เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 25 ต.ค. 65 ผู้เสียหายจำนวนกว่า 10 คน พร้อมด้วยตัวแทนพรรคก้าวไกลชลบุรี รถยนต์ของกลางกว่า 10 คัน มาจอดอยู่หน้าศาลากลางเมืองชลบุรีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูความเสียหาย
ส่วนใหญ่จะเป็นรถกระบะ หลังนำรถเข้าไปซ่อม ทำสี โมตกแต่ง ที่อู่ชื่อดังชลบุรี ปรากฏว่ารถยนต์บางคันถูกถอดอะไหล่ไปจนเหมือนหมด โดยฝากระโปรง ไฟด้าน ไฟท้าย ไม่เหลือสภาพความเป็นรถยนต์ เพื่อแจ้งความเอาผิดกับเจ้าของอู่ หลังไม่สามารถตกลงไกล่เกลี่ยได้
ทั้งนี้ รถยนต์บางคันมีการนำไปใช้ระหว่างนำไปซ่อม เพราะใบสั่งความเร็วส่งไปยังเจ้าของรถ ถึงได้รู้ว่ามีการนำของลูกค้าไปใช้ส่วนตัว ผู้เสียหายทั้งหมดบอกว่าถ้าวันนี้ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจะปักหลักอยู่บริเวณหน้าโรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี จึงให้ผู้เสียหายทั้งหมดรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อให้แจ้งความเอาผิดกับเจ้าของอู่ต่อไป
จากนั้นผู้เสียหายเพิ่มขึ้น มีผู้เสียหายจำนวนมากเกือบ 100 ราย หลงเป็นเหยื่อ นำรถเอาไปซ่อมดัดแปลง แต่พอถึงเวลาเบี้ยวนัดทุกราย จาก 3 วันเป็น 5-8 เดือน ส่วนใหญ่ก็ถูกถอดอุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวกับการส่งซ่อม มีการนัดเจรจากันแล้วหลายครั้ง
ผู้เสียหาย คือนายสุรพล พาไปดูที่รถยนต์กระบะ อีซูซุ ที่นำเข้าไปซ่อมเล็กน้อย ก็ถอดไฟหน้ากระจังหน้า บอกว่าสุดทนจึงจะมาแจ้งความ เพราะไม่ได้รับการเหลียวแลเอาคืนให้
น.ส.น้ำฝน ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ตนเอารถซ่อม สุดท้ายรถถูกแอบใช้ ไปถูกจับโดยใบสั่งลอย ที่บริเวณเขตบางนา กทม. 3 ใบ ในเดือนเดียว พ.ค. ที่ผ่านมา แต่คนละวัน แถมไม่ยอมเอารถคืนให้ อ้างว่ารถยังซ่อมไม่เสร็จอีก
พ.ต.อ.นิทัศน์ แหวนประดับ ผู้กำกับการ สภ.เมืองชลบุรี เปิดเผยว่าได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด และยังไปดูที่เกิดเหตุซึ่งในตอนนั้นเป็นคดีแพ่งให้มีการตกลงกัน แต่ก็ไม่สามารถที่จะตกลงกันได้ ส่วนที่ทางเจ้าของอู่นั้นพูดเหมือนไม่เกรงกลัวกฎหมายนั้น ขอยืนยันว่าทางเจ้าของอู่ไม่ได้มีอิทธิพลใด ๆ เป็นบุคคลธรรมดา
ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงเวลานี้เจ้าของอู่ไม่เคยติดต่อมา ซึ่งตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายจับในข้อหาลักทรัพย์ และรับของโจรแล้ว เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุด ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังอู่ดังกล่าว เบื้องต้นทราบว่าทางจะต้องยุติการประกอบกิจการภายในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ต่อใบอนุญาตประกอบกิจการ จึงจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายรถของลูกค้าที่มีอยู่ประมาณ 30 คันออกไปที่อู่จุดอื่น ซึ่งทางร้านได้ประสานไว้แล้ว เพื่อดำเนินการซ่อมต่อ
นายทัวร์ (นามสมมติ) หนึ่งในเจ้าของอู่ บอกว่า ตอนนี้ภายในอู่ยังมีรถของลูกค้าที่เลือกให้ทางอู่ซ่อมต่ออีกประมาณ 30 คัน รวมเป็นมูลค่าประมาณ 4-5 แสนบาท ส่วนใหญ่จะเป็นรถที่นำมาพ่นสี ตกแต่งอะไหล่และซ่อม ที่ผ่านมาตนรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่าง แต่เลือกที่จะไม่ตอบโต้เพราะมองว่าต่อให้ตอบโต้ไป กระแสโซเชียลก็โจมตีมาฝั่งตนอยู่ดี ซึ่งในเรื่องของความผิดพลาดก่อนหน้านี้ ที่เกิดความล่าช้านั้นตนเองก็ยอมรับมาโดยตลอดว่ามันเกิดจากปัญหาของอู่ เนื่องจากคนงานไม่พอ มีการออกระหว่างทาง จนกลายเป็นเรื่องราวขึ้น แล้วพอเป็นเรื่องราวเป็นคดี ตนก็ต้องเอาเวลาไปเคลียร์คดีกับลูกค้าที่มีการร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม บวกกับคนงานจากเดิมมีอยู่ 12 คน ตอนนี้เหลือ 3 คน ก็เลยทำให้การทำงานล่าช้าเข้าไปอีก
อยากจะชี้แจงกรณีที่ลูกค้าบางคนบอกว่าทางอู่เอาอะไหล่ไปขาย จริงแล้วอยากให้ย้อนกลับไปในตอนแรกที่เอารถมายังอู่ เพราะลูกค้าบางคนต้องการอัปเกรดรถจากตัวรองเป็นตัวท็อป ซึ่งลูกค้าต้องจ่ายเพิ่มในค่าส่วนต่างนอกเหนือจากที่ประกันจ่ายให้ ตนจึงจำเป็นต้องต้องเอาอะไหล่บางส่วนไปโพสต์ขาย เพื่อเอาเงินมาซื้ออะไหล่ใหม่มาให้ลูกค้า เป็นเรื่องปกติของการอัปเกรดรดอยู่แล้ว
สิ่งเดียวที่ตนอยากจะบอกกับลูกค้า 30 คนที่ยังคงไว้ใจให้ตนซ่อมรถต่อ คืออยากขอโอกาส เพราะขั้นต่ำรถ 1 คันใช้เวลาประมาณ 7 วันสำหรับการทำสี แต่หากแต่งเพิ่มด้วยก็ประมาณ 15-20 วัน รถแต่ละคนก็ต้องทำตามคิวที่วางไว้ ตนยืนยันว่าไม่หนีไปไหนแน่นอน กินหลับนอนใช้ชีวิตที่นี่ตลอด ลูกค้าสามารถเข้ามาดูตรวจสอบรถได้ตลอด
ขออย่างเดียวคืออย่าเพิ่งคล้อยตามกระแสโซเชียลมากเกินไป เพราะหากลูกค้าเข้ามาเอารถกลับไปทั้งที่รถยังซ่อมไม่เสร็จ แน่นอนว่ามันก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่หายไป ลูกค้าบางคนก็ไม่รับฟังคำชี้แจงจากตน อยากจะเอาออกอย่างเดียว ตนก็ไม่ได่ว่าอะไร แต่ที่เสียใจคือเขากลับเอาไปพูดต่อกับคนอื่น ๆ ว่าร้านไม่บริสุทธิ์ เพราะสภาพรถมันไม่เสร็จ ดังนั้นกับลูกค้าบางกลุ่มซึ่งเข้าไปร้องเรียนอีกครั้งวันนี้ ตนก็อยากให้รอดูผลงานของตนก่อน ก่อนที่จะโจมตีกัน รับรองว่างานคุณภาพแน่นอน
นายทัวร์ ยอมรับด้วยเสียงสะอื้นและน้ำตาคลอเบ้า บอกว่าตอนนี้เครียดมาก เพราะอู่โดนโจมตีผ่านโซเชียลทุกวัน จนสภาพจิตใจมันสุดจะอธิบายได้ แต่ก็อยากขอบคุณลูกค้าที่ยังคงไว้ใจให้อู่ตนซ่อมต่อ พร้อมกับยืนยันว่าตนซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าของอู่ก็อยู่ภายใต้กฎหมาย เกรงกลัวกฎหมายตลอด รู้ดีว่าทำผิดก็ต้องรับโทษ
Advertisement