เข้าใจให้ตรงกันก่อน! เปิดกฎกระทรวง และประมวลกฎหมายยาเสพติด ครอบครองยาบ้า 5 เม็ด ไม่ผิดกฎหมายจริงหรือ?
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ กฎกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567 (https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/20444.pdf) โดยระบุว่า การมีไว้ในครอบครองซึ่ง
- แอมเฟตามีน เอ็นเอ-ทิล เอ็มดีเอ หรือเอ็มดีอี แอลเอสดี เมทแอมเฟตามีน ปริมาณไม่เกิน 5 หน่วยการใช้
- เฮโรอีน น้ำหนักสุทธิไม่เกิน 300 มิลลิกรัม
- โคคาอีน ไม่เกิน 200 มิลลิกรัม
- ฝิ่น ไม่เกิน 5,000 มิลลิกรัม
- ฯลฯ
ให้สันนิษฐานว่าเป็น “ผู้เสพ”
คำถาม : เป็น “ผู้เสพ” ไม่มีโทษจริงหรือ ?
คำตอบ : “ไม่จริง”
กล่าวคือ กฎกระทรวงฉบับนี้ ออกตามความใน มาตรา 107 วรรค 2 แห่ง “ประมวลกฎหมายยาเสพติด” เพื่อกำหนดว่ายาเสพติดใน “ปริมาณเล็กน้อย” ที่ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้เสพนั้น คือปริมาณเท่าใด จึงต้องไปดู “ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564” ซึ่งมีข้อที่น่าสนใจ ดังนี้
- ม.162 ผู้ใดเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 , 2 , 5 หรือ เสพวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 หรือ 2 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
- ม.164 ผู้ใดมีไว้ในครอบครอง เพื่อเสพ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ม.165 ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาพิพากษา โดยคำนึงถึงการสงเคราะห์ให้จำเลยเลิกเสพยาโดยการบำบัดรักษา และพิจารณาลงโทษให้เหมาะสมกับจำเลยแต่ละคน ผลร้ายแรงตามประเภทและปริมาณยาเสพติด ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้กระทำผิด
- ม.168 เมื่อมีการฟ้องต่อศาลว่าบุคคลใดกระทำความผิด ถ้าบุคคลนั้นไม่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีในความผิดอื่น ในกรณีศาลเห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดียังไม่สมควรลงโทษจำเลย หากจำเลยสำนึกในการกระทำ โดยตกลงเข้ารับการบำบัดรักษา เมื่อศาลสอบถามพนักงานอัยการแล้ว หากศาลเห็นสมควร ให้ส่งตัวจำเลยไปสถานพยาบาลยาเสพติดเพื่อเข้ารับการบำบัดรักษาต่อไป
- ม.169 เมื่อจำเลยเข้ารับการบำบัดรักษาและปฏิบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขของคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด จนได้รับการรับรองเป็นหนังสือว่าเป็นผู้ผ่านการบำบัดรักษา เป็นที่น่าพอใจจากหัวหน้าสถานพยาบาล หรือ สถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยา ให้ศาลสั่งยุติคดี เว้นแต่จะต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับของกลาง และให้ผู้นั้นพ้นจากความผิด
- (วรรคสอง) ถ้าจำเลยไม่ให้ความร่วมมือในการบำบัดรักษาจนครบถ้วน ให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาพิพากษาต่อไป
(อ่าน ประมวลกฎหมายยาเสพติด https://www.ratchakitcha.soc.go.th/.../2564/A/073/T_0001.PDF)
สรุปคือ “ผู้เสพ” ยังคงมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำและปรับ แต่หากสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาในสถานบำบัด และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขจนได้รับการรับรองเป็นหนังสือ ศาลสั่งยุติคดี จึงจะถือว่าพ้นจากความผิดในฐานะผู้เสพ แต่หากไม่ให้ความร่วมมือในการบำบัดรักษา ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาต่อ ก็ต้องรับโทษในฐานะผู้เสพต่อไป
Advertisement