แม่ค้าซัดกันนัวกลางตลาด ร้องสื่อฯ เดือนกว่าคดีไม่คืบ (คลิป)
จากกรณีเพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทริน์ part6” ได้เผยแพร่คลิปแม่ค้าในตลาดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีปากเสียงกัน ก่อนแม่ค้าคู่กรณีได้โทรตามเรียกสามีให้ตรงปรี่เข้ามาต่อยแม่ค้า โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 65 ซึ่ง น.ส.สุมาพร อุดมประเสริฐกิจ อายุ 43 ปี ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความแล้วที่ สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยา แต่กลัวคดีไม่คืบเลยนำเรื่องราวร้องเรียนไปยังเพจดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 10 ก.พ. 66 ทีมข่าวเดินทางไปที่ตลาดจุดเกิดเหตุ อยู่ในเขตพื้นที่เทศบาล ต.หอรัตนไซย จ.พระนครศรีอยุธยา ตรวจพบว่าตลาดดังกล่าวเป็นตลาดสดตอนเช้า เปิดขายตั้งแต่เวลา 05.00-07.30 น.
น.ส.สุมาพร อุดมประเสริฐกิจ อายุ 43 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 65 แต่เหตุผลที่ตนเองมาร้องสื่อฯ ให้ติดตามความคืบหน้าทางคดี เพราะตนแจ้งความไปแล้วและมีหลักฐานว่าเขาเข้ามาทำร้ายร่างกายตนเอง แต่สุดท้ายคดีทุกอย่างเงียบ ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาคู่กรณีและยังไม่มีการเรียกสอบ ซึ่งตนเองก็มองว่าบุคคลคนนี้ดูเหมือนเป็นบุคคลอันตรายสำหรับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาด
สำหรับในวันเกิดเหตุนั้น ตนเองยืนยันว่าไม่มีการพูดถึงตัวของสองผัวเมียคู่กรณี แต่มีการพูดถึงเรื่องเงินน้ำท่วมและเงินเยียวยาอื่น ๆ โดยมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันกับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าคนอื่น แต่เป็นการพูดคุยเสียงดังอาจทำให้คู่กรณีเกิดความไม่พอใจ ตะโกนแทรกเข้ามาเพื่อที่จะพยามหาเรื่องหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วคนในตลาดก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับคู่กรณีอยู่แล้ว ซึ่งทุกครั้งที่มีเรื่องไม่มีใครกล้ายุ่ง ก็ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะสุงสิงกับเขา อาจจะเป็นชนวนเหตุที่ว่าคุยกับใครไม่ได้ พยามแทรกตัวเองเข้ามาอยากคุย แต่พอคุยแล้วก็กลายเป็นมีปัญหากับคนไปทั่ว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตนเองเพียงคนเดียวพ่อค้าแม่ค้าคนอื่นที่ขายของในตลาดก็คอยโดนหาเรื่องและพาผัวมาตบแบบนี้หลายคน บางคนก็ไปแจ้งความ บางคนก็ไม่กล้าแจ้ง เพราะยิ่งเจ้าตัวรู้ว่าใครแจ้งความก็มาตบซ้ำอีก
พฤติกรรมความรุนแรงของสองผัวเมียคนก่อเหตุนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ละลานกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ยังรามไปถึงคุณลุงจิตอาสา ซึ่งตอนเช้าเจ้าตัวจะมาช่วยโบกรถให้กับตลาดก็ยังเคยถูกเรียกไปตบ เรียกไปชกต่อย จนบางช่วงโดนทำร้ายหนักเจ้าตัวไม่กล้าที่จะมาตลาด ซึ่งลุงก็ไม่เคยไปทำอะไรให้ แต่ถูกอ้างว่าขวางหูขวางตา
ทั้งนี้ ตนเองกับคู่กรณีอาจจะมีชนวนเหตุเรื่องของการขายของลำเส้นกัน โดยตัวของคู่กรณีมีการตั้งแผงขายและขยายพื้นที่ออกด้านข้าง อาจจะมีรถเข็นหรือตะกร้าสิ่งของวางเกินมาในแนวของตนเอง แต่ตนเองก็ไม่เคยที่จะไปว่าอะไรเขา เพราะรู้แล้วว่าเขาเป็นคนอย่างไรจึงไม่อยากมีเรื่องด้วย แต่ก็เคยมีตักเตือนหรือเตือนกันเล็กน้อยว่าบางครั้งอาจจะกินพื้นที่เยอะเกินไป จึงทำให้เจ้าตัวอาจเกิดความไม่พอใจและเป็นปัญหาสะสม จนกระทั่งช่วงปลายปีในวันที่เกิดเหตุตามกล้องวงจรปิดจับภาพ อาจจะไม่พอใจหนักก็เลยเอาหัวมาตบตนเอง
และแม้ว่าทุกวันนี้ตนเองมีความจำเป็นต้องไปตั้งตลาดขายของ เพราะมันคืออาชีพและช่องทางทำมาหากิน ก็พยายามหาทางเลี่ยง โดยการตั้งร้านขายแต่ไม่คุยกัน หรือบางครั้งตอนเช้าก็จะมีการตั้งแผงขายลักษณะหันหลังชนกันเพื่อที่จะลดการประเชิญหน้า ต่างคนต่างทำมาหากินต่างคนต่างดูแลลูกค้าของตัวเอง แต่ก็ยังถูกพูดจากใส่เป็นประจำจนทำให้หลายครั้งเสมือนคู่กรณีพยามหาเรื่องตลอดเวลา ดังนั้นจากเหตุการณ์ที่เกิดตนเองจึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับตนเองในฐานะที่ถูกทำร้ายร่างกาย และขอความเป็นธรรมให้กับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าคนอื่นที่โดนละลานมาโดยตลอด
Advertisement
