จากกรณีโลกโซเชียลแห่แชร์เรื่องราวของชายคนหนึ่งซึ่งตกเป็นผู้เสียหาย หลังเจ้าตัวถูกแฟนสาวที่เป็นเน็ตไอดอล เชิดเงินหมั้นประมาณ 140,000 บาท มีทั้งทองแท่ง 7 บาท 50 สตางค์ เงินสด 20,000 บาท และหันไปคบนักการเมืองคนหนึ่ง
ซึ่งทั้งสองคบหากันตั้งแต่ ม.4 ฝ่ายชายส่งเงินเลี้ยงดูไม่เคยขาด ทั้งค่าเทอม ค่าใช้จ่ายส่วนตัว และอื่น ๆ อีกมากมาย หนำซ้ำยังใช้หนี้ให้พ่อของฝ่ายหญิงอีกด้วย จนฝ่ายชายเริ่มรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงพยายามทวงเงินคืน นั้น
วันที่ 2 เม.ย.63 นายตุ้ย (นามสมมติ) หนุ่มวัย 33 ปี ชายที่ออกมาแฉพฤติกรรมของแฟนสาว เล่าว่า เริ่มคบหากับน้องอิ๋ง (นามสมมติ) เน็ตไอดอลสาว ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยเริ่มจากน้องอิ๋งทักแชตมาหาในลักษณะชวนคุย ซึ่งในตอนนั้นน้องคือเด็กสาวทั่วไป ยังไม่โด่งดังหรือเป็นเน็ตไอดอล
เพราะความไร้เดียงสาและความที่เป็นเด็กน่ารักคนหนึ่ง จึงยอมจ่ายเงินช่วยค่าเล่าเรียนและให้เงินไว้ใช้จ่ายอื่น ๆ มาตลอดกระทั่งเรียนถึงชั้น ม.6 ซึ่งจ่ายให้เฉลี่ยเดือนละ 2-3 หมื่นบาท
กระทั่งเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยก็ยังส่งเสียเลี้ยงดูเหมือนเดิม โดยให้เดือนละ 3-4 หมื่นบาท จนมีการต่อรองว่าอยากได้เงินไว้ใช้จ่ายเดือนละ 6,000 บาทแทน ส่วนสัญญาระบุเกี่ยวกับสินสอดคือทอง 7 บาทครึ่ง และเงินหลักหมื่น โดยหลังจากหมั้นหมายฝ่ายหญิงจะต้องเข้าสู่พิธีแต่งงาน ภายใน 4 ปี หากผิดสัญญาหรือฝ่ายหญิงไม่แต่งงาน จะต้องมีการคืนทองทั้งหมด แต่ล่าสุดหลังเกิดเรื่องตนพยายามทวงถามถึงสินสอดคืน แต่ฝ่ายหญิงอ้างว่าไปหาสัญญาฉบับดังกล่าวมาหรือไม่ก็ไปฟ้องดำเนินคดีตามกฏหมาย
สุดท้ายเห็นว่าพฤติกรรมของฝ่ายหญิงเริ่มเปลี่ยนไปมากขึ้น ขาดการติดต่อ ติดต่อไปไม่รับ ไม่อ่านหรือตอบแชตใด ๆ แต่เวลาขอเงินจะทักทายมาปกติ จึงได้แอบไปสืบจากเพื่อนสนิทของฝ่ายหญิงจนรู้ว่าเจ้าตัวกำลังปันใจหันไปคบกับขายอื่น ทั้งที่ยังไม่ถอนหมั้นกับตน ที่สำคัญไปคบกับนักการเมืองคนหนึ่ง และอ้างว่ามีอิทธิพลมาก จึงมีความกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่สำคัญกลัวในเรื่องความไม่ปลอดภัยและเกรงว่าจะได้รับอันตราย
ส่วนเรื่องที่ฝ่ายหญิงออกมากล่าวหาว่าตนขืนใจหลายครั้งนั้นไม่เป็นความจริง เพราะช่วงที่คบหากันจะอยู่ในสายตาแม่-น้อง ของฝ่ายหญิงตลอด ไม่เคยกระทำล่วงเกินไปมากกว่าการกอดและจูบแค่นั้นจริง ๆ
ข้อความแชตช่วงที่มีการคบหากันจนกระทั่งเริ่มมีปัญหากัน ในช่วงเดือนธันวาคม 2561
อิ๋ง - ยังอยากเจออยู่ปะ
ตุ้ย - อยากสิ ถ้าอิ๋งอยาก พี่ก็อยาก
อิ๋ง - ตอนนี้นะ
ตุ้ย - ใช่
อิ๋ง - อิ๋ง อยากไปฉีดน่องอะ
มัดจำแล้ว ยังไม่ได้ไปฉีด
ข้อความแชตต่อมาในวันเดียวกัน
อิ๋ง - ดูแลค่าใช้จ่ายอิ๋ง แบบตรงเวลา อิ๋งขออาทิตย์ละ 6,000 พี่ทำได้ไหม อิ๋งขอถามพี่ก่อน
ตุ้ย - แสดงว่าอิ๋งรักที่เงิน
อิ๋ง - ไม่ใช่ อิ๋ง ลำบาก
อิ๋ง - มีค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้
ตุ้ย - เคยทำให้อิ๋ง อิ๋งก็ไม่เคยทำหน้าที่อะไร
อิ๋ง - เพื่อนอิ๋ง มีแฟน แฟนเขาก็เข้ามาดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่าง , ก็นี่ไง จะเริ่มใหม่
ตุ้ย - อิ๋ง มีคนอื่นพี่สัมผัสได้
ด้าน นางสาวอิ๋ง เปิดเผยว่า ช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปี เคยคบหาดูใจกับนายตุ้ยจริง จากนั้นได้สานความสัมพันธ์มาต่อเนื่อง แต่ช่วงมัธยมศึกษาปีที่6 ตนมีความจำเป็นต้องยืมเงินจากนายตุ้ย เพื่อไปใช้สำหรับเรื่องส่วนตัวที่บ้าน โดยเงินดังกล่าวนายตุ้ย ได้บอกกับตนเองว่าขอให้เป็นเงินที่เรียกว่าสินสอดทองหมั้น โดยมีมูลค่าประมาณ 140,000 กว่าบาท โดยสัญญาฉบับดังกล่าวทำขึ้นเพื่อเป็นหลักประกัน
แต่สัญญาฉบับดังกล่าวเขียนคล้ายเป็นการบีบบังคับ ซึ่งระบุว่า ภายในช่วง4-5 ปี หลังทำสัญญาหรือหมั้นหมายจะมีการจ่ายคืนเงิน ซึ่งหากไม่ชำระหรือคืนเงินจะต้องมีการแต่งงานกับนายตุ้ยโดยทันที ซึ่งสัญญาฉบับดังกล่าวตนก็ไม่ได้คาดหวังว่าสุดท้ายจะต้องแต่งงานหรือร่วมใช้ชีวิตกับนายตุ้ย เพราะคิดว่าวันหนึ่งหากเรียนจบสามารถหางานหาเงินได้ก็จะคืนจึงไม่ได้กังวล ส่วนสาเหตุที่เลิกกันเพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมของฝ่ายชาย ซึ่งพยายามขืนใจเพื่อหวังผลเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ เพราะด้วยความเป็นเด็กจึงไม่พร้อมเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ กระทั่งตนได้ตัดสินใจขอเลิก
ที่ผ่านมาตนติดต่อเพื่อจะขอคืนเงินแล้ว แต่นายตุ้ยอ้างว่ายังไม่มีสัญญาตัวจริง เพราะไม่รู้ว่าเก็บไว้ที่ไหน ส่วนตัวจึงมีความกังวลว่า อยากให้เจอสัญญาฉบับดังกล่าวก่อนจึงจะมีการคืนเงินทั้งหมด แต่จนถึงตอนนี้นายตุ้ยก็ยังอ้างว่าไม่เจอสัญญา
ส่วนตัวเลขที่ฝ่ายชายบอกว่าได้โอนให้ถึงหนึ่งล้านบาทนั้น อยากให้อีกฝ่ายทบทวนตัวเลขที่แท้จริงว่าและตัวเลขที่มีการกู้ยืมแล้วมีหลักฐานตามกฏหมาย คือ 140,000 กว่าบาทเท่านั้น ส่วนที่อ้างว่ามีการจ่ายเงินส่วนต่างและช่วยเหลือตนเองนั้นก็มีรับบ้าง แต่ไม่ได้เป็นเงินก้อนใหญ่หรือเป็นสิ่งของที่มีมูลค่า ยืนยันจะคืนเงินเพียงแค่หลักแสนบาทไม่ใช่หลักล้าน
ส่วนกรณีที่ออกมาแฉว่าปัจจุบันยังคบหากับนักการเมืองอยู่นั้น สถานะของตนเองขณะนี้มีแฟนอยู่แล้ว แต่ขอไม่เชื่อมโยงว่าคนนั้นคือใคร
Advertisement