กรณีวันที่ 8 พ.ย. 65 เวลา 22.00 น. เหตุการณ์สลดในคืนวันลอยกระทง มีเด็กผู้ชายอายุ 11 ปี จมน้ำขณะลงไปเก็บเงินในกระทงที่หนองโป่งนกเป้า หน้าเทศบาลตำบลโนนสูง-น้ำคำ สร้างความตื่นตะหนกตกใจให้กับผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมาก ทราบชื่อ ด.ช.กิตตินันทการ ฤทธิ์มหา หรือ น้องตะวัน อายุ 11 ปี
วันที่ 9 พ.ย.65 นางวันทะนา ฤทธิ์มหา อายุ 40 ปี แม่ของเด็ก บอกว่า เมื่อคืนนี้ก่อนจะเกิดเหตุ ตัวเองไปเที่ยวงานลอยกระทงพร้อมลูกอีก 3 คน ซึ่งก่อนเกิดเหตุตัวเองก็ได้ลอยกระทง 1 อัน พร้อมกันทั้งครอบครัว แล้วพากันขอขมาเจ้าแม่คงคา หลังจากลอยกระทงเสร็จ สามีตัวเองและลูกสาวก็แยกออกไป เหลือแต่เพียงตัวเองและลูกชายคนกลางกับคนเล็ก
กระทั่งน้องตะวัน ลูกคนเล็ก ได้ลงน้ำเก็บเงินในกระทงตามตลิ่ง ตัวเองก็เดินตามหลังลูกอยู่ตลอด ซึ่งตอนนั้นตัวเองเห็นว่าน้ำอยู่ประมาณเอวของลูกชาย ตัวเองก็ถามลูกชายตลอดว่า "ตะวันหนาวไหมลูก" เขาก็ตอบว่า "หนาวนิดหน่อย" ตัวเองก็บอกว่าถ้าหนาวก็ขึ้นมา เป็นช่วงที่เด็กชายต้นน้ำ พี่ชายซื้อชูชิมาพอดี น้องตะวันลูกคนเล็กจึงขึ้นจากน้ำมากินซูชิกับพี่ชาย ตอนนั้นตัวเองก็นั่งกินด้วย จากนั้นก็เห็นลูกชายเดินอยู่บนบก ไม่ให้ลูกชายลงน้ำไปอีก กระทั่งผ่านไปประมาณ 10 นาทีกว่า ตัวเองจึงมาทราบว่าลูกชายจมน้ำแล้ว
สำหรับเด็กชายตะวัน ลูกชายคนเล็กของตัวเองชอบเก็บเงินโปรยทาน เก็บเงินตามเทศกาลงานต่าง ๆ ประจำ เพราะเขาอยากมีโทรศัพท์เป็นของตัวเอง นอกเหนือจากนั้นเงินที่ได้มาเขาก็ยังเอามาให้พ่อกับแม่อีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองที่พาลูกไปเก็บเงินตามงานต่าง ๆ ที่ผ่านมาก็ดูแลลูกไม่ให้ละสายตาโดยตลอด
สำหรับอาการของลูกชายตอนนี้ แพทย์บอกว่าสมองตายแล้ว 99 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากน้ำเข้าไปในสมอง ที่อยู่ได้ตอนนี้เพราะมีเครื่องช่วยหายใจ แต่ที่ตัวเองยังไม่อยากให้หมอถอดเครื่องช่วยหายใจ เพราะตัวเองยังทำใจรับไม่ได้ อยากจะยื้อลูกชายไปนาน หลังจากนี้ ตัวเองจะขอบริจาคร่างลูกชายให้กับโรงพยาบาล เพื่อเป็นการทำบุญให้ลูกชายครั้งสุดท้าย
"ตัวเองอยากให้ลูกชายไปสู่ภพภูมิที่ดี อยากบอกลูกว่าแม่รักหนูที่สุด แม่ขอโทษที่แม่ละสายตาจากลูก ถ้าแม่รู้ว่าลูกจะเป็นแบบนี้ เมื่อคืนแม่จะกอดลูกให้แน่นที่สุด" สำหรับน้องตะวันคยบอกกับตัวเองว่า เขาอยากเป็นนักแคสเกม เขาจะได้มีเงินเยอะ และการเรียนก็อยู่ในระดับที่ดี
น้องต้นน้ำ อายุ 13 ปี พี่ชายของน้องตะวัน บอกว่า เมื่อวานนี้น้องตะวันก็ขอตัวไปเก็บเหรียญในกระทงที่ตลิ่งริม เกาะตัวเองและแม่ ตนก็นั่งดูน้องชายอยู่ใกล้ ๆ สักพักหนึ่งตัวเองไปเข้าห้องน้ำ ขาเดินกลับจึงซื้อซูชิมาด้วย 1 กล่อง พอมาถึงที่น้องชายก็ขึ้นจากน้ำ มาขอชูชิตัวเองกิน 1 ชิ้น มีแม่นั่งกินชูชิไปด้วย พอกินซูชิหมดตัวเองก็เดินเอาขยะไปทิ้ง กระทั่งเดินกลับมาก็ไม่เห็นน้องชาย ตอนนั้นไม่คิดว่าน้องจมน้ำ นึกว่าน้องเดินตามตลิ่งรอบเกาะเพื่อเก็บเหรียญ
จากนั้นตัวเองจึงเดินหาน้องรอบเกาะ พร้อมกับสอบถามคนไปเรื่อย ๆ ว่ามีใครเห็นน้องตัวเองไหม ก็ไม่มีใครเจอ กระทั่งตัววนกลับมาที่เดิม ก็เห็นฟองน้ำลอยขึ้นจากน้ำเยอะมาก และพบรองเท้าของน้องชายลอบอยู่ในน้ำ แต่ตัวเองก็ไม่ได้เอะใจ เพราะคิดว่าเป็นรองเท้าที่คล้ายคลึงกับของน้องชายเท่านั้น กระทั่งมีชาวบ้านเอารองเท้าคู่ดังกล่าวมาถามตัวเองอีกรอบว่ารองเท้าใคร ตัวเองจึงจำได้ว่าเป็นรองเท้าของน้องชาย จากนั้นตัวเองจึงไปเรียกทหารนอกเครื่องแบบที่อยู่แถวนั้น ให้ไปช่วยดูจุดสุดท้ายที่ตัวเองแยกทางกับน้อง พอทหาร 1 นาย ลงไปในน้ำทำการงมหาน้องชายในน้ำได้ไม่ถึง 5 นาที ก็มีเสียงเจ้าหน้าที่บอกว่าเจอร่างน้องชายแล้ว
ส่วนที่น้องชายต้องไปเก็บเหรียญในกระทง เนื่องจากเขาอยากจะเก็บเงินซื้อโทรศัพท์ ก่อนหน้านี้น้องชายเขาจะชอบขาดเรียน เพื่อไปเก็บเงินโปรยทานตามงานศพ และงานบวชแทบทุกงาน ซึ่งตอนนี้น้องชายเก็บได้ประมาณ 200 บาท น้องชายไม่ใช่แค่เก็บเงินซื้อโทรศัพท์เท่านั้น น้องชายยังเอาเงินเก็บมาซื้อกับข้าวกินในแต่ละวันอีกด้วย ตัวเองคิดถึงน้องชาย อยากให้น้องชายฟื้นขึ้นมาเล่นกับตัวเองเหมือนทุกวัน
ล่าสุด นายพินิจ ฤทธิ์มหา อายุ 42 ปี พ่อน้องตะวัน เดินทางมาพร้อม น.ส.เตยหอม อายุ 17 ปี และ ด.ช.ต้นน้ำ อายุ 13 ปี ลูกสาวและลูกชาย มาที่หนองโป่งนกเป้า และเดินไปที่เกาะกลางน้ำบริเวณจุดที่น้องตะวันจมน้ำ ลงไปบริเวณจุดที่น้องตะวันเดินเก็บเงินในกระทงแล้วจมน้ำ พบว่ามีบันไดในน้ำ 3 ขั้น จากนั้นก็จะไล่ระดับตื่นไปหาลึกลงไปเรื่อย ๆ ส่วนบริเวณที่น้องตะวันจมจะอยู่ห่างจากบันไดประมาณ 2 เมตร ลักษณะเป็นแอ่งลึก ระดับน้ำท่วมหัวนายพินิจ
จากนั้นนายพินิจได้จุดธูปเรียกขวัญน้องตะวันให้กลับบ้าน บอกว่า "ถ้าหากน้องตะวันอยู่ตรงนี้ หรือยังห่วงเงินตกน้ำ ไม่ต้องห่วงแล้วนะ ลูกตะวันต้องกลับบ้านพ่อกับแม่ และทุกคนที่รักตะวัน จะทำพิธีส่งดวงวิญญาณไปเกิดในภพภูมิที่ดี ตะวันไม่ต้องเสียใจ พ่อแม่และพี่เข้าใจตะวันดีว่ามันเกิดข้อผิดพลาดอะไร ค่อยไปแก้ไขภพหน้า ไม่ต้องอยู่ตรงนี้"
Advertisement