยมต้นแรก เป็นต้นมะยมของ นายก้อง (นามสมมติ) ต้นนี้อยู่ตรงข้ามบ้านน้องชมพู่ เพียงแค่ 20 เมตร อายุของต้นมะยม 1 ปี พ่อและแม่น้องชมพู่ไม่เคยมาขอก้านมะยม และไม่เคยเห็นแม่น้องชมพู่ตีลูกด้วยก้านมะยม แต่เห็นนายอนามัย ตีชมพู่ด้วยฝ่ามือแค่เบา ๆ เท่านั้น
ต้นที่สองเป็นต้นมะยมของแม่แอ๋ม มีอายุ 3 ปี อยู่ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 70 เมตร โดยแม่แอ๋มไม่เคยเอาก้านมะยมตีลูกหลาน และแม่น้องชมพู่ไม่เคยมาขอก้านมะยมที่บ้านแม่แอ๋ม
ต้นที่ 3 ต้นมะยมของนายแต อายุ 3 ปี อยู่ห่างจากบ้านน้องชมพู่ประมาณ 200 เมตร นายแตไม่เคยเอาก้านมะยมตีลูกหลาน
ต้นที่ 4 ต้นมะยมของแม่พี อายุ 4 ปี ต้นนี้ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 180 เมตร และแม่พีไม่เคยเอาก้านมะยมตีลูกหลาน
ต้นที่ 5 ต้นมะยมของตาชาญ (ตาของน้องชมพู่) อายุประมาณ 5 ปี ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 150 เมตร โดยตาชาญไม่เคยเอาก้านมะยมตีลูกหลาน
ต้นที่ 6 ต้นมะยมของพ่อแบม อายุประมาณ 4 ปี บ้านพ่อแบมห่างจากบ้านน้องชมพู่ 400 เมตร โดยพ่อแบมไม่เคยเอาก้านมะยมตีลูกหลานเช่นเดียวกัน
ต้นที่ 7 ต้นมะยมของลุงพล ป้าแต๋น โดยทั้งสองคนก็ไม่เคยเอาก้านมะยมตีลูก เนื่องจากก้านมะยมเล็กไป และต้นมะยมบ้านลุงพลก็อยู่ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 450 เมตร
ขณะที่นายแต เจ้าของร้านชำ ให้ข้อมูลว่า ปกติแล้วน้องสะดิ้งและน้องชมพู่จะมาซื้อของที่ร้านตน อย่างเช่น น้ำส้ม ซึ่งตนก็ไม่เคยเห็นว่าเด็ก ๆ ถูกตี หรือตามร่างกายมีร่องรอยของแผลแต่อย่างใด
ในเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายรัชพล ศิริสาคร ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง.ผบตร. ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ โดยให้ไต่สวนข้อเท็จจริง
นายรัชพล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค.63 ที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ ได้ไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำภาพศพของน้องชมพู่ขณะโป๊เปลือยมาวิเคราะห์ ตนมีความสงสัยต้องมีคนนำภาพดังกล่าวมาให้ เพราะภาพดังกล่าวอยู่ในสำนวน ตนขอให้ลงโทษสถานหนัก โดยมีความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วยนายอัจฉริยะหากสืบสวนสอบสวนมาแล้วมีความผิด ต้องถูกดังข้อกล่าวหาดูหมิ่นศพ และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ขอให้ดำเนินคดีข้อหาเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่น ในการกระทำความผิด วันนี้ตนจึงได้เดินทางมายื่นหนังสือคำร้องต่อพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง.ผบตร. เพื่อให้สอบสวนว่าใครเป็นผู้นำภาพมาให้แก่นายอัฉริยะ
โดยส่วนตัวไม่ได้มีปัญหากัน ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง ส่วนเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งภาพ ที่มีผลต่อสำนวนคดีน้องชมพู่ หรือเป็นความลับของทางราชการมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีพล.ต.ต.กิตต์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบช.ภ.1 มารับเรื่องร้องเรียนและหนังสือดังกล่าว
Advertisement