วันที่ 27 ธ.ค. 65 เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ สน.ชนะสงคราม ทนายความพร้อมด้วย นายทีปกร ทองนิวัน หรือ ดิว อายุ 26 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งถูกจับเป็นแพะตกเป็นผู้ต้องหาในคดี "ฆ่าผู้อื่น" เมื่อปี 2557 ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เป็นพยานเท็จ ทั้งหมด 3 คน เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร
โดยคดีเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 57 เป็นคดี เนื่องจากนักเรียนชายชั้น ม.2 โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม จ.นนทบุรี อายุ 14 ปี ถูกคนร้ายแทงจนเสียชีวิตระหว่างเล่นน้ำสงกรานต์ ถนนรามบุตรี ในเวลาประมาณ 20.00 น. ซึ่งพยานให้การว่า นายทีปกร ทองนิวัน ขณะนั้นอายุ 17 ปี เป็นหนึ่งในคนที่ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกายผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะเกิดเหตุวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้
ทำให้ นายทีปกร ทองนิวัน หรือ ดิว ถูกนำตัวส่งสถานแรกรับเด็กและเยาวชนชายบ้านเมตตา เป็นเวลา 1 เดือน ก่อนจะได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 30,000 บาท ออกมาสู้คดี ซึ่งในปี 2559 ศาลตัดสินยกฟ้อง เนื่องจากในช่วงเกิดเหตุ นายทีปกร ทองนิวัน หรือ ดิว อยู่คนละที่กับจุดเกิดเหตุ ซึ่งภาพวงจรปิดสามารถบันทึกภาพนายทีปกรอยู่ในร้านสะดวกซื้อขณะเกิดเหตุ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาพูดคุยกับ นายทีปกร ทองนิวัน หรือ ดิว อายุ 26 ปี บอกว่า ตนถูกจับฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ทั้ง ๆ ที่ตนไม่ได้ทำ เนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะตนอยู่ร้านสะดวกซื้อซึ่งห่างออกไป 7.6 กิโลเมตร
แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ณ ขณะนั้น ไม่เชื่อตนแต่เชื่อพยานเท็จ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตนไปยังสถานีตำรวจ ในวันที่ 17 เม.ย. 57 พร้อมโน้มน้าวบังคับให้ตนรับสารภาพ เช่น พูดว่าทำผิดก็ยอมรับไปโทษหนักจะได้เบา คนทำคนอื่นเขายอมรับหมดแล้ว แต่ตนไม่ได้ทำจึงไม่ยอมรับ สุดท้ายจึงถูกส่งตัวเข้าสถานแรกรับเด็กและเยาวชนชายบ้านเมตตาเป็นเวลา 1 เดือน ประกันตัว 30,000 บาท
โดยระหว่างที่ตนถูกควบคุมตัว แม่ของตนได้พยายามตามหากล้องวงจรปิดมายืนยันความบริสุทธิ์ของตน ซึ่งเมื่อได้คลิปกล้องวงจรปิดมาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สนใจในการดำเนินการอะไรให้ สุดท้ายแม่ของตนก็ต้องไปมอบหลักฐานให้กับศาลเอง โดยพยานที่ชี้ว่าตนเป็นคนทำมีทั้งหมด 3 คน ซึ่งตนไม่รู้จัก แต่การที่อีกฝ่ายยืนยันว่าเป็นตนอาจเป็นเพราะรูปลักษณะของตนที่อาจจะคนร้าย เช่น ตัวผอม ระเบิดหู ส่วนที่ทำไมตนอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุแต่ทำไมพยานชี้ตัวของตนอาจเป็นเพราะกลุ่มเพื่อนของผู้ตายพูดต่อ ๆ กัน จนเกิดความเข้าใจผิด
สาเหตุที่ตนเดินทางไป สน.ชนะสงคราม ในวันนี้เพราะตนถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร ไปไหนก็มีแต่คนถามตน ตนใช้ชีวิตได้ไม่ปกติ ตนออกมาจากสถานแรกรับเด็กและเยาวชนชายบ้านเมตตา ตนก็กลับไปเรียนไม่ได้ตามปกติ สุดท้ายตนต้องไปเรียน กศน. สูญเสียการเรียน อนาคต และเวลา
อีกทั้งตนยังติดใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ไม่ยอมหาหลักฐานให้รอบครอบและพยายามยัดเยียดให้ตนเป็นผู้กระทำ ซึ่งตนไม่อยากให้ใครมาซวยเหมือนกับตนอีก
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้พูดคุยกับ น.ส.รังสิยา พิมพ์พา อายุ 33 ปี พี่สาวของ ด.ช.รังสิฤทธิ์ พิมพ์พา นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนเขมาภิรตาราม ที่ถูกแทงเสียชีวิต ขณะเล่นสงกรานต์ย่านข้าวสาร บอกว่า ขณะนี้ผ่านมา 8 ปีแล้ว แต่ความรู้สึกสูญเสียไม่ได้จางหาย
โดยหากย้อนไปเมื่อ 8 ปีก่อน ตนมีหวังที่จะได้เจอคนร้ายเพื่อที่คนร้ายจะได้รับโทษทางกฎหมาย สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รวบตัวนายทีปกร กับเพื่อนอีก 1 คน มายังสถานีตำรวจ ซึ่งทั้งสองคนปฎิเสธและยืนยันกับตนว่าไม่ได้ทำ แต่ขณะนั้นตนไม่สามารถพูดอะไรได้ ตนได้แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งพยานก็ยังยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคนร้ายคือ นายทีปกร ต่อมาในช่วงขึ้นศาล นายทีปกร มีหลักฐานยืนยันที่อยู่ขณะเกิดเหตุ ซึ่งสร้างความมึนงงให้แก่ตนเป็นอย่างมากว่าแล้วทำเจ้าหน้าที่ตำรวจจับนายทีปกรมา ทำไม
ซึ่งหลังจากที่ศาลยกฟ้อง นายทีปกร คดีของน้องชายตนก็เงียบไป เงียบไปพร้อมกับคนร้ายตัวจริงที่ขณะนี้ยังลอยนวล ซึ่งไม่รู้ว่าจะไปก่อเหตุกับใครอีกหรือไม่ ตนรู้สึกเสียใจและสงสารนายทีปกรที่ถูกจับเป็นแพะ แล้วต้องเสียเวลาเสียอนาคต ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไปพิจารณาการทำงานของตัวเอง ควรใส่ใจในการทำงานมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่เป็นแบบนี้ หากจับคนร้ายให้ถูกตั้งแต่แรกคดีนี้ก็คงไม่ค้างคาแบบนี้
Advertisement