จากกรณีเมื่อเวลา 20.20 น. วันที่ 23 เม.ย.63 พ.ต.ท.บุญธรรม ฝั่งสระ สว.(สอบสวน) สภ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งเหตุมีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่บ้านหลังหนึ่ง ต.ตาเกษ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั่นครึ่งปูนครึ่งไม้ ใต้ทุนบ้านพบศพนายทิพกร แก้วสีดา อายุ 26 ปี ชาว อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ นอนหงายจมกองเลือด ถูกกระสุนยิงเข้าลำตัวหลายแห่ง ถูกยิงเข้าที่บริเวณกลางท้อง 1 นัด กระสุนทะลุปาก เข้าท้ายถอย 1 และแขนซ้ายอีก 2 นัด รวมทั้งหมด 4 นัด ตรวจสอบบนแคร่ไม้มีสำรับกับข้าวว่างอยู่ พบขวดเหล้าขาวอยู่ใต้แคร่ 1 ขวด และพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม. ตกอยู่บนแคร่ 1 ปลอก และตกอยู่บนพื้นดิน 2 ปลอก
ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายนารงค์ พลพันธ์ อายุ 52 ปี เจ้าของบ้าน อยู่ในสภาพมึนเมา รอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ เนื่องจากกินเหล้าและพูดจาผิดหูกัน อีกทั้งมีเรื่องจำนวนเงินที่ตนถูกทวงจากนายทิพกร ประมาณ 100 บาท จึงเกิดเหตุขึ้น
ล่าสุดวันที่ 24 เม.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เมื่อไปถึงพบว่าเป็นบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณแคร่ ใต้ทุนบ้าน จากการสำรวจพบว่าบริเวณพื้นข้างแคร่ จุดที่ผู้เสียชีวิตถูกยิง ยังคงมีกองคราบเลือดของผู้เสียชีวิตหลงเหลืออยู่บริเวณนี้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายบัวพันธ์ พลพันธ์ อายุ 66 ปี พี่ชายผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุคือนายนารงค์ พลพันธ์ อายุ 52 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตคือ นายทิพกร แก้วสีดา อายุ 26 ปี หลานชาย โดยเหตุเกิดวันที่ 23 เม.ย.63 ที่ผ่านมา ตนเห็นว่านายนารงค์ และผู้เสียชีวิต มานั่งดื่มกินกันที่บ้านจุดเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเย็น กระทั่งเวลา 19.00 น. ขณะที่ตนนอนอยู่ที่บ้านห่างกัน 50 เมตร ได้ยินเสียงปืนดังสนั่น 4-5 นัด ก็รู้สึกตกใจและสะดุ้งตื่นขึ้นมา
แต่ทว่าก็ไม่ได้เอะใจอะไร เนื่องจากปกติแล้ว นายนารงค์ มักจะดื่มสุราเป็นประจำเกือบทุกวันอยู่แล้ว และเวลาเมานายนารงค์ ก็มักจะโวยวายเสียงดัง มักจะชอบยิงปืนขึ้นฟ้าอยู่บ่อยครั้ง
ทำให้ตนเกิดความเคยชิน จึงไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งเวลาผ่านไป 30 นาที ภรรยาของตนเองที่ไปทำธุระกลับมา ได้วิ่งมาบอกตนว่า นายนารงค์ ได้ใช้ปืนยิงนายทิพกร เสียชีวิตคาที่ ข้าง ๆ แคร่ใต้ทุนบ้านที่ทั้งคู่นั่งดื่มกินกัน ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นตนก็ไม่ทราบว่าทั้งคู่มีปัญหาอะไรกัน เนื่องจากปกติตนและชาวบ้านต่างก็ไม่มีใครอยากยุ่งกับ นายนารงค์ อยู่แล้ว เพราะไม่อยากมีปัญหา เพราะทุกครั้งเวลานายนารงค์เมา ก็จะชอบโวยวาย ข่มขู่ทำร้าย จึงไม่มีใครอยากยุ่ง ต่างคนต่างอยู่
อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุ ตนก็รู้สึกเสียใจและตกใจเป็นอย่างมาก ไม่เคยคิดว่านายนารงค์ จะมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ในฐานะที่ตนเป็นพี่ชาย ก็อยากจะขอโทษ ทางฝั่งครอบครัวของ นายทิพกร และอยากบอกว่าเหตุการณ์แบบนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วก็ต้องปล่อยให้ นายนารงค์ รับผลกรรมทางกฎหมายไป โดยที่ตนก็จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวและช่วยประกันตัว เนื่องจากทางครอบครัวก็ไม่มีเงินมากพอจะช่วยเหลือเหมือนกัน
หลังจากนั้นเวลา 18.00 น. ทางญาติของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาบริเวณณจุดเกิดเหตุ เพื่อทำพิธีอัญเชิญวิญญาณของผู้เสียชีวิต โดยญาติจะจุดธูป 1 ดอกปักบริเวณคราบเลือดของผู้เสียชีวิต และนำน้ำ 3 สี ข้าวต้มมัด 3 มัด ข้าวเปล่า และดอกดาวเรือง 5 ดอก มาใช้ประกอบพิธี ก่อนจะเรียกเชิญวิญญาณผู้เสียชีวิตไปที่วัดสถานที่จัดสวดอภิธรรมศพของผู้เสียชีวิต
หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางปราณี คำพากูล อายุ 48 ปี น้าสาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นสร้างความเจ็บใจและเสียใจให้กับคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลานชายเป็นคนดี ไม่เกเร แต่ตนก็ไม่รู้ว่าหลานชาย กับนายนารงค์ มานั่งดื่มกินกันได้อย่างไร และก็ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องที่เกิดขี้นมันมีที่มาที่ไปอย่างไร นายนารงค์ ถึงได้ยิงหลานชายของตัวเองจนเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามหากเป็นไปได้ ตนอยากจะให้ นายนารงค์ มาขอขมาศพหลานชายที่เสียชีวิต และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุด ไม่ต้องมีโอกาสได้ออกมาจากคุกอีก สุดท้ายนี้ตนก็อยากจะบอกกับหลานชายว่า "ขอให้ไปสู่พบภูมิที่ดี และไม่ต้องห่วงอะไร"
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายนารงค์ ให้การรับสารภาพว่า นายทิพกร เป็นคนต่างหมู่บ้าน มากินเหล้ากัน และต้มไก่บ้านทำเป็นกับแกล้มอย่างดี กินจนเมาได้ที่ ผู้เสียชีวิตเกิดพูดจาไม่เข้าหูถึงขั้นด่าหยาบคาย ซึ่งนายนารงค์ เป็นเจ้าถิ่นขาใหญ่ จึงทนไม่ไหว ที่ถูกผู้เสียชีวิตพูดจาดูถูก จึงมีปากเสียงและชกต่อยกัน ก่อนชักปืน 9 มม. ยิงผู้เสียชีวิตหงายท้องร่วงแคร่นั่ง และยิงซ้ำอีกหลายนัดจนหมดแม็ก ก่อนรอมอบตัวกับตำรวจในที่เกิดเหตุ
เบื้องต้นตำรวจได้นำตัว นายนารงค์ ไปตรวจหาเขม่าดินปืนเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับแจ้งข้อหา "ฆ่าคนตายโดยเจตนา" ก่อนนำตัวเข้าห้องควบคุมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
Advertisement