วันที่ 14 ธ.ค. 65 นายอี๊ด (นามสมมติ) พ่อของเด็กชายเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี เดินทางจาก จ.พะเยา พร้อมลูกชายเข้าร้องมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี
โดย นายอี๊ด ได้บอกว่าลูกชายของตนอายุ 13 ปีเรียนอยู่ชั้น ม.1 ร่วมกับเพื่อนรวม 5 คน ได้แอบขโมยน้ำชาเขียว 4 ขวด และขนม 2 ถุง จากร้านค้าในโรงเรียนปรากฎว่าร้านค้าจับได้และแจ้งครู ทางเจ้าของร้านค้าในโรงเรียนได้เรียกเงินผู้ปกครองของนักเรียนคนละ 100,000 บาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี และทราบจากเด็กว่าทางโรงเรียนพยายามเจรจาไกล่เกลี่ยให้กับนักเรียนแล้ว แต่ทางร้านยอมลดราคาให้จนเหลือ 50,000 บาท โดยกำหนดให้ครอบครัวนำเงินมาชดใช้ในวันที่ 14 ธ.ค. ซึ่งก็คือวันนี้ แต่พ่อไม่มีเงินและคิดว่าเป็นเรื่องเกินกว่าเหตุ จึงเดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยให้ความเป็นธรรม
นายอี๊ด เผยอีกว่า วันนี้ช่วงสายคุณครูได้โทรมาบอกกับพ่อว่าผู้ปกครองทั้ง 4 คน ได้เดินทางมาพบคุณครูและเจรจากับทางร้านมีการไกล่เกลี่ยและจ่ายเงินให้กับทางร้านค้าแล้ว เหลือเพียงลูกชายของตนเท่านั้นที่ไม่เดินทางมา โดยเจ้าของร้านบอกว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับลูกชายวัย 13 ปี
ทั้งนี้ ลูกชายตนยอมรับผิดกับตนว่าได้ร่วมกับเพื่อนก่อเหตุจริง ๆ แต่ลูกชายไม่ใช่คนที่เดินไปหยิบน้ำและขนม แต่ลูกชายเป็นคนที่เดินบีบขนมแล้วไปจ่ายเงิน ขณะที่เพื่อน ๆ ใช้จังหวะนั้นในการหยิบขนมออกมาจากร้าน พอออกมานอกร้านก็แบ่งขนมกัน โดยเรื่องนี้ตนและลูกชายยอมรับผิดยืนยันไม่ได้เข้าข้างลูกแต่อย่างใด แต่คิดว่าการที่ร้านค้าเรียกเงินผู้ปกครองถึง 100,000 บาท หรือจะลดลงมาแล้วเหลือ 50,000 บาท มันเกินกว่าเหตุ คิดว่าเรื่องนี้ทางโรงเรียนจะทำโทษทำทันบนหรือทางร้านจะเรียกเงินค่าปรับคูณ 10 เท่าก็ยังพอรับได้ แต่เรียกเงินถึง 50,000 บาท คิดว่ามันเกินไปและที่บ้านก็มีฐานะยากจนเด็กนักเรียนก็อยู่ในวัยคึกคะนอง สำหรับลูกชายไม่เคยก่อเหตุขโมยของมาก่อน และครั้งนี้ก็ได้บอกเขาว่านี่ถือเป็นบทเรียนให้จำไว้ว่าคนในครอบครัวต้องเดือดร้อน ทุกคนวิ่งเต้นหาเงินเพื่อช่วยเหลือ
ทีมข่าวลงพื้นที่ร้านสะดวกซื้อจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าของร้านได้เปิดกล้องวงจรปิดวันที่ 8 ธ.ค. เวลา 08.30 น. จะเห็นเด็กผู้ชาย 3 คนเดินวนอยู่ในร้าน เด็กผู้ชายเสื้อฟ้าหยิบของบางอย่างใส่ไปในกระเป๋ากางเกง
ถัดมาเวลา 09.44 น. จะเห็นเด็กชายเสื้อดำกับ ด.ช.เอ เสื้อแดง เดินอยู่ในร้านมีการเปิดหยิบน้ำชาเขียวในตู้เย็น ก่อนเดินหลบมุม จากนั้นเสื้อดำเดินมาหยิบขนมและพยายามเอาใส่ในเสื้อ โดย ด.ช.เอ ยืนบัง จนพนักงานร้านจับได้เข้ามาสอบถาม
ด.ช.เอ รีบเดินออกไปหยิบขนมชิ้นอื่นและจ่ายเงินออกจากร้านทันที
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.สเตฟานี่ เสี่ยวผิง อายุ 32 ปี เจ้าของร้านค้าในโรงเรียน เล่าว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 09.00 น. พนักงานของร้านจับได้ว่าเด็กนักเรียนชายชั้น ม.1 ขโมยของในร้าน ประกอบด้วยน้ำชาเขียว 2 ขวด ราคาขวดละ 20 บาท และขนมอีก 4 ห่อ ห่อละ 15 บาท รวม 100 บาท ทางร้านพยายามสอบถามเด็กว่าทำกันกี่คนแต่เจ้าตัวอ้างว่าทำคนเดียว จึงไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดดูพบว่า มีเพื่อนอีกคนคือ ด.ช.เอ คนที่พ่อไปร้องเรียนมูลนิธิปวีณาร่วมด้วย
นอกจากนี้จากการไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าช่วงเช้าเวลา 08.30 น. เด็กกลุ่มเดียวกัน 3 คน มาขโมยของในร้านไปแล้ว 1 รอบ โดยรอบแรกไม่มั่นใจว่า ด.ช.เอ ร่วมด้วยหรือไม่ ตนจึงแจ้งทางโรงเรียนให้รับทราบและมีการเรียกผู้ปกครองเด็ก 3 คนแรกมาก่อนตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. ซึ่งเด็กทั้ง 3 คนยอมรับว่าทำแบบนี้มา 3 รอบแล้ว และตนก็เคยจับได้คาหนังคาเขาครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ก.ย. แต่ตอนนั้นไม่ได้เอาเรื่อง
ตนยอมรับว่าเรียกเงิน 100,000 บาทจริง เพราะต้องการให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ ให้เด็กรู้กันทั้งโรงเรียนเพื่อจะได้ไม่กล้ามาทำแบบนี้อีก จากนั้นมีการเจรจาต่อรองกันลดเหลือ 50,000 บาท และสุดท้ายก็ลดลงมาเหลือคนละ 25,000 บาท โดยผู้ปกครองของเด็กทั้ง 3 คน ก็ยอมรับความผิดของลูกและได้จ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้วที่สถานีตำรวจในวันนี้ ซึ่งเงินส่วนนี้ก็จะนำไปทำบุญ
ส่วน ด.ช.เอ ทางโรงเรียนได้เรียกผู้ปกครองมาหลังวันที่ 8 ธ.ค. แต่ผู้ปกครองไม่เข้ามาพบไม่มาเจรจากับตน ทั้งที่อย่างน้อยควรจะมาชี้แจงว่าลูกชายทำจริงหรือไม่ เพราะตนก็มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และรู้ว่า ด.ช.เอ อยู่ในกลุ่มเด็กที่โดนจับได้ ส่วนตัวไม่ได้เรียกเงินเพื่อกรรโชกทรัพย์แต่มองว่าต้องทำให้เด็กหลาบจำเพราะทำแบบนี้หลายรอบแล้ว และการขโมยก็ทำกันเป็นขั้นเป็นตอน มีการยืนบังหลบมุมกล้องต่าง ๆ ที่ผ่านมาทนมาตลอดไม่เอาเรื่อง แต่ครั้งนี้ต้องการให้มีการจัดการอย่างเด็ดขาด โดยหลังจากนี้ตนคงต้องแจ้งความให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อจะได้เป็นบทเรียนต่อไป
ด้าน นางมุสิตา มีสุข อายุ 49 ปี พนักงานร้าน เล่าว่าวันเกิดเหตุขณะตนจัดของอยู่หลังร้าน สังเกตเห็นเด็กชาย 2 คนยืนอยู่ข้างชั้นวางขนม โดยเด็กชายเสื้อดำยืนถือขนม 4 ห่อ ตนจึงสังเกตเพราะแปลกใจที่ซื้อเยอะ จากนั้นเด็กชายรายนี้พยายามเอาขนมใส่ไปในเสื้อ โดย ด.ช.เอ พยายามยืนบังมุมกล้องให้ ตนจึงเดินเข้าไปจับเด็กเสื้อดำไว้พร้อมถามว่าทำอะไร
ระหว่างนั้น ด.ช.เอ ก็เดินหนีออกไปจากร้านทันที ซึ่งเด็กชายเสื้อดำก็ยอมรับว่าขโมยตนจึงให้เจ้าของร้านดำเนินการต่อ โดยที่ผ่านมาเด็กกลุ่มนี้เคยขโมยมาแล้วหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้จับได้คาหนังคาเขาทางร้านจึงปล่อยผ่านไป แต่ครั้งนี้ตนเห็นคาตาจึงต้องจัดการ
Advertisement