แม่ลั่นไม่ให้อภัย พี่ยิงน้องตาย 1 เจ็บ 1 ลูกมือปืนช็อกพ่อลั่นไกปกป้องถูกด่าเปิดเพลงเสียงดัง (คลิป)

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดเหตุทะเลาะวิวาทใช้อาวุธปืนยิงกันมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 13 ม.4 ต.บ้านนา อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยที่เกิดเหตุหน้าบ้านพบพบรถกระบะ สีขาว ทะเบียน บธ - 1579 อ่างทอง จอดอยู่ ที่ท้ายรถพบศพ นายสัญชัย มธุสะระ อายุ 44 ปี สภาพศพนอนหงาย มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง เข้าที่บริเวณแขนขวา 1 นัด ชายโครงขวา 1 นัด

นอกจากนี้มีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่ลำตัว ทราบชื่อ น.ส.มงคลพร มธุสะระ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของผู้เสียชีวิต ช่วยเหลือนำส่ง รพ.อ่างทอง อาการสาหัส ส่วนคนก่อเหตุ ทราบชื่อนายสัญชัย มธุสะระ หรือ ยา อายุ 48 ปี

ล่าสุดวันที่ 8 พ.ค.63 เวลา 13.30 น. ที่สถานีตำรวจภูธรมหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 แถลงข่าวการจับกุมตัวนายพิทยา พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซองสั้นและอาวุธปืนลูกซองยาว อย่างละ 1 กระบอก

โดยพล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่า จากการสอบสวนนายพิทยา ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุยิงน้องชายกับน้องสาวจริง สาเหตุเป็นเรื่องความคับแค้นใจที่สะสมมานาน โดยอ้างความเป็นพี่ชายคนโต แต่น้องชายไม่เคารพ และไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องทรัพย์สินแต่อย่างใด

ส่วนการโต้เถียงเรื่องเปิดเพลงเสียงดังก็เป็นคำให้การของผู้ต้องหา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบทางพยานแวดล้อมต่อไป ทั้งนี้อาวุธปืน 2 กระบอกที่พบเป็นปืนที่ค้นเจอที่บ้านของผู้ต้องหา ตรวจสอบแล้วมีใบอนุญาตถูกต้อง ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ ผู้ต้องหาอ้างว่า โยนทิ้งระหว่างหลบหนี ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นหาให้พบเพื่อใช้ประกอบในสำนวนคดี นอกจากนี้จะมีการสอบสวนต่อไปว่า เหตุใดผู้ต้องหาจึงมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง เป็นจำนวนถึง 3 กระบอก

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายพิทยา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดแรกบริเวณใต้ถุนบ้าน ซึ่งอยู่ติดกับบ้านผู้เสียชีวิต มีรั้วไม้ความสูงประมาณ 1 เมตรกั้นอยู่ ซึ่งเป้นจุดที่ลูกชายของผู้ต้องหา ยืนเถียงกับน.ส.มงคลพร น้องสาวและนายสัณชัย น้องชาย

จากนั้นนายพิทยา ที่ยืนอยู่ใกล้กับลูกชาย ก็ถีบรั้วกั้นออก ก่อนจะใช้ปืนที่พกที่เอวจ่อยิงน้องสาว 1 นัด และหันไปยิงน้องชายที่ยืนห่างกันประมาณ 1 เมตรอีก 2 นัดล้มลงไปทั้งคู่ จากนั้นจึงขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนจุดที่ 2 คือถนนห่างจากบ้านประมาณ 30 เมตร ซึ่งนายพิทยา อ้างว่านำปืนมาทิ้งหลังก่อเหตุ

โดยนายพิทยา กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ทำลงไป อยากขอโทษแม่ ยอมรับว่าทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ส่วนปมเหตุนั้นอยากให้ไปถามชาวบ้านในพื้นที่ เพราะส่วนใหญ่รู้ดี

ด้านนางกิมเฮียง มธุสะระ อายุ 69 ปี แม่ของผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิต กล่าวว่า คนก่อเหตุกับผู้เสียชีวิตมีปัญหากันมานานหลายปีแล้ว โดยเป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สะสมมานาน ทั้งเรื่องพื้นที่การเข้าออกบ้าน และเรื่องอื่น ๆ โดยหากทะเลาะกันตนก็จะเป็นฝ่ายห้ามปรามตลอด ส่วนวันเกิดเหตุตนไม่อยู่บ้าน ทราบว่ามีปัญหากันเรื่องที่หลานชายเปิดเพลงเสียงดัง แล้วลูกสาวเดินมาบอกให้เบาเสียง เพราะไม่สบาย ต้องการความสงบ หลังจากนั้นหลานชายก็ด่าลูกสาวด้วยคำหยาบคาย จนช่วงบ่ายนายสัญชัย ลูกชายคนที่ 2 กลับมาบ้าน นายพิทยา ผู้ก่อเหตุขับรถตามมา เพราะหลานชายน่าจะฟ้องพ่อ เมื่อมาถึงก็ยิงน้องสาวตัวเองก่อนยิงน้องชาย

ส่วนตัวไม่รู้ว่าทำไมนายพิทยา จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว แต่คิดว่าหากตนอยู่ด้วยก็คงจะตายแทนลูก เพราะจะเอาตัวไปบังกระสุนไว้ โดยนายพิทยา ยิงนายสัญชัยขณะที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ระวังตัว

ทั้งนี้ที่ผ่านมาลูกชายทั้ง 2 คนไม่เคยทะเลาะถึงขั้นลงไม้ลงมือรุนแรง จึงไม่คาดคิดว่านายพิทยา จะกล้าลงมือก่อเหตุ ซึ่งหลังนายพิทยา เข้ามอบตัว ตนก็ยังไม่ได้พูดคุยกับอีกฝ่าย ตนยืนยันจะเอาเรื่องนายพิทยาให้ถึงที่สุด ต่อให้เป็นลูกก็ไม่ยอม เพราะเลี้ยงมาไม่ได้ให้มาฆ่ากัน ส่วนคนตายเป็นคนดี ขยันทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว ส่วนลูกสาวก็นิสัยดี ชอบเข้าวัดทำบุญ ทั้งนี้นายพิทยา เป็นคนอารมณ์ร้อน เคยนำปืนมาขู่ว่าจะฆ่าให้หมดบ้านด้วย 

จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนายชาครี (สงวนนามสกุล) ลูกชายผู้ต้องหา ซึ่งได้นำลำโพงเคลื่อนที่ขนาดความสูงประมาณ 50 ซม. ความกว้างประมาณ 30 ซม. มาให้ดู

นายชาตรี กล่าวว่า ลำโพงดังกล่าวเพิ่งซื้อมาประมาณ 1 เดือน เพื่อใช้เปิดเพลงออกกำลังกายลดน้ำหนัก วันเกิดเหตุช่วงเช้า ตนเปิดเพลงความดังระดับสุด แต่เปิดอยู่บนบ้าน หันลำโพงออกถนน ระหว่างนั้น น.ส.มงคลพร มาเตือนแต่ตนไม่ได้ยิน เมื่อตนปิดเพลงน้าสาวก็พูดว่าเปิดเพลงไม่เกรงใจเลยเสียงดังมาก

จากนั้นตนก็ออกจากบ้านไป จนกลับมาช่วงบ่ายนายสัญชัย มาเรียกตนไปเคลียร์เรื่องที่มีปากเสียงกับน้าสาว โดยอีกฝ่ายยืนกันอยู่ 4 คน น้องชายพ่อ น้าสาว หลานสาวน้องน้องชายพ่อ และยายที่เป็นเครือญาติกัน ซึ่งตนก็มีปากเสียงกับอีกฝ่าย ทันใดนั้นพ่อตนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็เดินไปชักปืนยิงก่อเหตุดังกล่าว 

โดยตนไม่เคยรู้ว่าพ่อมีปืน และไม่รู้ว่าพ่อคิดอะไรอยู่ แต่ที่ผ่านมาครอบครัวตนก็มีปัญหากันมาโดยตลอด ทั้งนี้ที่ผ่านมาพ่อเป็นคนเงียบ ๆ ไม่เคยมีปากเสียงกับอีกฝ่าย และตนก็ไม่เคยเล่าว่าทะเลาะกับน้าสาวเรื่องเปิดเพลงเสียงดัง จึงไม่ทราบว่าพ่อรู้เรื่องได้อย่างไร เพราะก่อนหน้านี้เวลาตนเปิดเพลง ฝ่ายน้าสาวก็เปิดลำโพงของตัวเองหันออกมาทางบ้านตน เพื่อกลบเสียงเพลงของตน

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มหาราช ระบุว่า เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น พยายามฆ่า มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หรือทางสาธารณะ