คดีพลิก! ผู้ใหญ่บ้านขนคนรุมต่อยลูกบ้านหน้าแหก เจอแฉภาพลับพกมีดเบี้ยวค่าน้ำ (คลิป)
วันที่ 10 พ.ย. 65 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ทราบชื่อ นายสาคร วงศ์พิพันธ์ อายุ 44 ปี ชาวบ้าน จ.สุราษฎร์ธานี โพสต์ข้อความและคลิปวงจรปิดขอความช่วยเหลือลงในเพจ ครอบครัวกันจอมพลัง แจ้งเหตุขอความช่วยเหลือ เนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 65 เวลาเกือบ 3 ทุ่ม ขณะที่ตัวเองอยู่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 2 บ.คลองฉนวน ต.คลองฉนวน อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ได้มี นายจิรวัฒน์ เกิดเกลื่อน อายุ 51 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 พร้อมกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและลูกบ้านรวม 5 คน บุกรุกเข้ามาที่บ้านในยามวิกาลแล้วร่วมกันทำร้ายร่างกายตน
นำโดยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งใช้เท้าเหยียบหน้าอกตนแล้วรัวหมัดใส่หน้าแบบไม่ยั้ง ก่อนที่พวกที่เหลือจะเข้ามารุมและพยายามฉุดกระชากลากตนออกไปทำร้ายต่อนอกบ้าน นอกจากนี้ยังเห็นว่ามีการพกอาวุธปืนมาเพื่อขู่ฆ่าอีกด้วย ซึ่งเรื่องทั้งหมดมาจากตนไม่จ่ายค่าน้ำเดือน ก.ค. 65 เพราะยอดชำระมันสูงผิดปกติทั้ง ๆ ที่ตนใช้น้ำเหมือนเดิม หลังเกิดเหตุเจ้าตัวได้เข้าแจ้งความแล้วที่ สภ.เขานิพันธ์ จ.สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 12 ก.ย. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าขอเวลาตรวจสอบ 2 เดือน แต่จนถึงปัจจุบันผ่านไปเกือบ 2 เดือนแล้วหลังแจ้งความ คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ตนจึงหวั่นว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
วันที่ 10 พ.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังบ้านของนายสาครซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ และได้ตรวจสอบวงจรปิดขณะเกิดเหตุ พบว่าวันที่ 6 ก.ย. 65 เวลา 20.50 น. นายจิรวัฒน์ได้เดินเข้ามาที่บ้านของผู้เสียหาย พร้อมกับพวกรวม 5 คน คือ นายไพจิต ทองถึง อายุ 55 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน, นายนุรักษ์ รักษ์วงศ์ อายุ 52 ปี ญาติผู้ใหญ่บ้านบ้าน, นายคูณ ลูกน้องของผู้ใหญ่บ้าน และ นายพงษ์สิงห์ เดจา อายุ 37 ปี ชาวบ้านฝั่งผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นนายจิรวัฒน์ก็มีการเปิดเสื้อขึ้นและทำท่าจะชักปืนออกมาจากเอวด้านหน้าก่อนจะเดินมาที่บ้านตน
ระหว่างนั้นนายไพจิตก็บอกให้นายสาครเข้าไปเอาบิลค่าน้ำออกมา นายสาครก็เดินเข้าไปและหยิบบิลออกมาจากในบ้าน แต่กลับถูก นายนุรักษ์พุ่งเข้าชกใส่หน้าอย่างจัง จนมีการกอดรัดฟัดเหวี่ยงและล้มลงที่พื้นหน้าบ้าน แต่ด้วยจังหวะทำให้นายนุรักษ์สามารถขึ้นคร่อมนายสาครได้ จึงถูกต่อยหน้าไปที่หน้าอีกหลายครั้ง จากนั้นนายจิรวัฒน์ ผู้ใหญ่บ้าน ก็เดินเข้ามาที่นายสาครก่อนจะกระหน่ำใช้หมัดชกเข้าที่หน้าอีก 5 ครั้ง จนนายสาครต้องใช้เท้าทีบนายจิรวัฒน์ให้หงายหลังล้มไป และใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักนายนุรักษ์ออกจากร่าง ทำให้นายคูณและนายพงษ์สิงห์ซึ่งอยู่ฝั่งผู้ใหญ่บ้านพุ่งปรี่เข้ามารุมทำร้ายนายสาคร ทั้งต่อย ทั้งเตะและถีบอย่างแรง แต่ยังดีที่มีภรรยาของนายสาครกับชาวบ้านแถวนั้นเข้ามาห้ามและจับแยกไว้ ก่อนจะพานายสาครเข้าไปนั่งในบ้าน แต่กลุ่มของผู้ใหญ่บ้านก็ยังไม่ยอมไปไหน ยังเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าบ้านของนายสาคร
ในเวลา 21.00 น. นายคูณซึ่งเป็นคนของผู้ใหญ่บ้าน ได้เดินเข้าไปในบ้าน ซึ่งมีนายสาครภรรยาและลูกของนายสาครอีก 2 คน เป็นลูกสาววัย 15 ขวบ และลูกชายวัย 6 ขวบ อยู่ด้วย แล้วมีการชักปืนออกมาจากเอว แล้วขึ้นลำกล้องจ่อคล้ายจะยิง พร้อมเดินหน้าไปที่ครอบครัวของนายสาครและพูดว่า “มึงไม่ต้องอยู่ที่แล้ว ถ้ายังอยู่ กูยิงให้ตายโหงหมด” ทำให้ภรรยาของนายสาครต้องยกมือไหว้ขอชีวิตด้วยสีหน้าหวาดกลัวและตัวสั่น ด้านของนายสาครจึงลุกขึ้นยืนอีกรอบพร้อมบอกว่าถ้ามึงแน่ก็ยิง แต่ภรรยาก็ลุกขึ้นห้ามไว้ก่อนจะพานายสาครกับลูกอีก 2 คนที่ยืนดูอยู่ไปหลังบ้าน
นายสาคร เล่าให้ต้นสายปลายของเรื่องราวให้เราฟังว่า ที่ผ่านมาน้ำประปาที่บ้านของตนไม่ค่อยจะไหลในช่วงกลางวัน แต่จะไหลบ้างในช่วงกลางดึกตนก็พยายามแจ้งผู้ใหญ่บ้านตลอดแต่ก็ไม่เป็นผล ไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลแก้ไข ตนก็เลยต้องรองน้ำฝนเอามาใช้ทดแทน แถมยังต้องจ่ายค่าน้ำทุกเดือน เดือนละประมาณ 180-250 บาท
แต่จู่ ๆ บิลค่าไฟเดือน ก.ค. 65 พุ่งสูงถึง 426 บาท ซึ่งมันมากผิดปกติ ตนก็เลยลองตรวจสอบดูว่าที่บ้านมีน้ำซึมจุดไหนบ้าง ปรากฎว่าไม่มี ก็เลยลองปิดวาล์วจ่ายน้ำดู ปรากฎว่ามิเตอร์ก็ไม่หมุน ก็เลยเกิดความสงสัยว่าเกิดจากอะไรกันแน่ แต่ทางผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ยอมส่งคนมาตรวจสอบ บอกกับตนแค่ว่า เมื่อปลายเดือน ก.ค. 65 พี่ชายตนตาย แล้วมีการจัดงานศพที่วัด ญาติที่มาร่วมงานศพก็เข้ามาอาบน้ำที่บ้านตนเยอะ ค่าน้ำก็เลยสูง แต่ตนยืนยันว่าตอนงานศพ ญาติส่วนใหญ่อยู่วัด ไม่ได้มาอาบน้ำที่บ้าน มีแค่ตน ภรรยาและลูกเหมือนเดิม จึงตัดสินใจไม่จ่ายบิลในเดือน ก.ค. 65 เพราะมองว่ามันต้องมีบางอย่างผิดปกติ
จนกระทั่งวันที่เกิดเหตุตนโทรหาผู้ใหญ่บ้านให้เข้ามาดูอีกรอบ แต่ผู้ใหญ่บ้านส่งนายไพจิต ผู้ช่วยฯ เข้ามาแทน ตนก็พาผู้ช่วยไปดูมิเตอร์ดูท่อส่งน้ำรอบๆบ้าน และบอกไปว่าจะยังไม่จ่ายค่าน้ำเดือน ก.ค. 65 หากไม่มีคำตอบให้ ว่าทำไมค่าน้ำถึงสูงกว่าปกติด้านผู้ช่วยก็บอกว่า ถ้าไม่จ่ายก็จะถอดมิเตอร์ออก ตนโมโหจึงเอามีดปลายแหลมจากในบ้านออกมาเพื่อจะฟันมิเตอร์ แต่ฟันไม่โดนผู้ช่วยก็บอกว่าตนไปทำลายทรัพย์สินหมู่บ้านแล้วก็เดินออกไปที่ถนน ตนก็เดินตามไปเพื่อจะเคลียร์ให้จบ แต่บังเอิญเห็นว่าผู้ช่วยเปิดเสื้อขึ้น เผยให้เห็นปืนที่เหน็บอยู่ตรงเอวตนก็เลยท้าให้ยิงปืนแต่ผู้ช่วยไม่ยิง
ผ่านไปไม่นานผู้ใหญ่บ้านก็มาถึง พร้อมกับเปิดเสื้อให้ตนเห็นปืนที่เหน็บตรงเอวและพูดว่า “สาคร มึงมีปัญหาอะไร” ตนก็เลยกลับเข้ามาเอามีดเล่มเดิมออกมาเพื่อป้องกันตัว และบอกว่า “ผู้ใหญ่ งั้นค่อยคุยกันพรุ่งนี้” และเอามีดเข้าไปเก็บในบ้าน ก่อนจะเอาบิลค่าน้ำมาให้ผู้ใหญ่ดูอีกรอบ แต่ระหว่างนั้นนายนุรักษ์ก็ปรี่เข้ามาบอกกับตนว่า “อะไรของมึง” แล้วก็พุ่งทำร้ายร่างกายตน รวมถึงผู้ใหญ่บ้านและคนอื่น ๆ ที่เข้ามารุม ตามคลิปวงจรปิด ตนยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนกลัวว่าลูกจะได้รับอันตรายไปด้วย ทุกวันนี้เด็กๆใช้ชีวิตกันอย่างหวาดระแวง เพราะบ้านของผู้ใหญ่บ้านอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่วนคนอื่นๆค่อยอยู่ในละแวกใกล้เคียง แต่หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ก็ยังไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายที่บ้านตน
เท่าที่ตนติดตามคืบหน้าทางคดีกับร้อยเวร เมื่อวานนี้ร้อยเวรบอกว่าตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบทะเบียนปืนของฝั่งคู่กรณี ว่าครอบครองถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ รวมถึงรอผลชันสูตรที่ส่งตนไปตรวจร่างกายเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 65 ด้วย พร้อมกันนี้เจ้าตัวยืนยันว่าเป็นผู้เสียหายจริง ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความเมาเหล้าหรือว่าเมายาแน่นอน และที่ผ่านมาตนไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมด้วย
ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปยังบ้าน “นายจิรวัฒน์” ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านของ “นายสาคร” พบเพียงแค่ภรรยาของผู้ใหญ่บ้าน แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ บอกแค่ว่าตอนนี้ผู้ใหญ่บ้านติดธุระยังไม่พร้อมที่จะชี้แจง ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไป หลังจากนั้น “นายไพจิต ทองถึง” อายุ 55 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวแทน โดยเจ้าตัวบอกว่าจริง ๆ แล้ว “นายสาคร” ค้างชำระค่าน้ำประปาเดือน ก.ค. 65 จริง แล้วในคืนเกิดเหตุ “นายสาคร” ก็โทรไปด่าผู้ใหญ่บ้านด้วยคำหยาบ พร้อมกับบอกให้ไปหาเขาที่บ้านเพื่อตรวจสอบมิเตอร์น้ำ แต่ผู้ใหญ่บ้านติดธุระก็เลยส่งตนไปแทน
พอตนไปถึงก็มีการตรวจสอบระบบน้ำ ไม่พบอะไรผิดปกติ น้ำก็ไหลปกติ มิเตอร์ก็ไม่มีปัญหา ไม่มีน้ำรั่ว แต่ที่ค่าน้ำสูงกว่าปกติเพราะ “นายสาคร” ชอบเปิดน้ำใส่หลังคาเพื่อคลายร้อนและรดน้ำต้นไม้ตลอดทั้งวัน รวมถึงช่วงที่มีงานศพของพี่ชายเขา ญาติๆก็พากันมาอาบน้ำที่บ้านของ “นายสาคร” จริง จึงบอกให้ “นายสาคร” จ่ายค่าน้ำประปาให้ครบ ไม่อย่างนั้นจะต้องปฏิบัติตามมติในที่ประชุมคือจ่ายค่าปรับวันละ 5 บาท หรือไม่ก็ต้องยอมให้ตัดน้ำ แต่ “นายสาคร” ยืนยันที่จะไม่จ่าย ซึ่งตอนนั้นตนสังเกตว่าอยู่ในอาการเมาพอสมควรก็เอะอะโวยวาย แล้วถือมีดปลายแหลมออกมาแกว่งไปแกว่งมาก่อนจะเดินปรี่ไปฟันมิเตอร์น้ำ ตนจึงบอกไปว่า “ทำแบบนี้มีความผิด เพราะเป็นการทำลายทรัพย์สินของหมู่บ้าน”
ส่วนกรณีที่ “นายสาคร” บอกว่า ผู้ใหญ่บ้านเข้าไปเหยียบหน้าอกเขาและกระหน่ำชกหน้านั้น ด้านผู้ช่วยอธิบายว่า เนื่องจากเหตุการณ์ตอนนั้นมันชุลมุนและผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าก่อนหน้านี้ “นายสาคร” ถือมีดไว้ในมือ จึงเกรงว่าจะมีใครได้รับอันตราย จึงเดินปรี่เข้าไปเพื่อจะหามีดและดึงออกจากมือของ “นายสาคร” แต่หาไปหามาก็หาไม่เจอ จึงหันไปเห็นว่ามีดหลุดไปอยู่ที่อื่นแล้วก่อนหน้านั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีการต่อยหน้าหรือเหยียบหน้าอกแต่อย่างใด แต่ภาพอาจจะคล้าย ๆ เพราะผู้ใหญ่พยามจะใช้มือควานหามีดก็เท่านั้น
พร้อมกันนี้ตนยืนยันว่าในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่เคยมีการโกงมิเตอร์น้ำกันเกิดขึ้น ยึดตามมิเตอร์ทุกครั้งทุกบ้านแต่ “นายสาคร” เป็นคนหัวหมอ ไม่พูดความจริงและเขาเองก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่ตนก็ปกครองดูแลเขาในฐานะลูกบ้านตามปกติ แล้วหลังจากนั้นเหตุการณ์ในวันนั้น “นายสาคร” ก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องน้ำอีกเลย และเหตุการณ์ที่ “นายคูณ” ถือปืนเข้าไปในบ้านของ “นายสาคร” นั้นเป็นเพราะ “นายคูณ” เป็นญาติกับ “นายสาคร” และก่อนจะเข้าไป ได้มีการบอกกับพวกตนว่าเขาจะเข้าไปเคลียร์เอง ในฐานะญาติ ยืนยันว่าฝั่งตนในคืนนั้นไม่มีใครเมา
ขณะที่ “นายพงษ์สิงห์ เดจา” หนึ่งในคนที่ปรี่เข้าไปรุมทำร้าย “นายสาคร” ตามที่ปรากฏในคลิปวงจรปิด วันนี้ให้ให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวีว่า บ้านตนอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุพอดี ก็เห็นว่า “นายสาคร” เดินถือมีดแกว่งไปแกว่งมา กินเหล้าจนเมา แล้วก็มีการด่าผู้ใหญ่บ้านด้วยคำหยาบ แถมยังท้าต่อยผู้ใหญ่บ้านอีกต่างหาก
จนกระทั่งเห็นว่ามีการตะลุมบอนกัน ตนก็เลยเกรงว่าผู้ใหญ่บ้านจะได้รับอันตราย จึงวิ่งปรี่เข้าไปยับยั้งเหตุ ช่วยเหลือผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่บ้านเป็นคนดี ตนเลือกตั้งมาเองกับมือ ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปรุม “นายสาคร” เลย
และตนยืนยันว่า “นายสาคร” ไม่ได้จ่ายค่าน้ำเดือน ก.ค. 65 จริง เพราะก่อนหน้านี้ตนเคยไปถามว่าทำไมถึงไม่จ่าย “นายสาคร” บอกว่า “กูไม่ได้มีส่วนทุเรียนแต่ทำไมค่าน้ำแพง กูไม่จ่าย” ซึ่งตนมองว่าเป็นพฤติกรรมของคนหัวหมอ เพราะชาวบ้านทุกคนจ่ายกันหมด ไม่มีใครมีปัญหา แม้ว่าน้ำบางน้ำบางวันอาจจะไม่ได้ไหลปกติ เพราะเข้าใจว่าต้องแบ่งกันใช้น้ำ และยืนยันว่าไม่มีการโกงมิเตอร์น้ำแน่นอน
Advertisement
