อู่เฉลยข้อมูลคนไข้หลุดเป็นบิลเงินสด ลูกพลาดหยิบรียูสออก รพ. ทนายฟันผิดทั้งก๊วน (คลิป)

จากกรณี เพจ “หมอแล็บแพนด้า” เผยแพร่รูปภาพโดยมีเอกสารข้อมูลลักษณะคล้ายบัตรคนไข้โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยเป็นกระดาษใบเสร็จที่ทางอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งใน จ.สมุทปราการ 

โดยบริเวณกระดาษด้านหลัง เป็นรายชื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลและมีข้อมูลส่วนบุคคลทั้ง รูปภาพ, ชื่อ, นามสกุล, เบอร์ทโทรศัพท์, อายุ, วันเดือนปีเกิด ครบ และเลขลำดับเข้ารับบริการภายในโรงพยาบาล จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกออนไลน์

วันที่ 3 พ.ย. 65 ทีมข่าวโทรศัพท์พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.สมุทรปราการ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคลของทางโรงพยาบาล ระบุว่าจากเอกสารดังกล่าวที่มีโลกออนไลน์ได้เผยแพร่ออกมานั้นระบุว่า เอกสารชุดนั้นเป็นเอกสารใบนัดของผู้ป่วยหรือลูกค้าของโรงพยาบาลที่มีการเดินทางเข้ามารับบริการที่โรงพยาบาล โดยกระดาษเอกสารดังกล่าวทางด้านผู้ป่วยหรือลูกค้านั้น จะเป็นคนนำเอกสารมายื่นที่จุดรับบริการของโรงพยาบาลและเข้าตามนัดตามลำดับคิวของลูกค้าหรือผู้ป่วย

เมื่อเข้าตามลำดับคิวและพบแพทย์แล้วเสร็จนั้น ก็จะได้รับใบนัดเพิ่มเติมหรือใบนัดใหม่ อีกทั้งใบนัดใบเดิมและบัตรใหม่นั้นก็ตีกลับคืนสู่ลูกค้าเพื่อนำมาพบแพทย์ในครั้งถัดไป ซึ่งเอกสารชุดดังกล่าวนั้นทางโรงพยาบาลจะไม่ได้นำเก็บและไปทำลายเองโดยจะส่งคืนให้กับลูกค้าหรือผู้ป่วย

ส่วนถ้าหากเป็นเอกสารของทางโรงพยาบาลเองนั้น ที่ไม่ได้ส่งมอบคืนให้กับทางลูกค้าหรือผู้ป่วยนั้นทางโรงพยาบาล เช่นเอกสาร วินิจฉัยของแพทย์ เอกสารข้อมูชส่วนบุคคลของผู้ป่วย เข้ารับการรักษา และเอกสารการตรวจต่าง ๆ นั้น ทางโรงพยาบาลจะมีนโยบายในการจัดการขยะจัดการเอกสารของรายชื่อส่วนบุคคล ที่เป็นรายชื่อลูกค้าหรือรายชื่อผู้ป่วยโดยจะมีห้องจัดการทำลายเอกสาร โดยห้องดังกล่าวจะเป็นห้องจัดเก็บเอกสารที่จะต้องจัดทำลายทิ้งทั้งหมด โดยจะมีกระบวนการในการนำเอกสารไปจัดทำลายด้วยเครื่องทำลายเอกสาร

เมื่อทำลายทิ้งแล้วนั้นก็จะมีการตรวจสอบดูเอกสารเพื่อส่งมอบไปยังเทศบาลในพื้นที่ในการจัดการขยะต่อไป โดยก่อนส่งมอบนั้นจะต้องมีการตรวจสอบว่ามีกระดาษหรือเอกสารชุดใดไม่ถูกเครื่องตัดทำลายบ้างก็จะนำเข้ากระบวนการ คัดแยกและนำไปตัดทำลายซ้ำอีกครั้งก่อนจะส่งมอบยังเทศบาลต่อไป

อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลยืนยันว่าทางโรงพยาบาลมีนโยบายป้องกันและคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลของผู้ป่วยและลูกค้าของทางโรงพยาบาลตามกฎหมายพีดีพีเอ PDPA โดยเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยหรือทีมแพทย์เองนั้นก็จะต้องนำส่งสู่ภายในห้องทำลายเอกสารผ่านเครื่องตัดเอกสารทั้งหมดไม่มีทางที่จะมีเอกสารของทางโรงพยาบาลเล็ดลอดออกไปสู่สาธารณะได้

โดยคาดว่า หลังจากนี้ ถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ที่มีข้อมูลผู้ป่วยที่เป็นบัตรนัดของผู้ป่วยเองนำกลับไป แล้วอาจจะไม่ได้ทำลายทิ้ง จนมีข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ หลุดออกมา โดยทางโรงพยาบาลทราบเรื่องกำลังมีการประชุมหารือเพิ่มเติมถึงมาตรการ ในการป้องกันข้อมูลอาจจะเปลี่ยนเป็นรูปแบบการใช้บัตรนัดออนไลน์ หรือวิธีอื่น ๆ ลดการที่ลูกค้านำเอกสารกระดาษบัตรนัดที่มีข้อมูลรายชื่อลูกค้าหรือผู้ป่วย แล้วอาจจะนำกระดาษไปทิ้งหรือขายกระดาษให้กับร้านรับซื้อ เพื่อเป็นการป้องกันความไม่ปลอดภัยให้กับลูกค้าในอนาคต

ทีมข่าวเดินทางไปยังอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งภายในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้พูดคุยกับเฮียกวง (นามสมมติ) เจ้าของอู่ซ่อมรถ ระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มีเอกสารของข้อมูลส่วนบุคคลคนไข้รายหนึ่งในโรงพยาบาล ใน จ.สมุทรปราการ เผยแพร่ออกมา แล้วมีข้อมูลรายการซ่อมรถจากอู่นั้น ยืนยันว่าข้อมูลรายการสรุปราคาให้กับลูกค้ารายดังกล่าวนั้นตนเองเป็นผู้เขียนรายการสรุปทั้งหมดเองเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยลูกค้าได้เข้ามารับบริการซ่อมสีและตัวถังรถที่อู่ของตนเองจริง

โดยรายชื่อของเอกสารผู้ป่วยดังกล่าว ไม่ใช่คนในครอบครัวหรือของญาติตนเอง เป็นเอกสารที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นกระดาษที่นำมาใช้ซ้ำ กระดาษรียูสที่ลูกสาวของตนเองนำเอกสารมาจากโรงพยาบาลและเอามาให้ตนเองใช้ โดยลูกสาวตนเองนั้นเป็นพนักงานอยู่ภายในโรงพยาบาลดังกล่าว

แต่ถ้าหากถามว่านำออกมาได้อย่างไรนั้น ตนเองก็ไม่ทราบทราบเพียงแค่ว่าลูกสาวนำมาให้ตนเองใช้เป็นกระดาษใช้ซ้ำ กระดาษ Reused โดยนำมาทำเป็นสมุดฉีกเพียงเท่านั้น โดยกระดาษดังกล่าวนั้นตนเองก็ไม่ได้ใช้หรือจะนำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยไปเผยแพร่แต่อย่างใด ตนเองใช้เพียงแค่กระดาษหน้าหลังที่เป็นกระดาษเปล่าเขียนสรุปรายการจำนวนค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าก่อนที่ลูกค้าจะชำระเงินและออกจากอู่ไป แล้วทางอู่ก็จะนำกระดาษดังกล่าวไปเผาทิ้ง

ตนเองคิดว่าลูกค้าคนดังกล่าวนั้นจะดูใบเสร็จรายการซ่อม แล้วส่งให้กับภรรยาเพียงอย่างเดียว ไม่คิดว่าจะถ่ายรูปกระดาษดังกล่าวลงสู่โลกออนไลน์จนเป็นกระแสเช่นนี้ อีกทั้งทางด้านเฮียกวงบอกว่า "อ่อ ลูกค้าคนนี้เป็นนักข่าว ก็เป็นนิสัยนักข่าว เลยเป็นเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้"

อีกทั้ง ทีมข่าวพยายามสอบถามอธิบายไปว่า การนำเอกสารของผู้อื่นที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้นั้นอาจจะไม่ถูกต้อง โดยทางด้าน เฮียกวง ได้ตอบเพียงว่า ลูกสาวนำเอกสารกระดาษที่โรงพยาบาลไม่ใช้แล้วนำกลับมาใช้เป็นกระดาษใช้ซ้ำที่อู่ ก็ไม่ได้นำข้อมูลเขาไปใช้ทำอะไรเพียงแค่ ใช้เขียนให้กับลูกค้าให้ดูราคาเท่านั้น

อีกทั้งย้อนถามทีมข่าวว่าทำไมไม่ไปถามโรงพยาบาล ทีมข่าวจึงอธิบายว่า โรงพยาบาลระบุว่า มีการนำเอกสารของผู้ป่วยไปย่อยทำล้ายทิ้งเข้าเครื่องทำลายเอกสารทั้งหมดแล้วไม่มีเล็กลอดออกมา โดยเฮียกวงระบุว่าลูกสาวนำมาแต่วิธีการใดโรงพยาบาลให้มา หรือนำออกมาเองนั้นตนเองไม่รู้ รู้เพียงลูกสาวให้ตนเองใช้

พอเป็นกระแสก็คงไม่ใช้แล้ว เพราะเคยใช้มาช่วงหนึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรจนกระทั่ง ไปเจอลูกค้าคนนี้ที่เป็นนักข่าว แล้วถ่ายจนเกิดประเด็นขึ้นมา หลังจากนี้อาจจะต้องใช้เป็นกระดาษอื่น สมุดฉีกอื่น คงไม่กล้าใช้กระดาษจากโรงพยาบาลแล้ว และตอนที่เห็นลูกสาวเอามาให้ครั้งแรกก็ยังตกใจว่าจะใช้ได้หรือไม่ ส่วนตัวไม่อยากบอกว่าลูกสาวทำงานในส่วนในของโรงพยาบาล เพราะถ้าเสนอข่าวไปนั้นก็มองว่า ดาบสองคม มีผลดีผลเสีย ตนเองก็ไม่ได้ให้เกิดความอยากเสียหายแต่อย่างไร

ทีมข่าววิดีโอคอลไปพูดคุยกับ นายแมน (นามสมมติ) คนที่ได้บิลรียูสจากอู่ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนนำรถยนต์ไปเข้าอู่แห่งหนึ่ง พื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งบิลกระดาษที่ตนได้มานั้นเป็นกระดาษของอู่ที่เขาเขียนด้วยมือมา ว่าข้างในนั้นมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง พอตนนั้นกลับด้านดูเป็นเหมือนใบข้อมูลส่วนบุคคลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากอู่มากนัก

ซึ่งในใบนั้นมีข้อมูลส่วนบุคคลครบทุกอย่าง ตนนั้นมองว่านี้เป็นข้อมูส่วนบุคคลของคนป่วยที่ทางโรงพยาบาลนั้นควรจะรักษาเอาไว้ ไม่ควรจะให้มันหลุดออกไป ในความคิดของตนนั้นมีความรู้สึกกลัวว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตนจะหลุดออกไปได้เช่นกัน เพราะดูในกรณีนี้แล้วมันหลุดออกมาได้ง่ายเกินไป ซึ่งถ้ามีผู้ไม่ประสงค์ดีก็สามารถนำข้อมูลของเราไปทำธุรกรรมได้ ซึ่งตนมองว่ามันค่อนข้างที่จะอันตราย

ส่วนในเอกสารที่ตนได้นั้นเป็นเอกสารของการเข้ารักษา ซึ่งจะมีการเก็บประวัติของผู้เข้ารักษาเอาไว้ ก็จะมีทั้งรูปหน้าและสำเนาหน้าบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมเบอร์โทรศัพท์ ตนนั้นอยากให้ทางโรงพยาบาลเก็บข้อมูลของคนป่วยไว้ให้ดี เพราะถ้าหลุดมาแบบนี้อีกก็จะเสี่ยงในเรื่องของการนำข้อมูลไปทำธุรกรรมทางออนไลน์ได้

สุดท้ายตนอยากฝากถึงหน่วยงานภาครัฐที่มีข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ขอให้เก็บรักษาข้อมูลตรงนี้ไว้ให้ดี และตนนั้นอยากจะฝากถึงอู่หรือที่ต่าง ๆ ที่นำกระดาษรีไซเคิลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลนั้นก็ไม่ควรนำออกมาใช้งาน หรือไม่ก็ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลพวกนั้นก่อน
ซึ่งในความคิดของตนนั้นทางอู่ไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าข้อมูลนี้อยู่ในมือของคนไม่ดีนั้น ข้อมูลตรงนี้จะถือว่าอันตรายมาก

ด้าน ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ บริษัททนายคู่ใจ ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ระบุว่า เกี่ยวข้องกับกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA ถ้าหากพูดให้เข้าใจง่ายง่ายข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง ระบุว่า คุณเป็นใคร หมายความว่า ชื่อ-นามสกุล แบบนั้นถือว่า คือข้อมูลส่วนบุคคล

ตามเอกสารที่หลุดออกไปนั้นมีทั้ง ชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ และเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลนั้นก็จะต้องมาย้อนดูว่าใครหรือหน่วยงานส่วนใดทั้งโรงพยาบาลหรือหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน เป็นผู้นำข้อมูลดังกล่าวรั่วไหลหลุดออกมา

เมื่อเป็นเวชระเบียนประวัติการรักษาของทางโรงพยาบาล และโรงพยาบาลเป็นผู้จัดเก็บข้อมูลตามกฏหมายแล้วทางโรงพยาบาลนั้นจะต้องจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยโดยห้ามเผยแพร่และนำออกมาสู่สาธารณะกับบุคคลภายนอก ยกเว้นทางโรงพยาบาลได้รับความอนุญาตจากเจ้าของข้อมูลก่อน หากถ้าทางโรงพยาบาลนำเอกสารที่ไม่ใช้แล้วหรือขยะที่เป็นข้อมูลเวชระเบียนนั้นไปให้ผู้อื่นใช้ หรือนำไปชั่งกิโลขาย ถือว่าทางเวชระเบียนหรือโรงพยาบาลมีเจตนาในการนำข้อมูลส่วนบุคคล เผยแพร่ต่อบุคคลภายนอกโดยทันที

ตามกฏหมาย พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA ) มาตรา 27 ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้ รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้น หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน หกเดือนปรับไม่เกิน 500,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อเจ้าหน้าที่ท่านไหนที่มีหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และเป็นผู้นำออกมาเผยแพร่ข้อมูลก็ผิดด้วย และโรงพยาบาลนั้นก็จะต้องถูกดำเนินคดี

อีกทั้ง มีความผิดในข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่พนักงาน ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากไม่มีสิทธิในการเปิดเผยข้อมูลบุคคลของผู้อื่น แต่หากเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน กระทรวง หรือ ทั้งเอกชน และรัฐ มีความผิด 2 เด้ง 1.เผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลสู่บุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อีกทั้งผู้ที่มีสิทธิ์แจ้งความดำเนินคดีได้นั้นก็คือผู้ที่มีรายชื่อเอกสารที่ทางหน่วยงานดังกล่าวทำรั่วไหลออกไปที่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ เจอเอกสารที่เป็นเอกสารบุคคลอื่นหลุดมา เจ้าของชื่อดังกล่าวนั้นสามารถเดินทางไปแจ้งความเอาผิดดำเนินคดีได้