จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 5.2 โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่คนขับรถแท็กซี่รายหนึ่งได้ร้องเรียนเข้ามาว่าถูกรุมทำร้ายร่างกายหลังถูกกล่าวหาว่าขับรถแท็กซี่ชนสุนัขที่เลี้ยง
จากภาพกล้องหน้ารถจะเห็นว่าคนขับแท็กซี่ได้เลี้ยวจอดเพื่อส่งผู้โดยสารในซอยแห่งหนึ่ง บริเวณซอยเพชรบุรี แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ต่อมาได้ชนบางอย่างจากนั้นมีเสียงสุนัขร้องขึ้น ชายที่นั่งอยู่ม้าหินอ่อน 2 คน บริเวณด้านหน้าที่รถจอดได้วิ่งเข้ามาดูสุนัขที่ถูกชน เดินมาดูจุดหน้ารถและข้างรถ แล้วมีการว่ากล่าวคนขับรถแท็กซี่ว่า "ขับเลี้ยวไม่ดูเลย" คนขับแท็กซี่ก็พยายามบอกเหตุผลไปว่าไม่เห็น แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่ยอม มีการว่ากล่าวคนขับแท็กซี่ จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า "ดีนะที่ไม่ตาย ไอ้เหี้*"จากนั้นก็มีผู้ชายอีกคนด่าด้วยถ้อยคำไม่สุภาพ
คนขับแท็กซี่ก็ทนไม่ไหว พูดว่า "ตบเลย" ก่อนเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท มีเสียงคล้ายถูกรุมทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วง 20.40 น. ของวันที่ 11 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา
ซึ่งระหว่างคุมตัวคนขับรถแท็กซี่ไปที่ สน.พญาไท คนขับรถแท็กซี่ก็พยายามถามตำรวจว่าทำไมถึงขอดูแต่บัตรประชาชนของเขา ทำไมไม่ไปขอทางคู่กรณีด้วย ตำรวจก็อ้างว่าเหตุการณ์มันชุลมุน ในขณะที่คนขับแท็กซี่อยู่ในอาการโวยวาย
จากนั้น มีอีกคลิปเหตุการณ์ เป็นเหตุการณ์ที่คนขับแท็กซี่อยู่ที่โรงพัก ซึ่งตำรวจให้ตรวจเป่าแอลกอฮอล์ ผลตรวจแอลกอฮอล์ไม่ได้เมา
นายทรงชัย แซ่ตั้น ผู้เสียหาย เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ ขอดูกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุเพิ่ม พร้อมเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนรับผู้โดยสารมาจากย่านเอกมัย เพื่อมาส่งผู้โดยสารในซอยเกิดเหตุ พอมาถึงที่เกิดเหตุยืนยันว่าตนไม่ได้ขับรถเร็ว และในซอยมืดมากไฟไม่ได้สว่าง ทำให้ตนไม่เห็นสถนัขที่นอนอยู่จึงขับชน ทราบว่าขับสุนัขก็ตอนที่มีคนตะโกนบอกว่าชน พอมาดูกล้องหน้ารถอีกทีก็เห็นว่าชนสุนัขแล้ว ตนถึงขับรถถอยออกให้เพื่อเป็นเจตนาว่าไม่ได้ตั้งใจชน
แต่ฝ่ายคู่กรณีกลับมาด่าทอตนไม่ยอมหยุด ลงจากรถเอากระเป๋าให้ผู้โดยสาร แล้วเดินจะไปประทับตราที่จอดรถก็ยังไม่ยอมหยุดด่าทอ ซึ่งตอนแรกตนทนฟังไม่ได้ตอบโต้ ต่อจากนั้นมีชาย 2 คน เดินตามมาด่าทอตน แล้วพูดมาว่าอยากตบปากตน ตนก็เลยท้าคืนว่า "พี่ก็มาตบปากผมเลยสิ" พอพูดประโยคนี้เสร็จกลายเป็นมีเพื่อนของคู่กรณีมาสมทบเพิ่มอีกรวม 3-4 คน รุมทำร้ายตน ใช้หมัดชกเข้าที่ใบหน้าและไหล่ตน พอมีตำรวจมาระงับเหตุก็กลายเป็นว่าฝ่ายคู่กรณีไปแจ้งตำรวจว่าตนเมาแล้วก่อเหตุ ซึ่งตอนนั้นตำรวจก็เชื่อและพยายามล็อกตัวตนมาที่โรงพัก โดยไม่ฟังตนและช่วยเหลือตน หรือเก็บหลักฐานที่คู่กรณีทำร้ายตน
ตนยืนยันวันเกิดเหตุตนไม่ได้เมา พอไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ก็ได้ 0 ตอนนี้คนจะแจ้งความคู่กรณีเพิ่มข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย โดยจะไม่ยอมความ และในส่วนคดีขับรถชนหมาบาดเจ็บ ตนก็จะไม่ขอโทษคู่กรณีเช่นกัน และไม่ชดใช้ค่าเสียหายด้วย เพราะเป็นสุนัขเลี้ยงของคู่กรณีจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ แล้วทำไมตนต้องชดใช้ให้คู่กรณี
ขณะที่นายทรงชัย แซ่ตั้น ผู้เสียหาย กำลังเดินเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งในจุดที่เกิดเหตุ เพื่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด มีนายวสันต์ คนเห็นเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ฟังผู้เสียหายชี้แจงกับทีมข่าว แล้วเดินเข้ามาต่อว่าผู้เสียหายว่าทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งหากผู้เสียหายขอโทษแต่แรกตั้งแต่ขับรถชนหมาก็จบแล้ว แต่ไม่ยอมขอโทษ ไม่รับผิด ถือว่าไม่เป็นลูกผู้ชาย
อีกทั้งผู้เสียหายยังมากล่าวหาลูกชายของตนอีกว่าเป็นคนก่อเหตุที่ไปทำร้ายผู้เสียหาย และไปบอกตำรวจว่าลูกตนเป็นคนทำร้าย ถือเป็นการพูดมั่วไม่ยอมรับความจริง ทำให้ทางผู้เสียหายที่ได้ยินก็ด่ากลับด้วยความไม่สุภาพ และเกิดการโต้เถียงกันระหว่างสองฝ่ายต่อหน้าทีมข่าวที่ไปปักหลักทำข่าว โดยทั้ง 2 ฝ่านโต้เถียงกันพักใหญ่
นายวสันต์ คนเห็นเหตุการณ์ บอกว่า ที่ตนไปต่อว่าฝ่ายผู้เสียหาย เพราะตนอยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวายและทะเลาะกัน จนรู้ว่าคนขับรถแท็กซี่ชนหมาจรจัด ก็เลยมาดูเหตุการณ์ เหตุการณ์วันนั้นคนขับรถแท็กซี่โวยวายใหญ่ ไม่ขอโทษที่ชนหมา บอกตำรวจว่าอีกฝ่ายจะเข้าทำร้ายร่างกาย ทั้งที่ตอนนั้นไม่มีใครทำร้ายร่างกาย
ส่วนตอนเกิดเหตุชุลมุนที่คนขับรถแท็กซี่กับคู่กรณีทะเลทะวิวาทกัน ตนไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตอนนั้น จึงยืนยันไม่ได้ว่ามีการชกต่อยกันจริงหรือไม่ และหลังเกิดเหตุลูกชายตนก็ได้ไปที่ สน.พญาไท อยากไปดูหน้าคนขับรถแท็กซี่ที่มีเรื่องกับคนในซอย ปรากฏว่าคนขับแท็กซี่ไปบอกตำรวจว่าลูกชายตนคือหนึ่งในคนที่ไปทำร้ายเขา ตนรับพฤติกรรมนี้ไม่ได้ ที่ผู้เสียหายมากล่าวหาคนอื่น พูดมั่ว และไม่ยอมนับความจริง
โดยทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดเพิ่มในที่เกิดเหตุ จากภาพวงจรปิดกล้องตัวแรกเผยให้เห็นนาที่คนขับแท็กซี่ขับเข้ามาจอดบริเวณหน้าร้านนวดในซอย เพื่อส่งผู้โดยสาร คนขับรถแท็กซี่ขับรถทับสุนัขที่นอนอยู่ จากนั้นมีชายเดินมาตะโกนให้ถอยรถเพราะทับสุนัข คนขับรถแท็กซี่จึงยอมถอยรถ จากภาพจะเห็นว่าสุนัขบาดเจ็บอย่างเห็นได้ชัด โดยลุกขึ้นและเดินขากะเผลกออกจากจุดเกิดเหตุ
ต่อมาคนขับรถแท็กซี่ก็เดินลงมาโดยไม่ได้ใส่ใจชายที่เดินเข้ามาพูดคุยด้วยหลังขับรถทับสุนัข แล้วเดินไปเปิดกระโปรงท้ายรถเพื่อเอาของคืนให้ผู้โดยสาร จากนั้นเจ้าตัวเดินมายังโรงแรมที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ เพื่อประทับตราจอดรถยนต์
จากนั้นกล้องวงจรปิดอีกตัวในโรงแรมบันทึกภาพขณะโชเฟอร์แท็กซี่ เดินขึ้นมาประทับตราที่จอดรถ แต่ฝ่ายคู่กรณีได้เข้ามาพูดคุยก่อน เห็นว่าคู่กรณีได้มีการล็อกแขนโชเฟอร์แท็กซี่ และเกิดการฉุดกระชากกันเกิดขึ้น ซึ่งโซเฟอร์แท็กซี่ไม่ยอม จนเกิดเหตุการณ์ชุลมุน หลังจากนั้น ช่วง 20.44 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจขับรถมาจอด ก่อนจะลงมาระงับเหตุ แยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ก่อนจะพาทั้ง 2 ฝ่ายไปเคลียร์บริเวณจุดเกิดเหตุ หลังจากที่ตำรวจนำทั้งสองฝ่ายมาเคลียร์บริเวณจุดเกิดเหตุ
Advertisement