Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
พิสูจน์จุดลุงแขวนคอตายคาผา คาดโยงผัวเมียแสบโกงนับล้าน พยานยันเจอก่อนเป็นศพ (คลิป)

พิสูจน์จุดลุงแขวนคอตายคาผา คาดโยงผัวเมียแสบโกงนับล้าน พยานยันเจอก่อนเป็นศพ (คลิป)

28 เม.ย. 63
18:30 น.
แชร์

จากกรณีพบศพชายผูกคอตายบนเขา วัดเทพสถาพร ต.บ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 22 เม.ย.63 ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบปรากฏว่า มีลักษณะใกล้เคียงกับชายที่ถูกแจ้งเป็นบุคคลสูญหาย ในพื้นที่ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ คือ ลุงน้อย อายุ 68 ปี พ่อค้าร้านน้ำ หน้าธนาคาร ธกส.ท่าตะโก โดยหายไปพร้อมกับนายแซมและน.ส.ส้ม คู่สามีภรรยาที่เพิ่งจะก่อเหตุหลอกเงินค่าลอตเตอรี่จากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดท่าตะโก เป็นเงินกว่า 3 แสนบาท ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

278860

สภาพศพสันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 25 วัน ผูกคอด้วยผ้าต่อเชือก ผิวหนังแห้งกร้าน รองเท้ายังตกอยุ่ในที่เกิดเหตุ ศีรษะซ้ายแตก แผ่นหลังมีแผลฉีกขาด และยังพบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 ห่อ นอกจากนี้จุดที่พบศพยังมีความสูงห่างจากตีนเขาประมาณ 70 เมตร ซึ่งต้องเดินขึ้นบันได 200 ขั้น และเดินลัดเลาะแนวเขาอีก 80 เมตรกว่าจะถึงจุดดังกล่าว 

949449

(อ่านเพิ่มเติม : พิรุธหนุ่มใหญ่ผูกคอปริศนาบนหน้าผาสูง คาดโยงผัวเมียโกงหวย หวั่นลวงฆาตกรรมอำพราง)

ล่าสุดวันที่ 28 เม.ย.63 ทีมข่าวเดินทางย้อนกลับไปที่ วัดเทพสถาพร ต.บ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ อีกครั้ง โดยทีมข่าวได้พบกับนายวรรณสว่าง ชิดฉิมพลี อายุ 48 ปี สารวัตรกำนันตำบลบ้านแดน พาทีมข่าวเดินเท้าขึ้นเขาบริเวณหลังวัดเทพสถาพร ไปยังจุดที่พบศพของลุงน้อย พบว่าเส้นทางหลังจากแนวเขตพื้นที่วัดขึ้นไปบนเขา เทปูนทำเป็นบันไดขึ้นไปบริเวณองค์พระที่อยู่ด้านบนเขา

536798

แต่ระหว่างทางจะมีกุฏิพระตั้งอยู่ 2 กุฏิ มีพระจำวัดอยู่ และยังมีลูกศิษย์อยู่ภายในกุฎิร่วมกับพระอีกหลายรูป แต่หลังจากที่พ้นกุฎิหลังที่ 2 ขึ้นไปยังบริเวณองค์พระ จะพบว่าไม่มีพระจำวัดอยู่ จะเป็นพื้นที่ที่ปลอดผู้คน เว้นแต่ว่าช่วงที่มีกิจกรรมของวัด จะมีคนขึ้นไปบริเวณจุดดังกล่าว ส่วนใหญ่จะไม่มีใครขึ้นไปเหนือจากองค์พระ โดยเส้นทางจากหลังองค์พระกลางเขา ขึ้นไปยังจุดพบศพ จะมีระยะห่าง 80 เมตร ไม่มีบันไดปูน ต้องเดินด้วยเส้นทางปกติ เดินเท้าและเหยียบไปตามซอกหิน ปีนป่ายโดยต้องจับต้นไม้พยุงตัวขึ้นไปค่อนข้างลำบาก

577680

หลังจากนั้นทีมข่าวจึงลงมาจากเขาหลังวัดเทพสถาพร จุดที่พบศพของลุงน้อย โดยได้พูดคุยกับ พระใบฎีกาฑูรย์ ปิยะศรีโล พระลูกวัดเทพสถาพร เปิดเผยว่า อาตมาคือพระในวัดที่พบกับชายคนดังกล่าวในช่วงประมาณเดือน มี.ค.63 ที่ผ่านมา แต่งกายมอซอพร้อมกับหมวกลายพราง 1 ใบ เพื่อขอข้าววัดกิน อาตมาจุงได้มอบแกงถุงและข้าวเปล่าให้ไป 1 ชุด แต่สังเกตว่าชายคนดังกล่าวใช้ภาษามือพูดคุย พูดออกเสียง "อ้อ หรือ เอ๊ะ" แล้วเป็นสัญลักษณ์ภาษามือ บอกว่า "หิวข้าว ขอข้าวกินหน่อย" แต่ไม่ใช่คนใบ้

cg2_2

ทั้งนี้หลังจากที่ชายคนดังกล่าวได้รับอาหารไปทานแล้ว ก็หายไปจากวัดประมาณ 3 วัน ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้ง และยังคงสื่อสารเหมือนเดิมว่า "ขอข้าวกินหน่อย" ซึ่งตอนนั้นอาตมาไม่มีกับข้าวเหลืออยู่ จึงได้ยื่นบะหมี่ให้ไป 2 ซอง จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ได้เดินวนไปหยิบน้ำดื่ม 1 ขวด และหายตัวไปจากวัดอีกครั้ง แต่ก็ไม่คิดว่าในวันที่พบเจอศพ จะมีบะหมี่และน้ำดื่มที่อาตมาให้ไปอยู่กับศพ ดังนั้นจึงมีความมั่นใจว่า จะเป็นชายคนเดียวกันกับที่เจอเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อน

พระใบฎีกาฑูรย์ ยังบอกอีกว่า หากย้อนกลับไปวันที่ชายคนดังกล่าวมาที่วัด อาตมาเห็นว่าชายคนดังกล่าวเดินทางมาเพียงลำพัง เหมือนมาขออาศัยข้าวกิน จึงไม่รู้ว่ามีใครมาส่งหรือติดตามมาหรือไม่ ที่สำคัญไม่พบเจอนายแซมและน.ส.ส้ม คู่สามีภรรยาที่เป็นคนพาชายคนดังกล่าวมาส่งที่วัด

cg1_1

อย่างไรก็ตาม ในทุกคืนวันพระ โดยเฉพาะหลังจากวันที่เจอศพแล้ว ช่วงกลางคืนตนมักจะได้ยินเสียงคนมาตะโกนเรียกที่หน้ากุฎิว่า “หลวงตา ๆ” ซึ่งหลังจากที่ได้ยินเสียงดังกล่าว อาตมาก็จะตะโกนกลับไปว่า “ใคร มีอะไร” เพราะเสียงดังกล่าวไม่เคยคุนชิน ไม่ใช่พระและเด็กวัด จึงไม่กล้าเปิดออกไปดู แต่หลังจากที่ตะโกนออกไปแล้ว และไม่มีเสียงโต้ตอบกลับมา จึงพยายามมองผ่านหน้าต่างออกไป ก็ไม่พบเจอใคร จึงเชื่อว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงตะโกนของชายคนดังกล่าว ที่ตัดสินใจผูกคอตาย เพราะเคยมาขออาหารกิน และเคยมาขอความช่วยเหลือ จึงเชื่อว่าอยากได้ส่วนบุญจึงเป็นที่มาของการบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้

219873

239636

นอกจากนี้ละแวกใกล้เคียงยังมีจุดตายโหง พบว่ามีเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ดังนี้ ในปี 60 ชาวบ้านพลาดตกหน้าตาตาย ในปี 62 ชายปริศนาผูกคอตายใต้ต้นไม้ในวัด และเหตุการณ์ล่าสุดปี 63 ลุงน้อยถูกพบเป็นศพผูกคอตายหน้าผาหลังวัดเทพสถาพร จ.นครสวรรค์ 

ขณะเดียวกันทีมข่าว ยังได้เดินทางไปที่ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นบ้านของลุงน้อย ซึ่งเป็นอาคารเก่า 2 ชั้น ปลูกติดกัน หน้าบ้านเป็นประตูกระจกเชื่อมต่อกับประตูเหล็ก 2 คู่หาถูกปิดล็อกเอาไว้ ประตูหน้าบ้านติดสติกเกอร์เขียนว่า "เทวดาเดินดิน"

ส่วนบ้านของนายแซมและน.ส.ส้ม ผู้ต้องสงสัย พบว่าอยู่ติดกับคูหาบ้านของลุงน้อย ประตูรั้วเหล็กหน้าบ้านสีส้ม-น้ำเงิน ถูกล็อกจากด้านนอก หากมองเข้าไปภายในยังพบรถจักรยานยนต์และรถจักรยานจอดเอาไว้ และยังพบอุปกรณ์การเลี้ยงเด็ก คอกและเตียงนอน

893827

นางบัว (นามสมมติ) ซึ่งเป็นคนรู้จักและสนิทกับลุงน้อย มานานกว่า 15 ปี เปิดเผยว่า หลังจากที่กู้ภัยแจ้งว่าเจอศพชายปริศนาผูกคอตายที่เขา หลังวัดเทพสถาพร ตนจึงได้ดูสภาพศพ ยืนยันว่าคือลุงน้อย เพราะเสื้อผ้าการแต่งกาย รวมถึงสภาพศพที่พอจะจำได้ ตนสามารถจำได้แม่น แต่ก็ไม่คิดว่าลุงน้อยจะเสียชีวิตไกลถึงพื้นที่ อ.บรรพตพิสัย เพราะห่างจาก อ.ท่าตะโก ประมาณ 58 กม. จึงเชื่อว่าคนที่อายุมากและมีปัญหาเรื่องสุขภาพ คงจะไม่เดินทางไปด้วยตนเองใกล้ถึง อ.บรรพตพิสัย แต่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายแซมและน.ส.ส้ม ที่ชักชวนให้ลุงน้อย ออกไปจากพื้นที่ แล้วปล่อยทิ้งหรืออาจทำร้ายร่างกายระหว่างทาง

494610

โดยครั้งล่าสุดที่ตนเจอกับลุงน้อย เมื่อวันที่ 17 มี.ค.63 ลุงน้อยได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปพร้อมกับนายแซม ไปที่ตู้เอทีเอ็ม ธกส. บริเวณตลาดท่าตะโก และกดเงินออกไปจำนวน 30,000 บาท ซึ่งตนได้ถามลุงน้อยว่ากดเงินไปทำอะไรมากมาย จึงทราบว่าจะนำเงินไปเที่ยวทะเลกับนายแซมและน.ส.ส้ม พร้อมกับพูดว่า “คงจะไม่อยู่พักใหญ่ จะไปแล้วนะ” ซึ่งครั้งนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ตนได้พบเจอลุงน้อย

จากนั้นก็มีชาวบ้านมาบอกให้ตนทราบว่า ประมาณวันที่ 20 มี.ค.63 ลุงน้อยได้ไปกดเงินอีกครั้งกับนายแซม ที่ตู้เอทีเอ็มถัดไปจากตลาดท่าตะโก นั่นก็เป็นเบาะแสสุดท้ายก่อนที่จะหายตัวลึกลับ แล้วมีการแจ้งความคนหายในเวลาต่อมา ขณะเดียวกันเงินในบัญชีธนาคาร ธกส. ของลุงน้อย มีเงินในบัญชีกว่า 800,000 บาท แบ่งเป็นเงินเก็บส่วนตัว จำนวน 400,000 บาท เงินที่ได้จากประกันชีวิตของภรรยาที่เสียชีวิตไป 20,000 บาท และเงินจากการขายที่ดินอีกประมาณ 600,000 บาท

207533

ทั้งนี้จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าเงินในบัญชีกว่า 800,000 บาท ถูกถอนออกไปหมดบัญชี จึงเชื่อได้ว่าเป็นเพราะนายแซมและน.ส.ส้ม เกี่ยวข้องกับการนำเงินจำนวนดังกล่าวออกจากบัญชี

ที่สำคัญส่วนตัวรู้สึกสงสารลุงน้อย หลังจากที่สูญเสียภรรยา ก็ไม่ได้มีญาติสนิทมากไปกว่ากลุ่มของตน เพราะลูกชายซึ่งเป็นลูกของภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็เป็นลูกติด แต่ลุงน้อยก็รักและดูแลเหมือนลูกชาย เลี้ยงดูมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ

ล่าสุดลูกชายคนดังกล่าวเดินทางไปเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย จึงไม่รู้ว่าตอนนี้ทราบข่าวแล้วหรือไม่ ส่วนญาติของลุงน้อย ไม่แน่ใจว่ายังมีอยู่หรือไม่ เพราะลุงน้อยเหลือตัวคนเดียว เดินทางมาจากกรุงเทพฯ มาพบรักกับภรรยาที่อ.ท่าตะโก จึงลงหลักปักฐานที่นี่ ร่ำรวยมีเงินทองใช้ จึงไม่รู้ว่ายังมีญาติพี่น้องหรือไม่ แต่หากญาติของลุงน้อยรับรู้ อยากให้มาดำเนินการเรื่องทางคดี เพราะจะได้นำศพของลุงออกจากสุสานชั่วคราวภายในวัดพุทธมงคลนิมิต เพื่อมีการชันสูตรพลิกศพ เกี่ยวกับบาดแผลบริเวณศีรษะฝั่งซ้าย และบาดแผลด้านหลังของลุงน้อยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

02

อย่างไรก็ตาม กรณีกระแสข่าว ที่ระบุว่าลุงน้อยเป็นคนปล่อยเงินกู้นอกระบบ ส่วนตัวในฐานะคนสนิทและแม่ค้าในตลาดท่าตะโก ยืนยันว่าลุงน้อยไม่ใช่คนปล่อยกู้นอกระบบ แต่เป็นการช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าด้วยการให้ยืม แต่ละครั้งก็เพียงแค่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ไม่ได้คิดดอกร้อยละ 20 หรือกำหนดดอกเบี้ยที่ชัดเจน เว้นแต่ว่าผู้ที่ยืมเงินไป จะเห็นใจลุงน้อย แล้วจ่ายเป็นดอกเบี้ยเพิ่มเติมเท่านั้น 

วันเดียวกันนี้ทีมข่าวยังได้เจอกับนายวัน (นามสมมติ) อายุ 52 ปี ผู้เสียหายที่ถูกนายแซมและน.ส.ส้ม หลอกเงินค่าลอตเตอรี่ ประจำวันที่ 1 เม.ย.63 ไปใช้ส่วนตัว ทำให้ในพื้นที่อ.ท่าตะโก มีผู้เสียหายกว่า 18 ราย เดินทางเข้าแจ้งความแล้ว รวมเป็นเงินที่คู่สามีภรรยาฉ้อโกง เป็นเงินทั้งสิ้น 1,300,000บาท เฉลี่ยคนละประมาณ 20,000-100,000 บาท

207373

นายวัน เปิดเผยว่า ตนถูกนายแซม และน.ส.ส้ม หลอกลวงเงินไปจำนวน 28,000 บาท โดยต้องการโคต้าหวยจำนวน 300 ใบ ซึ่งทุกงวดพ่อค้าแม่ค้าหวยในพื้นที่อ.ท่าตะโก ก็เคยไหว้วานให้นายแซมและน.ส.ส้ม เป็นตัวแทนรับเงินจากชาวบ้านแล้วไปจ่ายให้กับยี่ปั๊ว เพื่อรับเอาโคต้าลอตเตอรี่มากระจายให้กับพ่อค้าแม่ค้า แต่ในงวดวันที่ 1 เม.ย.63 ทุกคนได้โอนเงินหลังจากหวยออกวันที่ 16 มี.ค.63 เพื่อฝากนายแซม ไปรับโคต้าจากยี่ปั๊ว จากนั้นไม่เกินวันที่ 20 มี.ค.63 ทุกคนจะได้รับโคต้าหวยงวดประจำวันที่ 1 เม.ย.63 เพื่อมาจำหน่าย แต่วันที่ 17 มี.ค.63 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ตรงตามที่ชาวบ้านพบเห็นเบาะแสของลุงน้อยอยู่กับนายแซม แล้วมีการกดเงินจากเอทีเอ็มบัญชีของลุงน้อย จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อกับนายแซมและน.ส.ส้มได้อีก กระทั่งมาเจอศพของลุงน้อยผูกคอตายที่วัดเทพสถาพร ใน อ.บรรพตพิสัย

ส่วนตัวในฐานะผู้เสียหาย อยากให้นายแซมและน.ส.ส้ม มอบตัว ไม่อยากให้มีการกระทำผิด อยากให้นำเงินมาคืนให้กับชาวบ้าน เพราะตอนนี้มีคนได้รับความเดือดร้อนกว่า 18 ราย ที่มีการเดินทางเข้าแจ้งความแล้ว แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องถูกโกงเงินค่าแชร์ และค่าหวย ที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความ อีกทั้งอยากให้ทั้งคู่ออกมาชี้แจงว่า เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของลุงน้อยหรือไม่

263100

ทีมข่าวยังได้เดินทางต่อไปที่ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นบ้านของนายแซม ผู้ต้องสงสัยที่พาตัวลุงน้อยออกจากพื้นที่ โดยพบว่าที่บ้านของนายแซม เป็นครอบครัวใหญ่ อาศัยอยู่ร่วมกันหลายคน มีอาชีพเลี้ยงไก่ชนขาย ส่วนพ่อของนายแซม คือ นายเอีย นุ้ยแก้ว หรืออบต.เอีย อายุ 53 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ท่าตะโก

ขณะที่ทีมข่าวเดินทางไปถึงพบว่า มีกลุ่มผู้เสียหายซึ่งเป็นพ่อค้าแม่ค้าหวยในตลาดท่าตะโก เดินทางมาก่อนทีมข่าวล่วงหน้า เพื่อมาติดตามทวงถาม ขอเงินคืนจากนายแซม ทำให้นายเอีย โต้เถียงกับกลุ่มผู้เสียหาย ลักษณะทำนองว่า ทำไมทุกคนต้องกล่าวหาว่า ตนจะมีส่วนได้เสียกับเงินจำนวนดังกล่าว ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดเกิดจากตัวลูกชาย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพ่อแม่ ทำไมทุกคนต้องนำไปโยงเป็นเรื่องเดียวกัน ทำให้ตนและครอบครัวต้องได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ลูกชายทำผิด ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย จะมาปกป้องทำไม ขอให้ผู้เสียหายทั้งหมดเข้าใจความรู้สึกและหัวอกคนเป็นพ่อแม่ ที่ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูก แต่ทำไมผู้เสียหายต้องโยนความผิดมาที่ตนทั้งหมด

558162

ภายหลังจากที่กลุ่มผู้เสียหาย ยอมออกจากบ้านนายเอียไปแล้ว ทีมข่าวได้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ซึ่งสังเกตได้ว่าอารมณ์ของนายเอีย ใจเย็นขึ้น เปิดเผยว่า ช่วงระยะประมาณกว่า 3 ปี ลูกชายไม่เคยย้อนกลับมาเหยียบที่บ้าน เพราะตนเห็นว่าลูกชายไปก่อคดีเอาไว้หลายคดี จึงไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยวหรือพัวพันกับคนที่บ้าน แม้กระทั่งน้องสาวหรือญาติพี่น้องก็ยังถูกนายแซมฉ้อโกงเหมือนกัน โดยครั้งล่าสุดเมื่อ 3 ปีก่อนลูกชายกลับบ้านมาบอกว่า "จะมาขอดูบ้านเป็นครั้งสุดท้าย จะมาขอเหยียบบ้านเป็นครั้งสุดท้าย" ซึ่งก็เป็นครั้ง เดียวกับที่ตนใช้ปืนไล่ยิงลูกชาย เพราะทนกับพฤติกรรมที่มักจะไปฉ้อโกงชาวบ้านไม่ได้

00_1

ดังนั้นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นของนายแซมและน.ส.ส้ม ลูกสะใภ้ ยืนยันว่าคนในครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีส่วนได้เสีย และไม่ได้รับส่วนแบ่งแม้แต่บาทเดียว ซึ่งหากจะให้ครอบครัวต้องมาชดใช้หนี้ ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นก็ต้องให้นายแซม เป็นคนมาชดใช้สิ่งที่ก่อเอาไว้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งให้ไปรับโทษตามกฎหมาย โดยยืนยันว่าจะไม่มีการประกันตัวอย่างแน่นอน และขอให้ชาวบ้านอย่ากล่าวหาตัวเอง ว่ามีตำแหน่งเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล แล้วจะปกป้องหรือช่วยเหลือลูกชาย

นายเอีย กล่าวทิ้งท้ายไปยังนายแซมว่า หากลุกดูข่าวนี้ขอให้เข้ามอบตัว เพื่อรับผิดชอบในสิ่งที่ก่อเอาไว้ อย่าหลบหนีต่อไป ควรกลับมาชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ที่สำคัญอยากให้ชี้แจงกรณีเรื่องการเสียชีวิตของลุงน้อย ว่าไปฉ้อโกง หลอกลวง หรือทำร้ายคนแก่หรือไม่

Advertisement

แชร์
พิสูจน์จุดลุงแขวนคอตายคาผา คาดโยงผัวเมียแสบโกงนับล้าน พยานยันเจอก่อนเป็นศพ (คลิป)