พลิกแผ่นดินหา"น้องธันวา"หายลึกลับ ภาพโผล่ใกล้น้ำแต่ไร้ร่าง ตร.บุกบ้านปริศนาเจอมีดอื้อ (คลิป)

จากกรณีเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 5 พ.ย. 65 เจ้าหน้าที่สายตรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร รับแจ้งมีเด็กหายที่ท้าย ซ. 4 ถ.เทศา 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร จึงไปตรวจสอบพร้อมประสานกู้ภัยมูลนิธิสว่างกำแพงเพชรธรรมสถานไปร่วมตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบ นายมนัส ภู่ทอง อายุ 59 ปี พ่อของเด็ก เปิดเผยว่า ลูกชายของตนเอง ชื่อ ด.ช.ธันวา ภู่ทอง อายุ 8 ขวบ ได้หายตัวออกจากบ้านพร้อมรถจักรยาน

ซึ่งช่วงเวลา 5 โมงเย็นของวันที่ 5 พ.ย. 65 วันเกิดเหตุ มีคนไปพบรถจักรยานของลูกชายถูกทิ้งอยู่ข้างทางริมคลองชลประทานท่อทองแดงท้ายซอยบ้าน แต่เมื่อตนเองและชาวบ้านช่วยกันตามหาแต่ยังไม่พบ จึงแจ้งตำรวจพร้อมกู้ภัยมาช่วย กู้ภัยได้พากันดาหน้าลุยค้นหาในป่าละเมาะข้างทางและริมคลองชลประทาน

จนถึงเวลาประมาณ 01.30 น. ของวันที่ 6 พ.ย. 65 มีชาวบ้านไปพบรองเท้าแตะสีแดงคว่ำ 1 ข้าง หงาย 1 ข้างอยู่ที่บริเวณข้างคูน้ำที่แล้งแล้วแต่ยังเป็นโคลนที่ปกคลุมด้วยหญ้ารก ทางกู้ภัยจึงมีความหวังโดยรวมตัวกันค้นหาในป่าละเมาะและป่าหญ้าบริเวณดังกล่าวแต่ก็ยังไม่พบ

วันที่ 7 ต.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปร่วมติดตามปฎิบัติการค้นหาน้องธันวาอีกครั้ง โดยวันนี้เข้าสู่วันที่ 2 แล้ว ที่น้องธันวาหายตัวปริศนาออกจากบ้านไป โดยเบาะแสสำคัญที่วันนี้ทีมข่าวได้มาคือภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณร้านค้า ใกล้บ้านของน้องธันวา ช่วงเวลาประมาณ 15.56 น. วันเกิดเหตุ 5 พ.ย. 65 ที่จะเห็นน้องธันวาขี่รถจักรยานคันโปรดมาซื้อน้ำในร้านค้าก่อนขี่รถจักรยานออกไปเวลา 15.57 น.

นางอารีย์ วิจารณ์ เจ้าของร้านขายของชำ ที่น้องธันวาขี่จักรยานมาซื้อน้ำก่อนหายตัวปริศนา ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ก่อนที่น้องจะหายตัวไปช่วงเวลาประมาณบ่าย 4 โมงเย็น ขณะตนเองขายของอยู่ภายในร้าน น้องธันวาได้ขี่รถจักรยานมาคนเดียวสภาพไม่ได้ใส่รองเท้าแตะ ซึ่งวันที่น้องมาที่ร้านอากาศร้อนมาก โดยน้องได้เดินเข้าไปเลือกน้ำขวดในตู้แช่ภายในร้าน โดยมีเงินในมือทั้งหมด 10 บาท 

จากนั้นน้องได้เดินไปหยิบน้ำมะพร้าวขวดละ 10 บาท เดินมาหาตนเองเพื่อคิดเงินและถามว่า “ราคาเท่าไหร่” ก่อนจะจ่ายเงินให้ โดยไม่ได้พูดคุยหรือถามไถ่อะไรกัน เมื่อน้องได้น้ำขวดไปแล้วขี่จักรยานออกจากร้านไปทันที ซึ่งเธอก็ไม่ทราบทิศทางว่าน้องขี่จักรยานไปทางไหน

มาทราบเรื่องภายหลังว่า น้องธันวาหายตัวไปหลังจากซื้อน้ำขวดร้านของเธอก็ตกใจมาก เพราะปกติน้องจะขี่จักรยานมาซื้อขนมที่ร้านเป็นประจำ ซึ่งตัวน้องมักจะไม่ค่อยใส่รองเท้าอยู่แล้ว โดยน้องมีฐานะยากจนแต่ละครั้งจะพกเงินมาซื้อขนม 10-20 บาทเท่านั้น และบางครั้งน้องเลือกซื้อขนมเกินเงินในมือที่มี ตนเองยังแถมให้น้องอยู่บ่อย ๆ เพราะเอ็นดูและสงสาร อยากเป็นกำลังใจให้เจอน้องโดยเร็วและขอให้น้องปลอดภัย

นายณัฐวุฒิ เพชรรัตน์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยทางน้ำสว่างกำแพงเพชร ให้ข้อมูลว่า การค้นหาวันนี้มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างกำแพงเพชร จำนวน 30 นาย และใช้นักประดาน้ำ 10 นาย ปูพรมค้นหาน้องทั้งในป่าและบ่อน้ำต่าง ๆ ที่ต้องสงสัยว่าน้องอาจจะพลัดตกไป มีการตีวงค้นหารัศมีทั้งหมด 2 กิโลเมตรจากบ้านของน้องธันวา

โดยเจ้าหน้าที่จะแบ่งการค้นหาเป็นโซน A ถึง I เดินเรียงหน้ากระดานค้นหาและบินโดรนสำรวจ ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ปูพรมค้นหาไปเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์แล้วแต่ก็ยังไร้วี่แววน้องธันวา

ประกอบกับวันนี้กรมชลประทานได้ปิดประตูระบายน้ำด้วย ทำให้ระดับน้ำลดลงจากวันเกิดเหตุมาก จากระดับน้ำสูงประมาณ 3 เมตร ลดเหลือระดับประมาณ 30-40 เซนติเมตร แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสของน้องธันวาภายในคลอง ซึ่งตามหลักแล้วหากน้องธันวาพลัดตกน้ำในคลอง 2 วัน ศพจะต้องลอยขึ้นมาแล้วเพราะน้องยังเล็ก แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่พบซึ่งมองในแง่ดีน้องอาจจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ได้อยู่ภายในคลองชลประทานก็เป็นไปได้

ด้าน คุณครูสุพร อิ่มอินทร์ ครูประจำชั้นของน้องธันวา หลังทราบข่าว ได้เดินทางมาพร้อมกับคุณครูโรงเรียนชุมชนบ้านหนองปลิง เพื่อร่วมเดินค้นหาน้องด้วย เธอบอกว่าน้องธันวาเป็นเด็กนิสัยดีและมีน้ำใจกับเพื่อน ๆ ในโรงเรียนทุกคน ทุกครั้งที่คุณครูจะขออาสาให้นักเรียนช่วยกันกวาดห้อง น้องธันวาจะเป็นคนแรกตลอดที่ยกมือขอช่วยคุณครูทำความสะอาดห้องเรียน

ทันทีที่ทราบข่าว ตนเองซึ่งเป็นครูประจำชั้นของน้องก็รู้สึกใจหายและเป็นห่วงน้องมากจึงเดินทางมาช่วยค้นหา โดยใช้เวลาว่างจากช่วงพักกลางวันมาช่วยเดินค้นหาด้วยอีกแรง ซึ่งหากน้องธันวาฟังอยู่หรือได้ยินเสียงครูก็อยากให้รีบกลับบ้านและภาวนาขอให้น้องธันวาปลอดภัย

ขณะเดียวกันระหว่างที่ทีมข่าวตามหาเบาะแสน้องธันวา ทีมข่าวไปพบกับคุณยายรายหนึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่บ้านอยู่ติดริมคลองชลประทานไม่ไกลจากจุดที่น้องธันวาหายตัวไป คุณยายรายนี้ได้นำธูป 16 ดอก มาจุดบริเวณริมคลองชลประทาน พร้อมกับบอกกล่าวกับเจ้าที่เจ้าทางว่า ขอให้เจ้าที่เปิดทางให้ดวงวิญญาณน้องธันวาขึ้นมาจากน้ำด้วย “อย่าปิดปากเค้า จงเปิดทาง” โดยเจ้าตัวมีอาการสั่นไปทั้งตัวและอยากจะร้องไห้ตลอดเวลา

ทีมข่าวพยายามสอบถามเหตุผลที่มาจุดธูป เธอบอกว่าตนเองนั่งอยู่ภายในบ้านรู้สึกแปลก ๆ ตัวสั่น และอยากร้องไห้ตลอดเวลา หลังทราบข่าวว่าน้องธันวาเด็กในหมู่บ้านหายตัวไปก็รู้สึกสงสาร และมารู้ว่าพ่อของเด็กจุดธูปเพียง 1 ดอก เพื่อขอให้เจ้าที่เจ้าทางช่วยเปิดทาง ซึ่งไม่ถูกต้องและต้องจุดธูป 16 ดอกเท่านั้น ตนเองจึงเดินทางมาจุดธูปทำพิธีบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางให้ใหม่ ซึ่งตนเองเชื่อว่าดวงวิญญาณของน้องธันวาคงรับรู้และได้ยิน

สำหรับเช้าวันนี้เป็นวันเปิดเรียน ทางญาติได้จุดธูปเรียกน้องธันวาให้ไปโรงเรียน ชาวบ้านนับสิบคนต่างนำเครื่องมือมีดตัดหญ้าไปทำการเปิดทางในบริเวณป่าข้างทางที่รก หวังว่าจะเจอน้องในที่สุดแต่การค้นหาขณะนี้ยังไม่พบน้องธันวาเลยซึ่งเข้าสู่ 50 ชั่วโมงแล้ว นางวัฒนา ภู่ทอง อายุ 64 ปี ป้าซึ่งเป็นคนเลี้ยงน้องธันวามาตั้งแต่เด็กได้จุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้พบน้องธันวาที่หายตัวไป ด้วยความร่ำไห้เสียใจพร้อมกับเรียกน้อยให้ไปโรงเรียน ซึ่งวันนี้เป็นวันจันทร์ที่น้องต้องไปเรียนหนังสือ 

นายมนัส ภู่ทอง อายุ 59 ปี พ่อของน้องธันวา เล่าให้ทีมข่าวฟังทั้งน้ำตาว่า ก่อนที่น้องธันวาจะหายตัวจากบ้านไปช่วง 4 โมงเย็นของวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา ตนเองได้ออกไปทำงานนอกบ้าน โดยปล่อยให้น้องธันวาอยู่บ้านคนเดียว ซึ่งเป็นเรื่องปกติเหมือนทุกวัน เมื่อหลังจากกลับจากทำงานเสร็จประมาณ 1 ทุ่ม ตนเองได้กลับมาที่บ้านกลับไม่พบลูกชายแล้ว เมื่อเดินไปสอบถามป้าของน้องซึ่งปกติน้องจะอยู่บ้านป้า ป้าก็บอกว่าน้องไม่ได้กลับมาบ้านตั้งแต่ช่วงเย็นเช่นเดียวกัน

จากนั้นตนเองจึงรีบออกตามหารอบบ้าน แต่ก็ไม่พบน้อง จนกระทั่งมารู้ว่าลูกชายได้ขี่จักรยานไปวิ่งเล่นริมคลองชลประทาน และได้เงินค่าขนมจากอาของน้องจำนวน 10 บาท และได้มานั่งเล่นอยู่ริมคลองชลประทาน ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าลูกชายอาจจะพลัดตกลงไปในคลองชลประทานหรือไม่ เพราะช่วงที่ไปค้นหามีรอยเปื้อนดินบริเวณปลายท่อส่งน้ำที่ทิ้งลงคลองชลประทาน ซึ่งเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า น้องอาจจะต้องการลงไปเล่นน้ำในคลองหรือปีนไปบนท่อและพลัดตกลงไป แต่ตนเองไม่ค่อยเชื่อว่าลูกพลัดตกน้ำเพราะผ่านไป 2 วันแล้วทำไมศพของลูกชายยังไม่ลอย หรือทำไมเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เดินเรียงหากระดานค้นหาภายในคลองถึงไม่เจอ ประกอบกับลูกชายเป็นเด็กตาขาวไม่กล้าที่จะลงไปเล่นน้ำในคลองขนาดใหญ่แบบนี้แน่นอน

โดยหลักฐานที่ตนเองพบเบาะแส พบเพียงรอยเปื้อนโคลนบนปลายท่อส่งน้ำ รองเท้าแตะ และจักรยานสีเหลืองคันโปรดของลูกชายเท่านั้น ซึ่งจุดที่พบรองเท้าลูกชายอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 50 เมตร ส่วนจุดที่เจอรถจักรยานห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตรเท่านั้น และจนถึงตอนนี้ตนเองเป็นห่วงลูกชายมาก กลัวว่าลูกชายจะเป็นอะไรไป ที่ผ่านมาหลังจากลูกหายตัวไป ตนเองไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายคืนติดแล้ว และออกตามหาลูกชายทุกคืนแต่ก็ยังไร้วี่แวว

หากลูกชายได้ยินตนเองอยู่ตอนนี้ อยากให้ลูกรู้ว่าตอนนี้พ่อเป็นห่วงลูกมาก และพ่อกำลังรอธันวากลับบ้านอยู่ถึงแม้ลูกจะมีลมหายใจหรือไม่มีแล้วก็ตามก็ขอให้ลูกกลับมาหาพ่อ

โดยนายมนัสบอกกับทีมข่าวทิ้งท้าย “ถ้าสุดท้ายพบว่า ไม่มีธันวาแล้ว ธันวาตายไปแล้วจริง ๆ ผมจะขอบวชตลอดชีวิตไม่สึก เพราะหากไม่มีธันวา ตนเองก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่อใคร ทุกวันจะขี่จักรยานคนละคันไปส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน แต่วันนี้คงไม่มีอีกแล้ว ผมไม่มีคู่หูอีกแล้ว”

ทีมข่าวเดินทางไปสอบถาม นายณรงศักดิ์ ใจสังข์ อายุ 30 ปี และ นายอาเดียว จบศรี อายุ 46 ปี คนขับรถแบ็คโฮและรถเทรบเลอร์ ยืนยันว่า พวกตนเองได้เดินทางมาทำงานเพียงวันเดียว คือ 5 พ.ย. ไม่ได้มาทำงานช่วงวันที่ 3 และ 4 อย่างที่นายดำเห็น และวันที่เด็กหายก็ไม่มีรถเก๋งสีขาวขับผ่านคลองขณะตนเองทำงานด้วย

คนขับแบ็คโฮบอกต่อว่า ตนเองเห็นน้องธันวาทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เวลาประมาณ 12.00 น. เด็กได้ขี่จักรยานมาจอดใกล้กับจุดที่ตนเองขับแบ็คโฮขุดสระอยู่ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคลองชลประทาน จากนั้นน้องธันวาได้เดินไปที่สระน้ำที่อยู่ใกล้สระที่ตนเองทำงาน และทำท่าจะลงไปเล่นในสระ ขณะนั้นตนเองจึงดุเด็กไปว่า “มึงมาทำไม กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวมึงก็ตกน้ำตายหรอก” ตอนนั้นยังจำได้ว่า น้องธันวาเด็กยังยิ้ม และเดินวนอยู่ใกล้ ๆ ไม่ไปไหนอยู่พักใหญ่ก่อนจะขี่จักรยานไป

กระทั่งช่วง 4 โมงเย็น น้องธันวาได้ขี่จักรยานมาเป็นครั้งที่ 2 แต่ครั้งนี้น้องได้วิ่งไปอีกฝั่ง ซึ่งเป็นคลองชลประทานและทำท่าจะลงไปเล่นในคลอง ตนเองและเพื่อนที่ขับรถเทลเลอร์เห็นเข้าจึงได้ตะโกนว่า “เห้ยมึงว่ายน้ำเป็นป่าว ไม่เป็นมึงขึ้นไปเลย เดี๋ยวก็ตกน้ำตายหรอก” ทำให้น้องธันวาหันกลับมาและไม่ได้ลงไปในคลองชลประทาน แต่ยังคงเดินวนเวียนอยู่บริเวณถนนริมคลอง ผ่านไปประมาณเกือบ 5 โมงเย็น พวกตนเองเดินทางกลับยังเห็นน้องธันวาเดินวนเวียนอยู่ใกล้กับริมคลองชลประทาน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเด็กจะย้อนกลับลงไปเล่นน้ำทั้ง 2 จุด ที่พวกตนเองห้ามไม่ให้เล่นน้ำแล้วเกิดพลัดตกลงไปหรือไม่

ขณะเดียวกันวันนี้ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้เดินทางไปตรวจค้นภายในบ้านของผู้ต้องสงสัยคนหนึ่ง หลังมีชาวบ้านให้ข้อมูลว่า บุคคลคนนี้มีบ้านอยู่ใกล้กับจุดที่น้องธันวาหายตัวไปมากที่สุด และสงสัยว่าเจ้าตัวอาจจะลักพาตัวเด็กไปหรือไม่ เพราะเป็นครูเกษียณและพักหลังสติไม่ค่อยดี

โดยบ้านของบ้านผู้ต้องสงสัยรายนี้ อยู่ห่างจากจุดที่น้องธันวาจอดรถจักรยานประมาณ 100 เมตร เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง ได้พูดคุยสอบถาม นายดำ (นามสมมติ) ครูเกษียณเจ้าของบ้านว่าพอพบเห็นหรือได้เบาะแสอะไรเกี่ยวกับน้องธันวาที่หายตัวไปหรือไม่ พร้อมกับขอขึ้นไปตรวจสอบภายบ้านพัก โดยเจ้าตัวไม่ได้มีท่าทีตกใจและให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี

และเมื่อนายดำเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่และทีมข่าวเข้าไปดูภายในบ้าน ก็พบกับวัตถุโบราณ พระพุทธรูป พระเครื่องและอาวุธมีดดาบต่าง ๆ จำนวนมาก ถูกเก็บไว้ภายในห้องจำนวนมาก

นายดำ เผยกับทีมข่าวว่าตนเองไม่เห็นน้องธันวาแต่ช่วงวันเกิดเหตุ แต่ตนเองเห็นรถเก๋งนิสสันมาชสีขาวเวลาประมาณ 17.30 น. ได้ขับผ่านหน้าบ้านไป ซึ่งขณะนั้นตนเองได้ยินเสียงรถแบ็คโฮกำลังทำงานกันอยู่ ซึ่งอาจจะเป็นแม่ของเด็กหรือไม่ที่แอบมารับตัวเด็กไป เพราะอาจจะทนกับพฤติกรรมพ่อของเด็กไม่ได้ที่ขี้เมา

ครั้งล่าสุดที่ตนเองเจอน้องธันวาคือวันพุธที่ 2 พ.ย. 65 ซึ่งน้องธันวาได้ปั่นจักรยานผ่านหน้าบ้าน น้องยังยกมือไหว้ตนเองอยู่เลย ซึ่งที่ผ่านมาตนเองมักจะให้ขนมน้องกินเป็นประจำ ให้เงินบ้าง โดยตนเองยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้อง และตนเองก็เชื่อว่าเด็กอาจจะไม่ได้พลัดตกน้ำในคลองชลประทาน เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีคนจมน้ำในคลองมาแล้ว 1 ศพ เพียงแค่ 2 วัน ศพก็ลอยขึ้นแล้ว ซึ่งเด็กตัวเล็กแค่นี้แปปเดียวก็น่าจะลอยขึ้นมาแล้ว

แต่จากการสอบถามนายดำที่ให้ข้อมูลกับทีมข่าวนั้น ข้อมูลขัดแย้งกับคำบอกเล่าของคนขับแบ็คโฮเป็นอย่างมาก เพราะนายดำยืนยันว่า เห็นแบคโฮกำลังทำงานและมีรถเก๋งสีขาวขับผ่าน ช่วงวันพฤหัสฯ ที่ 3 และวันศุกร์ที่ 4 พ.ย. แต่คนขับแบ็คโฮ บอกว่ามาทำงานแค่เพียงวันเดียวคือวันเสาร์ที่ 5 พ.ย. ซึ่งเป็นวันที่น้องธันวาหาย และคนขับแบ็คโฮยืนยันว่าไม่เห็นรถเก๋งสีขาวขับผ่าน ก่อนที่น้องธันวาจะหายตัวไปด้วย

ล่าสุดเมื่อช่วง 2 ทุ่ม ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ยังคงติดตามพ่อของน้องธันวาในการค้นหาน้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างกำแพงเพชร พร้อมชาวบ้านกว่า 50 คน ได้รวมตัวกันและออกกระจายกันค้นหาน้องธันวาในจุดต้องสงสัยเพิ่มเติม โดยจุดที่พ่อน้องธันวา ชาวบ้าน และทีมข่าวเดินทางไปค้นหาเพิ่มเติม อยู่บริเวณกองซากปูน ใกล้กับจุดที่น้องธันวาจอดรถจักรยาน

ซึ่งมีชาวบ้านไปดูร่างทรงมาให้ข้อมูลว่า ขณะนี้น้องธันวายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ใต้กองหินจำนวนมาก มีหิบทับบริเวณขาของน้องอยู่ ทำให้น้องขยับตัวออกมาไม่ได้ และผีบังตาเอาไว้ทำให้หาไม่เจอ โดยครอบครัวจะเจอน้องได้ก็ต่อเมื่อผีที่บังตาเอาไว้ยอมเปิดทางให้เท่านั้นและจะต้องรอถึงช่วงวันที่ 9 พ.ย. 65

โดยทันทีที่ทราบข่าวชาวบ้านและพ่อของน้องธันวาได้รีบเดินทางไปที่กองปูนต้องสงสัยในพื้นที่ใกล้จุดจอดรถจักรยาน พร้อมกับพยามค้นหาลูก โดยตะโกนส่งเสียงร้องหาน้องธันวาให้กลับมาบ้าน พร้อมทั้งใช้มือค่อย ๆ แกะแท่งปูนที่ทับกันอยู่เพื่อค้นหาลูก หวังว่าลูกอาจจะถูกหินทับอย่างที่ร่างทรงบอก ซึ่งพ่อบอกกับทีมข่าวว่าตนเองจะทำทุกวิถีทางที่จะช่วยได้พบหน้าลูกอีกครั้ง

ทั้งนี้ทีมข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเวลาประมาณ 15.56 น. จะเห็นชัดว่าน้องธันวาขี่รถจักรยานมาจากฝั่งคลองชลประทาน ซึ่งจะเจอกับคนขับรถแบ็คโฮก่อน จากนั้นน้องได้ขี่เอาจักรยานมาจอดหน้าร้านค้า โดยวิธีการจอดจะไม่ตั้งคาตั้งจักรยานจะใช้การวางนอนจอด จากนั้นน้องได้เดินมาหยิบน้ำมะพร้าวขวดในตู้แช่ร้านค้าและเดินไปให้เงินกับแม่ค้าก่อนขี่รถจักรยานออกไป โดยมุ่งหน้ากลับไปทางบ้านของพ่อและป้าของน้องธันวา ดูในกล้องหากสังเกตุดีดีจะเห็นว่าช่วงเวลานั้นน้องธันวาไม่ได้ใส่รองเท้าแตะแล้ว

และภาพกล้องวงจรปิดอีก 1 มุม เป็นร้านอาหารห่างจากบ้านป้าน้องธันวาและบ้านพ่อน้องประมาณ 100 เมตร ซึ่งป้าของน้องธันวา เป็นพนักงานที่ร้านอาหารดังกล่าว จากภาพจะเห็นน้องธันวาได้แวะมานั่งเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ อยู่ภายในร้าน ช่วงเวลาประมาณ 13.23 น. ซึ่งช่วงบ่ายโมงนิด ๆ จะเห็นว่าน้องธันวายังนั่งอยู่ที่ร้านอาหารนี้ไม่ไปไหน และจากข้อมูลทุก ๆ วันหยุดน้องจะมานั่งอยู่ที่ร้านอาหารนี้รอป้าทำงานตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว ก่อนที่ช่วง 3 โมงเศษ น้องธันวาได้ออกจากร้านและขี่จักรยานไปแถวริมคลองชลประทาน และปรากฎภาพน้องช่วงบ่าย 3 โมงกว่าที่ไปซื้อขนมที่ร้านค้า