ยังไม่จบสำหรับมหากาฬเกี่ยวกับพฤติกรรมของ พระครูสุวิทย์ ชินวโร อายุ 30 ปี หรือ ครูบาไก่ เจ้าอาวาสวัดป่าปฐมเทวาบูรพาราม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น หลังถูกอดีตโยมอุปัฏฐากได้ออกมาร้องเรียนถึงพฤติกรรม โดยอ้างว่า ครูบาได้ส่งภาพของลับตนเองไปให้ผู้ชายที่คบหากันเป็นแฟน ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นก็อยู่ในช่วงของการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักพระพุทธศาสนา และหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบทั้งระดับตำบลและจังหวัด
ล่าสุดเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว 2" ได้โพสต์ภาพพระสงฆ์ 2 รูป กำลังสรงน้ำกันที่บริเวณลักษณะคล้ายน้ำตก โดยทางเพจดังได้เขียนอธิบายแคปชั่นประมาณว่า "คุ้นแต่ภาพที่เคร่งขรึมตอนเข้าถ้ำ ส่วนภาพอาบน้ำกับพระหนุ่มที่ลำธารแล้วผลัดกันเอาสบู่ถูหลัง ลูบไล้ให้กัน เอามาลงให้เห็นที่แรก...ครูบาอะไรหว่า" สุดท้ายทุกคนก็ใบ้ว่าเป็นครูบาไก่
ตลอดจนยังมีเพจดังในขอนแก่นได้แชร์ภาพอีกเซต ซึ่งเป็นการระบุถึงครูบาไก่ชัดเจนประมาณว่า "ลูกเพจส่งมาให้ ภาพเชื่อมโยงของลับครูบา.... มีลูกศิษย์ออกมาแฉอีก ผ้าห่ม ผ้าปูเตียง บรรยากาศโดยรอบ ภาพเซ็ตต่อมาอาบน้ำมีบริวารลูบไล้ และอีกภาพ ถอดสบงทรงเจ็ตสกีไปเล๊ยยยย" ซึ่งบางภาพเองสอดคล้องกับที่เพจอีซ้อ 2 ออกมาแฉก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามหลังภาพดังกล่าวหลุดออกไปมีทั้งคนวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม แต่บางรายก็บอกว่าไม่ได้แปลกแล้วแต่จะตีความหมาย
วันที่ 22 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่วัดป่าปฐมเทวาบูรพาราม บ้านป่าผุ ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เพื่อขอพบกับทาง พระครูสุวิทย์ ชินวโร อายุ 30 ปี หรือ ครูบาไก่ เจ้าอาวาสวัดป่าปฐมเทวาบูรพาราม โดยทาง "ครูบาไก่" อาศัยอยู่ภายในวัดกับลูกศิษย์ลูกหาคนอื่น ๆ รวมทั้งพระลูกวัดซึ่งปฏิบัติกิจของสงฆ์ตามปกติ
"ครูบาไก่" ได้เปิดใจกับดราม่าภาพหลุดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยยอมรับว่าภาพดังกล่าวที่เป็นทั้งเซตที่ไปเล่นน้ำตก ไปเที่ยวทะเล และภาพที่มีการจับผิดในเรื่องของผ้าห่มห้องนอน ล้วนเป็นภาพของครูบาเองทั้งหมด ไม่ใช่บุคคลหน้าเหมือนหรือคล้าย ทั้งนี้ภาพในส่วนเเรกที่เป็นการสรงน้ำบริเวณน้ำตกนั้น เป็นเหตุก็ที่เกิดขึ้นมาประมาณ 1 ปีกว่า
โดยที่ทางฝั่งคู่กรณีที่ออกมาโจมตี เป็นคนนิมนต์ไปที่บริเวณน้ำตกคลองลาน อุทยานแห่งชาติคลองลาน อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร รายละเอียดช่วงวันที่ชัดเจนทางครูบาจำไม่ได้แต่เป็นช่วงประมาณ 1 ปีกว่าได้ ที้งนี้ภาพที่ออกไปก็เป็นการไปกิจนิมนต์ของสงฆ์ตามปกติ หลังที่เสร็จกิจทางลูกศิษย์ที่ไปด้วยก็มีการชวนลงไปเล่นน้ำ และเป็นการสรงน้ำตามปกติ ซึ่งในมุมของสงฆ์มองว่าไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดกฎแต่อย่างใด แต่ภาพที่ออกไปยอมรับว่าอาจจะมองว่าไม่เหมาะสมในมุมของภาพ ซึ่งทางครูบาเองก็เข้าใจ เมื่อถามว่าภาพดังกล่าวใครเป็นคนถ่ายทางครูบาลอกว่าก็เป็นทางด้านของฝั่งคู่กรณีที่เป็นคนนิมนต์ไปและถ่ายภาพ
ต่อมาภาพที่มีการไปเล่นน้ำทะเลและมีการขับเจ็ตสกี เป็นเหตุการณ์หลังจากที่มีการเดินทางไปน้ำตก ซึ่งเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน อาจจะเป็นคนละเดือนหรือคนละสัปดาห์ในมุมนี้ทางครูบาจำไม่ได้ ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์ที่ฝั่งคู่กรณีบุคคลที่ออกมาแฉได้นิมนต์ครูบาไปทำกิจของสงฆ์ที่กรุงเทพมหานคร หลังจากนั้นก็ได้มีการชักชวนให้ไปท่องเที่ยวที่ทะเลในพัทยา ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัว ก่อนที่จะมีการทำกิจกรรมดังกล่าว ยืนยันว่าทางครูบาเองไปกันหลายคน ไม่ได้ไปเฉพาะลูกศิษย์ตามที่ภาพหลุดออกไป
ทั้งนี้ทางครูบาเองได้ให้ภาพที่ถ่ายรวมกับทางทีมข่าว โดยภาพที่ถ่ายรวมนั้นจะเห็นว่าทางครูบาไปพร้อมกับพระและลูกศิษย์ที่อยู่ในวัดจำนวนกว่า 7-8 คน โดยในจำนวนดังกล่าวจะมีภาพที่เห็นว่าทางด้านอดีตลูกศิษย์ที่เป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ออกมาแฉ ปรากฎอยู่ในภาพด้วย เนื่องจากเขาเองเป็นคนนิมนต์ทางครูบาไปเอง ถามว่าภาพดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ ทางครูบาก็ตอบเช่นเดิมว่าไม่เหมาะสม แต่ถามว่าผิดกฎของสงฆ์หรือไม่ ทางครูบาก็ระบุว่าอยู่ที่เจตนาเพราะครูบาเองไม่ได้ทำผิด หรือมีเจตนาตามที่อีกฝ่ายกล่าวหา
ทั้งนี้เมื่อถามถึงภาพแชตที่มีการพูดคุยลักษณะเชิงกระหนุงกระหนิง ในส่วนนั้นทางครูบาเองยืนยันว่าไม่ใช่แชตของตน และไม่ทราบว่ารายละเอียดการพูดคุยนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ขณะที่ภาพที่ปรากฎในห้องนอนที่มีการจับผิดเรื่องสีผ้าห่มในห้องนอนกับภาพหลุดที่มีการโชว์อวัยวะเพศก่อนหน้านี้ ทางครูบายอมรับว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพในห้องนอนของครูบาจริง แต่เป็นการถ่ายโดยเณร ซึ่งเป็นลูกหลานของฝั่งคู่กรณีที่มาบวชและจำวัดจำนวน 2 ราย ในช่วงที่ผ่านมา
โดยในภาพดังกล่าวนั้น เป็นการที่ครูบาเองได้เข้าไปกล่อมหรือนั่งพูดคุยให้เณรที่มาบวชนั้นหลับ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยตามที่มีการโจมตี ส่วนถามเรื่องของสีผ้าห่มนั้น ทางครูบายังยืนยันคำเดิมว่าภาพที่หลุดไปก่อนหน้านี้ไม่ใช่ครูบา ส่วนสีผ้าห่มมีความคล้ายกัน มองเป็นเจตนาของคนที่จะโจมตี หยิบเอาส่วนนั้นมาผสมกับส่วนนี้ ซึ่งเป็นเรื่องของปกติของคนที่จะโจมตี ทางครูบาเองไม่ได้คิดมากและเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนคอมเมนต์ที่เข้ามาโจมตีทางครูบาเองก็พร้อมปล่อยผ่าน ถือเป็นวิบากกรรมในมุมหนึ่ง ทั้งนี้ก็อยากจะปล่อยให้เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องคดี และให้ทางทนายความส่วนตัวดูแลและจัดการ ในส่วนของ "ครูบา"เองก็ขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจเหมือนเดิม
เมื่อถามมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเตรียมการหวังดิสเครดิตหรือไม่ ในส่วนนี้ทางครูบาเองก็ยอมรับว่าหากมองในมุมนี้ก็มองได้ เพราะภาพที่หลุดออกมาล้วนเป็นภาพเก่า ที่มีการถ่ายและบันทึกไว้ประมาณ 1 ปี กว่า ช่วงที่ทางคู่กรณีได้เข้ามาที่วัด ซึ่งในช่วงที่มีการถ่ายนั้นทางครูบาเองก็ได้เตือนแล้วว่าภาพที่ถ่ายอาจจะดูไม่เหมาะสมในมุมของพระ ไม่อยากให้มีการโพสต์หรือนำไปเผยแพร่ แต่หากเป็นการถ่ายและเก็บไว้ ครูบา เองก็ไม่ติด ซึ่งทางฝั่งคู่กรณีเองก็ยืนยันส่าไม่โพสต์ แต่สุดท้ายก็มีการเก็บไว้เพื่อมาดิสเครดิตทางครูบาในวันนี้อถามว่าจะมีภาพอีกไหม ในมุมนี้ทางครูบาไม่มั่นมจว่าเขาจะเอาภาพของครูบาในอดีตออกมาโจมตีมุมไหน แต่ทางส่วนตัวอย่างที่บอกความจริงคือความจริง
"เตรียมการจะทำลายครูบาอยู่แล้ว ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาต้องการอะไร เป็นการเตรียมการตั้งแต่ข่วงที่เขาเองเข้ามาอยู่ประมาณ 1-2 ปี ที่ผ่านมา เข้าใจสังคมอย่างไรก็ตามเมื่อภาพที่เกิดออกไปคนเราเองก็ย่อมวิพากษ์วิจารณ์ ไปก่อน ภาพที่ออกไปยอมรับไม่เหมาะสม แต่ลึก ๆ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้นไม่มีเรื่องของเชิงชู้สาว อย่างเช่นอาบน้ำหรือสรงน้ำ ก็ต้องใส่สบงอยู่แล้ว จะไปถอดหมดก็ไม่ได้ หากอนาคตอีกฝ่ายจะมาขอขมาหรือเข้ามาขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทางครูบาเองไม่ได้ติดใจพร้อมให้อภัย มองสิ่งที่เกิดขึ้นคือวิบากกรรม" ครูบาไก่กล่าว
ถามว่าแล้วประเด็นจริง ๆ ก่อนหน้านี้มีเรื่องของการที่ฝั่งคู่กรณีเองได้เข้ามาที่วัดและมีการนำสิ่งของเป็นสบู่มาให้ทางครูบาปลุกเสก เพื่อนำไปปล่อยให้บูชาโดยการเข้ามาของเขานั้นจะเป็นการมาคล้ายเจตนาตอนแรกจะเข้ามาช่วยทะนุบำรุงวัด บอกจะเป็นประธานจัดสร้างโน้นนี้นั้น มีการสร้างสิ่งของบูชาเพื่อหาเงินมาช่วยวัด ซึ่งทางครูบาเองก็ได้เตือนและบอกกล่าวทางอีกฝั่งว่าดูไม่เหมาะสม แต่เขาเองก็บอกว่าไม่เป็นไร
ด้าน ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ หรือ อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่ายเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีดังกล่าวระบุว่า "สำหรับดิฉัน ปัญหาเรื่องครูบาไก่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าท่านจะไปนอนแช่น้ำตกที่ไหน ขี่เจ็ทสกีซ้อนท้ายหนุ่มหล่อยังไง ดิฉันไม่สนใจค่ะ ต่อให้เห็นภาพเหล่านี้แล้วจะรู้สึกว่า สิ่งที่ท่านทำอยู่นั้น เป็นเรื่องเสียอาจาระ และไม่ควรแก่สมณสารูปแค่ไหนก็ตาม
ขณะที่ พระพยอม กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ควรเผยตัวให้เขาเก็บภาพไปทำอิริยาบถมาประจานมาทำลายเพราะว่าไม่ระมัดระวัง ภาษาธรรมะเรียกว่า ขาดการสำรวม ถ้าสำรวมดีคงไม่ไปแต่งชุดแบบนั้นหรือถ้าไปอาบน้ำไม่ควรมีภาพเหล่านี้หลุดออกมา ถ้าไม่ให้เขาถ่ายเขาก็คงไม่ถ่าย หรือสถานที่ ที่ไปเต็มไปด้วยคนที่พลุกพล่านเขาเรียกที่อโคจร
ซึ่งไม่ควรไปหวังว่า ภิกษุรุ่นน้อง ๆ อย่าคึกคะนองไปทำอะไรไม่ดีให้เขาเก็บภาพมาประจานได้ เชื่อว่าภาพเหล่านี้ยุคนี้เทคโนโลยีมันทันสมัยมันอาจจะทำให้วินาศนาการก็ได้ ผู้ที่ถูกถ่ายไม่อยู่ในสภาพสำรวมขาดความระมัดระวังจึงมีภัยกับชีวิตพรหมจรรย์ หวังว่าคงจะสำรวมเวลาเห็นพระทำไม่ดีอย่าไปถือว่าชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์ควรจะช่วยกันปรามหรือติงด้วยความหวังดี
โดยบอกคณะสงฆ์หรือฝ่ายปกครองเก็บภาพไว้ อย่าไปพูดลอย ๆ ภาพแบบนี้ถือว่าใช้ได้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่วนฝ่ายพระเองต้องศึกษาธรรมวินัยบวชเรียนดีแต่บวชลวงบวชเล่นไม่ดีแน่นอน อยากให้ทั้งฝ่ายฆราวาสและพระช่วยกันจรรโลงศาสนาอย่าให้มีแต่ภาพเสื่อมศรัทธาออกมาเลย
Advertisement