จากกรณีเด็กอายุ 18 ปี ทำร้ายร่างกายเด็กอายุ 13 ปี จนเสียชีวิต ภายหลังได้ประกันตัวออกมาในวงเงิน 20,000 บาท เจ้าตัวได้โพสต์เฟซบุ๊กโชว์กร่างบ้านรวยไม่ต้องห่วงพ่อเคลียร์ได้หมด จนเกิดเป็นติดแฮชแท็กเป็นเทรนทวิตเตอร์ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 พ.ย. 65 พล.ต.ต.พงษ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง เดินทางมาที่ สภ.ห้วยโป่ง จ.ระยอง พร้อมด้วย พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ ทับแสง ผกก.สภ.ห้วยโป่ง เพื่อตรวจสอบนายโดม ผู้ต้องหา ที่ถูกควบคุมตัวมาที่ สภ.ห้วยโป่ง หลังนายประกันที่มีการประกันตัวในชั้นศาลไปก่อนหน้านี้มีการเดินทางไปถอนประกันคดีทำร้ายร่างกายแล้ว โดยพล.ต.ต.พงษ์พันธ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวนายโดมมาแจ้งข้อหาเพิ่มคือ “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย” เนื่องจากเด็กที่ถูกทำร้ายเสียชีวิตลงแล้ว ซึ่งเจ้าตัวให้การรับสารภาพทั้งหมด
ขณะเดียวกันในชั้นสอบสวน นายโดมให้การกับตำรวจว่า ตนเองไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนายฟลุ๊ก แค่เอามือต่อยและเท้าถีบ ไม่ได้ใช้สายไฟฟาดตีหรือรัดคอฟลุ๊กจนตายตนเองเพียงแค่ใช้ “สายยาง” ฟาดไป 3 ทีเท่านั้น และทั้ง 3 ที ที่ตนเองฟาดไปก็ถูกพี่ชายของฟลุ๊กทั้งหมดที่เข้ามากันไว้ก่อนไม่โดนฟลุ๊กเลย ส่วนสายไฟขนาดใหญ่ที่ตำรวจเก็บมาตนเองยืนยันไม่ได้ถือเป็นอาวุธเลยด้วยซ้ำ เป็นสายยาง
ต่อมาหลังจากแจ้งข้อหาและสอบปากคำเสร็จ ตำรวจได้ควบคุมตัวนายโดม สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ คุมตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดระยอง โดยระหว่างควบคุมตัวทีมข่าวได้สอบถามนายโดมถึงเหตุผลที่ทำไป เจ้าตัวได้ยกมือไหว้บอกว่า “ผมขอโทษ ที่ทำลงไปเพราะสติหลุดไปแล้ว โพสต์โดยไม่มีสติ” เมื่อสอบถามว่าฆ่าน้องฟลุ๊กเพราะสาเหตุใดนายโดมบอกว่า “พลั้งมือ ไม่ได้ตั้งใจ และขอโทษครอบครัวผู้ตาย” ก่อนจะถูกนำตัวส่งศาลอาญาจังหวัดระยอง โดยมีตำรวจชุดสืบสวน สภ.ห้วยโป่ง นำตัวขึ้นรถกระบะของตำรวจ ส่งศาลทันที โดยนายโดมได้นั่งรถไปกับตำรวจเข้าศาลไปเพียงคนเดียวไม่มีใครเดินทางมาเป็นเพื่อนด้วย และสำหรับนายโดมนั้นอายุเกิน 18 ปีแล้ว ซึ่งเกิดวันที่ 24 ส.ค. 47 นายโดมจะได้รับโทษแบบผู้ใหญ่ไม่ใช่เยาวชน
นายสุนทร คนที่นำเงินไปประกันตัวนายโดม ซึ่งเป็นพ่อของนายธน เพื่อนสนิทของนายโดม เปิดใจกับทีมข่าวบอกว่า ตนเองเป็นเจ้าของเงินประกันจำนวน 20,000 บาท ที่นำไปประกันตัวนายโดมจริง โดยตนเองเป็นพ่อของเพื่อนสนิทของนายโดมที่รู้จักกันมานานแล้ว ส่วนเหตุผลที่ตนเองไปช่วยประกันตัวนายโดมออกมานั้น ลูกชายของตนเองเป็นคนขอร้องให้ช่วยเพราะสงสารนายโดม เพราะหลังเกิดเหตุลูกชายเรียกให้ตนเองไปดูนายโดม โดยลูกบอกผมว่า “พ่อมาดูไอโดมที มันเป็นอะไรไม่รู้ ร้องไห้เอาหัวโขกกำแพงอยู่ในห้องจะตายแล้ว โดมมันเครียด มันไปทำร้ายน้องฟลุ๊กมาเกือบตายจนเข้าโรงพยาบาล”
ตนเองเมื่อเข้าไปเห็นสภาพโดมขณะนั้น ยอมรับว่าเกิดความสงสาร เพราะโดมร้องไห้ตลอดเวลา ตนเองจึงพูดปลอบไปว่า “โดมไม่ต้องเครียดนะ โดมกินข้าวแล้วนอนให้หลับไปเลย เดี๋ยวถ้ามีอะไรจะช่วยโดมเอง” ซึ่งทั้งหมดลูกชายเป็นคนขอให้ตนเองช่วยเพราะกลัวโดมจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่หลังจากมาทราบข่าวว่าหลังตนเองนำเงิน 20,000 บาท ไปประกันตัวนายโดมออกมา ซึ่งเงินจำนวนนี้ ตนเองก็ไปกู้เขามาอีกที ตนเองเสียใจและอึ้งมากที่โดมกลับไปโพสต์โอ้อวดโชว์กร่างว่าที่ได้ประกันตัวมาเพราะ “พ่อกูรวย บ้านกูมีเงิน” ซึ่งไม่เป็นความจริงอะไรเลย
หลังจากนั้น ตนเองจึงได้เรียกนายโดมมาพูดคุยและต่อว่าโดมไปว่า “ทำไมไปโพสต์ให้เรื่องเสียหายแบบนี้ คนอื่นเขาเดือดร้อนและเสียหายหลายทาง” ตอนนั้นตนเองไม่พอใจและโกรธมาก จึงได้บอกนายโดมไปว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ เดี๋ยวไปถอนเอาเงินประกันคืน แล้วมึงก็กลับเข้าคุกไปเลยแล้วกัน” และตนเองได้เดินทางไปขอทำเรื่องถอนประกันศาลมาตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ จากนั้นได้เดินทางไปขอขมาศพน้องฟลุ๊กเพราะรู้สึกผิดมากที่ไปช่วยเหลือคนผิด
ส่วนเรื่องที่นายโดมไปโพสต์เฟซบุ๊กโอ้อวดตนเองคิดว่า เกิดจากความหัวร้อนและโพสต์ไปโดยไม่คิดมากกว่าเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็กที่ไม่รู้จักโตเท่านั้น
ขณะที่ก่อนจะมีการถอนประกัน นายสุนทร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงนายโดมโดยระบุว่า "กูสอนให้มึงเป็นคนดีไม่ได้ไปเกเรหรือระรานใครเขา ถ้ามึงคิดว่ามีพวกเยอะแล้วไปรังแกคนที่ไม่มีทางสู้มึงคิดผิด เพราะไม่มีใครมองว่ามึงดีหรอก มึงบอก มึงสอนน้องน้องมึงแบบนี้หรอ ถ้ามึงยังไม่เลิกทำตัวแบบนี้ต่อไปนี้เราคงเดินทางเดียวกันไม่ได้ ต่อไปมึงก็จะไม่เหลือใครเลย ฝากไว้ให้คิดแล้วก็คิดซะด้วย"
ขณะที่บรรยากาศในช่วงบ่าย 3 โมงที่ผ่านมา ณ วัดห้วยโป่ง ได้มีพิธีฌาปณกิจศพของนายฟลุ๊ก เด็กชายวัย 14 ปี โดยวันนี้มีนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธีทอดผ้าไตรบังสุกุลให้กับนายฟลุ๊ก ผู้เสียชีวิต บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีญาติ ๆ เพื่อน ๆ ที่รู้จักเดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก
หลังจากทุกคนภายในงานวางดอกไม้จันทน์เสร็จแล้วสัปเหร่อของวัดได้เปิดโลงให้ญาติ ๆ ของดูศพเป็นครั้งสุดท้าย ทุกคนต่างร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ โดยคุณย่าของน้องได้จับมือน้องฟลุ๊กที่นอนอยู่ในโลงและบอกกับน้องฟลุ๊กว่า “จากย่าไปทำไม กลับมาอยู่กลับย่า ย่ามาหาแล้วลูกเอ่ย”
เช่นเดียวกันคุณยายของน้องฟลุ๊กที่เดินทางมาดูหน้าหลานชายเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะปิดฝาโลงเพื่อเผา คุณยายได้เดินเอาฝ่ามือลูบบริเวณข้างโลงศพของหลานชายและร้องไห้ด้วยความเสียใจ ก่อนที่ญาติ ๆ จะรีบพาตัวทั้งคุณยายและย่าลงไปนั่งเก้าอี้ด้านล่าง
นางบุญทา ทาเพียรทุ อายุ 62 ปี คุณยายของน้องฟลุ๊ก บอกว่า เธออยากเรียกร้องความยุติธรรมให้กับหลานชาย ไม่อยากให้หลานชายตายฟรี และอยากให้ไอ้โดมติดคุกไปตลอดชีวิต ขอให้มันตายทั้งเป็นอยู่ในคุกได้ยิ่งดี เทวดาฟ้าดินจะต้องลงโทษมัน ตนเสียใจมากที่ไอ้โดมลงมือฆ่าฟลุ๊กได้ลงคอ ทั้ง ๆ ที่เธอก็เลี้ยงทั้งสองคนมาตั้งแต่เล็ก ไอ้โดมกับฟลุ๊กโตมาด้วยกัน กินนอนอยู่บ้านด้วยกันหลายปี ตนเองยังเลี้ยงดูโดมมาตั้งแต่เล็ก คอยให้ข้าวให้น้ำมาตลอด ไม่คิดว่าไอ้โดมจะทำกับน้องฟลุ๊คแบบนี้
ยังจำวันที่ไอ้โดมมาขออาศัยอยู่บ้านตนเองได้อยู่เลย มันบอกว่า “พ่อแม่ผมเลิกกัน ผมไม่มีที่ไป” ตนเองด้วยความสงสารจึงให้มาอยู่ด้วย แต่มาทำแบบนี้มันเลี้ยงเสียข้าวสุกชัด ๆ ส่วนที่ไอ้โดมอ้างว่าไม่ได้ใช้สายไฟแต่เป็นสายยางที่ทำร้ายน้องฟลุ๊กจนตาย ตัวเองไม่เชื่อว่าเพราะบ้านของตนเองไม่มีสายยางสักเส้น ยังไม่พอไอ้โดมยังโยนว่าหลานเสพกัญชาจนตายเอง ซึ่งไม่เข้าว่าทำไมไอ้โดมกล้าพูดแบบนั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองไม่มีวันอโหสิกรรให้ไอ้โดมเด็ดขาด และตนเองได้จุดธูปบอกหลานฟลุ๊กว่า “ขอให้หนูอโหสิกรรมให้เขานะ อย่าไปจองเวรจองกรรมกับเขา เชื่อแม่หนูจะได้ไปเกิดใหม่หนูจะได้ไม่เจ็บไม่ปวด เพราะถ้ามัวแต่จองเวรจองกรรมก็มีแต่เจ็บปวด ถ้าอโหสิกรรมหลานก็จะได้บุญ และจะได้รีบกลับมาเกิดใหม่เพื่อที่จะได้ทันเห็นไอ้โดมกำลังรับกรรมที่มันก่อไว้ในคุก ที่ชาตินี้มันทำกับหนู”
ต่อมาในช่วงเย็น ตำรวจ สภ.ห้วยโป่ง ร่วมกับ ฝ่ายปกครองจังหวัดระยองและตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านของนายโดม ที่พักอาศัยอยู่กับพ่อและยายเพื่อตรวจค้นภายในบ้านและพูดคุยกับญาติของนายโดม หลังมีข้อมูลสงสัยว่านายโดมอาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวยาเสพติด หรือภายในบ้านมีการผลิตขายอาวุธปืน แต่จากการตรวจสอบและพูดคุยกับยายของนายโดมไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ
Advertisement