
จากกรณีเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 11 มิ.ย.63 ร.ต.อ.นิพนธ์ คงพูล รอง สว.สอบสวน สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุชายถูกรุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดหน้าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ซอยเทพารักษ์ 112 ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยชุดสืบสวน เดินทางไปตรวจสอบ


เมื่อเจ้าหน้าที่ไปพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุได้พากันแยกย้ายกันหลบหนีไปก่อนแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบว่ามีด้วยกัน 3 คน ซึ่งทั้งหมดได้เดินทางไปรักษาตัวที่ รพ.จุฬารัตน์ 3

โดยหนึ่งในนั้นคือนายบัณฑิต ชวาลา อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวประจำ จ.สมุทรปราการ มีบาดแผลฉีกบริเวณริมฝีปากจากการถูกชกต่อย เย็บ 18 เข็ม ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย คือนายวรากร ใจดี อายุ 40 ปี มีรอยฟกช้ำบนใบหน้า และน.ส.นพักชล ศรีสุวรรณ์ อายุ 38 ปี ภรรยาของนายวรากร มีรอยฟกช้ำตามตัว จากการที่ใช้ตัวเข้าไปปกป้องสามี

ล่าสุดวันที่ 12 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมายัง สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ซึ่งทางกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ได้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ประกอบด้วย 1.นายชาญชัย อุดมผล อายุ 32 ปี ผู้ที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนักข่าว 2. นายโฉนด หังสวนัส อายุ 46 ปี 3.นายวรชัย เกตุศิริ อายุ 34 ปี 4.นายวิษณุ หังสวนัส อายุ 41 ปี 5. นายจรุงกิจ ศักดิ์สมพงษ์ อายุ 35 ปี 6.นายภาคภูมิ หังสวนัส อายุ 41 ปี 7.นายชัยวัฒนา รุ่งแหล่ม อายุ 35 ปี และ 8.นายศราวุฒิ ดำแพร อายุ 38 ปี

ต่อมาได้พูดคุยกับผู้เสียหายสองคนแรก ชื่อนายวรากร ใจดี และน.ส.นพักชล ศรีสุวรรณ์ ผู้บาดเจ็บ โดยทั้งสองคนเล่าว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 19.00 น. นายวรากรได้นั่งรอน.ส.นพักชล เลิกงาน กระทั่งทั้งสองคนก็ได้นั่งเล่นที่หน้าปากซอยเทพารักษ์ 112 และมีนายบัณฑิต ชวาลา ที่มีอาชีพเป็นนักข่าวท้องถิ่น ของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง มาร่วมนั่งเล่นกับพวกตนด้วย
ในระหว่างนั้นก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ จำนวน 8 คน เดินเข้ามาหาพวกตน และมีชายคนหนึ่งในกลุ่มนี้ ที่แต่งกายสวมใส่เสื้อสีดำ เดินเข้ามาถามตนว่า "มึงชื่ออะไร" โดยถามย้ำประมาณ 3 ครั้ง แต่ตนก็ไม่ตอบชายคนดังกล่าว จากนั้นชายเสื้อดำจึงเข้ามาทำร้ายร่างกายตน โดยการต่อยเข้าที่ใบหน้าประมาณ 4 ครั้ง จากนั้นภรรยาของตนก็เข้ามากันตนไม่ให้ชายคนดังกล่าวทำร้าย ทำให้ภรรยาของตนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณไหล่ขวา ริมฝีปากบน และต้นขาซ้าย เนื่องจากภายหลังชายสุดดำได้ขึ้นกระบะรถยนต์และใช้เท้าเตะตน

ทางด้านน.ส.นพักชล เล่าว่า ตนเห็นสามีถูกชายเสื้อดำทำร้าย จึงได้เข้าไปห้าม และป้องกันสามีตนไว้ ทำให้ตนถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ พกช้ำตามลำตัว และมีบาดแผลที่ริมฝีปากบน ระหว่างที่ตนกันสามีอยู่นั้น ก็มีชายคนหนึ่งจะยกเก้าอี้มาทำร้ายตนและสามี แต่ก็มีเพื่อนของผู้ก่อเหตุเข้าห้ามไว้ได้ก่อน ซึ่งระหว่างที่สามีและตนบาดเจ็บ นายบัณฑิต เดินออกไปโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่กู้ภัย แต่กลับถูกชายเสื้อสีน้ำเงินทราบชื่อคือ นายชาญชัย อุดมผล ได้ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บที่ริมฝีปาก คาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ คงคิดว่านักข่าวจะไปโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงก่อเหตุทำร้ายร่างกายดังกล่าว

ทั้งนี้พวกตนไม่เคยมีเรื่อง หรือรู้จักกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด คาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นบุคคลที่รู้จักกับอริของตนคนหนึ่ง ที่เคยมีปัญหากันเมื่อ 3 ปีที่แล้ว สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าน่าจะมาจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตนเคยมีปัญหากับสาวทอมคนหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหาเรื่องผู้หญิงทั่วไป และทอมก็ได้ไปเล่าเรื่องที่ตนมีปัญหาให้กับผู้ชายอีกคนฟัง ชายคนนี้เคยมาตามราวี และทำร้ายข้าวของตนจนเสียหาย เป็นคดีความเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็น 1 ในผู้ก่อเหตุ แต่เป็นบุคคลที่รู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งตนคาดว่าอาจจะสั่งให้กลุ่มผู้ก่อเหตุ มาทำร้ายตนและสามี
ส่วนทางคดี หลังจากนี้ตนก็จะไปเจรจากับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 8 คน ซึ่งตนก็ไม่อยากให้กลุ่มผู้ก่อเหตุมาตามราวีตนอีก ตนอยากให้ทุกอย่างจบเพียงเท่านี้ และต่างคนต่างอยู่

ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับนายบัณฑิต ชวาลา นักข่าวที่บาดเจ็บ บริเวณริมฝีปากบนด้านซ้าย จนต้องเย็บถึง 18 เข็มนั้น เล่าว่า วันเกิดเหตุกำลังนั่งพูดคุยกับนายวรากรและน.ส.นพักชล ระหว่างนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุก็บุกเข้ามาทำร้ายร่างกายนายวราการ จนบาดเจ็บ ตนจึงเดินถอยออกมาที่รถกระบะอีกคัน เพื่อจะโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย

ทันใดนั้นก็มีผู้ชายสวมเสื้อสีน้ำเงินคนหนึ่ง เดินเข้ามาสอบถามตนว่า "มึงจะแจ้งตำรวจเหรอ" หลังจากพูดเสร็จ ชายคนดังกล่าวก็เข้ามาต่อย และแทงเข่า จนตนได้รับบาดเจ็บ และริมฝีปากขวาด้านบนฉีกขาด หลังจากเกิดเหตุยังมีชายคนหนึ่งมาขู่ตนอีกว่า "อย่ามามีเรื่องกับพวกพี่ พวกพี่คุมที่นี่ ไม่งั้นน้องจะอยู่ที่นี่ไม่ได้"
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนขอยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน และไม่เคยมีปัญหากับชายกลุ่มนี้ ส่วนนายวรากร และน.ส.นพักชล ตนยอมรับว่าตนรู้จักกัน เนื่องจากมีที่พักอยู่ซอยเดียวกัน ตอนเกิดเหตุตนตั้งใจจะโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่กู้ภัยเท่านั้น และตนขอยืนยันว่าจะเอาเรื่องผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด ตอนนี้ตนก็หวั่นว่าจะมาทำร้ายตนซ้ำอีก และตนก็มีครอบครัว มีภรรยา มีลูกให้ต้องดูแลอีกด้วย

ทั้งนี้นายบัณฑิต กล่าวต่อว่า เมื่อเช้านายชาญชัย ผู้ก่อเหตุที่ต่อยหน้าตน ได้เดินผ่านตนที่ สภ.สำโรงเหนือ และได้นกมือไหว้ขอโทษตนพร้อมกับพูดว่า "ที่ก่อเหตุไปเขาขอโทษ เขาเข้าใจผิด" โดยอ้างว่าตนเป็นกลุ่มเดียวกันกับนายวรากร และน.ส.พนักชล
หลังจากให้สัมภาษณ์ นายบัณฑิต ยังให้ข้อมูลกับทีมข่าวอีกว่า หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุที่มาขู่ตน เป็นอดีตคนขับรถให้กับนักการเมืองท้องถิ่ง ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ อีกด้วย

นายชาญชัย อุดมผล ผู้ก่อเหตุที่ต่อยหน้านักข่าว ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า ที่ตนก่อเหตุต่อยหน้านักข่าวนั้น เป็นเพราะตนเข้าใจผิด คิดว่านายบัณฑิต นั้นจะโทรศัพท์แจ้งตำรวจ จึงลงมือก่อเหตุ
สำหรับความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 8 คนมารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และรับสารภาพว่าสาเหตุที่มาก่อเหตุมาจากกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีปัญหาค้างคามานานกับกลุ่มผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นปัญหาเก่าของทั้ง 2 ฝ่าย เรื่องที่บาดหมางกันก็ไม่เกี่ยวกับนักข่าวที่บาดเจ็บ และตอนที่ก่อเหตุ กลุ่มของผู้ก่อเหตุก็มีอาการเมาร่วมด้วย ทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุให้การรับปากว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวแบบนี้เกิดขึ้นอีก
Advertisement