ตำรวจไซเบอร์จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฮ่องกง แฝงตัวกลางสยาม สะพายเป้ใส่เครื่องสตริงเรย์ ตระเวนส่ง sms หลอกเหยื่อให้กดลิงก์แล้วดูดเงินในบัญชี กดปุ่มครั้งเดียวหลอกได้ 30,000 เครื่อง ภายในรัศมี 1 กิโลเมตร
สืบเนื่องจากประชาชนได้มีการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้อุปกรณ์เครื่องจำลองสถานี "สตริงเรย์" ส่ง sms ปลอม หลอกลวงประชาชน โดยผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือพบว่า เครื่องจำลองสถานีดังกล่าวได้มีการใช้งานอยู่ในพื้นที่บริเวณย่านศูนย์การค้าสยามพารากอน ตำรวจึงรีบประสานลงพื้นที่ติดตามตัวคนร้าย
จนกระทั่งพบชายต้องสงสัยจำนวน 2 คน ทราบภายหลังเป็นชาวฮ่องกง เดินอยู่ที่ห้างสยามพารากอน โดยชายคนหนึ่งนั้นสะพายกระเป๋าเป้เหมือนมีสิ่งของมีน้ำหนักอยู่ภายใน เชื่อว่าน่าจะเป็นเครื่องจำลองสถานีแบบพกพา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการเดินติดตาม จนพบบุคคลดังกล่าวท่าทางมีพิรุธต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวขออนุญาตตรวจค้นสิ่งของที่อยู่ภายในกระเป๋าเป้ของชายคนดังกล่าว
ผลการตรวจค้นพบเครื่องจำลองสถานี หรือ สตริงเรย์ จำนวน 1 เครื่อง เป็นเครื่องส่งข้อความ (SMS) ซึ่งเป็นในลักษณะของการจำลองเสาส่งสัญญาณปลอมของเครือข่ายมือถือ ซึ่งเครื่องสตริงเรย์มีความสามารถในการตัดสัญญาณ โทรศัพท์มือถือ และส่งข้อความ กดปุ่มเพียง 1 ครั้ง จะตัดสัญญาณ และส่ง SMS ที่มีลิงก์ปลอม ไปที่โทรศัพท์ของผู้คนบริเวณโดยรอบกว่า 30,000 เครื่อง ภายในรัศมี 1 กิโลเมตร
จากการตรวจสอบอุปกรณ์ดังกล่าวนี้พบว่าเป็นการจำลองสถานีส่งสัญญาณคลื่นความถี่เดียวกับเครือข่ายมือถือ โดยทำหน้าที่ในการส่งข้อความ (SMS) ให้กับผู้คนที่อยู่ใกล้เครื่องดังกล่าวในรัศมีส่งไม่เกิน 1 กม. โดยมีการเชื่อมต่อไวไฟกับโทรศัพท์มือถือของกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อส่งข้อความหลอกลวงว่าเป็นหน่วยงานต่างๆ
จากการซักถามข้อมูล ทราบว่าผู้ต้องหาชาวฮ่องกงดังกล่าวได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 มี.ค.67 โดยผ่านด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จว.สงขลา ให้เข้าอยู่ในประเทศไทย 30 วัน สิ้นสุดวันอนุญาต 28 เม.ย.67 พักอาศัยอยู่ที่โรงแรมในเขตบางรัก กรุงเทพมหานคร โดยเมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 เวลา 09.00 น. ได้ออกจากที่พักไปที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และห้างสยามพารากอน
จากปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา นายยิป อายุ 44 ปี และ นายลี อายุ 26 ปี และได้ตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินหลายรายการ ประกอบด้วย เครื่องสตริงเรย์ 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง, กระเป๋าสะพาย 1 ใบ, รถจักรยานยนต์ 1 คัน
ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498,ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม” แล้วนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปถึงตัว ผู้จ้างวาน เครือข่ายของขบวนการนี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และให้การป้องกันปราบปรามขบวนการดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและเด็ดขาด ตลอดจนฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนหากได้รับข้อความ (SMS) ในลักษณะแนบลิงค์ดังกล่าวข้างต้นห้ามกดลิงค์โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้
Advertisement