มีแนวโน้มสู้ตาย! จ่าคลั่งยิงนักเที่ยวบุกฉกปืนหน่วยสวาทและเกราะ สุดงงตร.ชิงถอดกล้องเกลี้ยง (คลิป)

จากกรณีเมื่อเวลา 01.13 น. วันที่ 25 ต.ค. 65 ร.ต.อ.เอกลักษณ์ ศักดิ์ชัยนันท์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 2 ราย ภายในสถานบันเทิง ‘คันทรี่โฮม’ หมู่ 4 ถนนพัทลุง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง บริเวณถนนทางเข้า บขส.ตรัง ผู้ก่อเหตุคือ จ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้ว หรือ จ่าเบิร์ด ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.บ้านหนองเอื้อง จ.ตรัง ปฎิบัติหน้าที่ช่วยราชการชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) ภ.จว.ตรัง 

โดยมีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายจิตกร คงจันทร์ หรือ นายขาว อายุ 32 ปี พบบาดแผลถูกยิงด้วยลูกกระสุนปืนขนาดประมาณ 1 ซม. ที่ แผ่นหลังใกล้ไหล่ซ้าย 3 รอย, ชายโครงขวา 1 รอย, สะโพกขวา 1 รอย, หางคิ้วขวา 1 รอย, อกซ้าย 1 รอย, ใต้รักแร้ 1 รอย, ใต้สะดือ 2 รอย

เหตุการณ์ดังกล่าว มีคลิปที่นักท่องเที่ยวได้บันทึกภาพเอาไว้ขณะหลังเกิดเหตุ ปรากฏภาพนักท่องเที่ยวแตกตื่น ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุทางผับยังไม่ได้มีการเปิดไฟหรือเคลียร์พื้นที่ทันที

ทั้งนี้จากเหตุการดังกล่าวมี ผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ 1.นายเอกพจน์ เพ็ชรัตน์ อายุ 34 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต 2.นายพิสิฐษ์ อภิวันท์ภักดี อายุ 48 ปี ลูกค้าโดนลูกหลง

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่กำลังชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) ภ.จว.ตรัง กำลังชุดสืบสวน ทั้งในและนอกเครื่องแบบ นับ 50 นาย นำโดย พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.กก.สส.ภ.จว.ตรัง ได้ทำการปิดล้อมห้องทำงานของหน่วยสวาทฯ ซึ่งอยู่ภายในรั้วด้านหลัง กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ตรัง หลังจากสืบทราบและมีเบาะแสว่า จ.ส.ต.ชุติพนธ์ หรือจ่าเบิร์ด หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีเข้ามาเอาอาวุธปืนยาว และเสื้อเกาะของทางราชการ

ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อมห้องทำงานของหน่วยสวาทฯ พร้อมทั้งเดินเท้าลาดตระเวนรอบ ๆ บริเวณ ขณะเดียวกันได้มีการจัดแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ลงพื้นที่ไปยังบ้านของคนสนิทอีกด้วย 

พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาดำ ผกก.สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ล่าสุดผู้ต้องหายังหลบหนี ซึ่งได้ติดต่อทางแม่และภรรยาของผู้ก่อเหตุมาเพื่อเจรจา แต่ผู้ต้องหายังไม่ประสานขอมอบตัว ต้องขออำนาจศาลออกหมายจับ เบื้องต้นตั้ง 3 ข้อหา ฆ่าผู้อื่น, พยายามฆ่าและมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนเพื่อพกพา

ส่วนเรื่องของการพกพาอาวุธปืนในสถานบันเทิง ก็มีการกำชับกันอยู่แล้ว ในที่เกิดเหตุเป็นอาวุธปืนที่ผู้ก่อเหตุซื้อจากสวัสดิการด้วยเงินส่วนตัว สามารถยึดอาวุธปืนประจำตัวของผู้ต้องหาเอาไว้ได้ ส่วนนิสัยของผู้ต้องหาเบื้องต้นทราบว่ามีความประพฤติดี เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ อยู่ สภ.บ้านหนองเอื้อง อ.ปะเหลียน ไม่ได้อยู่ สภ.เมืองตรัง เท่าที่ทราบผู้ต้องหาเคยเป็นการ์ดอยู่ในสถานบันเทิงดังกล่าวด้วย ซึ่งข้อเท็จจริงชัดเจนคดีนี้ไม่มีความซับซ้อนอะไร มีพยานบุคคล มีอาวุธปืนเป็นวัตถุพยาน ก็จะรวบรวมพยานหลักฐานและให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

ขณะเดียวกันทางด้าน พันตำรวจเอกอาคม บัวทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง เดินทางมาตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) โดยภายในร้านเป็นสถานบันเทิง ที่มีโต๊ะเก้าอี้ กว่า 100 โต๊ะ แบ่งเป็น 2 โซน ที่นั่งพื้นที่ต่างระดับยกสูง มีบันไดเพียง 3 ขั้น และมีกองเลือกขนาดใหญ่ อยู่ใกล้โต๊ะหมายเลข 31 เป็นจุดที่ ผู้เสียชีวิต นอนล้มเสียชีวิตอยู่ในจุดดังกล่าว

และอีกโซนนึงเป็นจุดที่อยู่บริเวณใกล้เวที จะอยู่ชั้นล่างของพื้นที่ต่างระดับ เป็นโต๊ะ ของผู้ก่อเหตุเลขโต๊ะ 23 อยู่ติดกันกับโต๊ะของกลุ่มผู้เสียชีวิต เลขโต๊ะ 20 ซึ่งเป็นโต๊ะที่นั่งติดกัน

โดยพฤติการณ์กลุ่มผู้เสียชีวิตเดินทางมาเที่ยวที่สถานบันเทิง 3 คน โดยมี นายจิตกร คงจันทร์ หรือ นายขาว อายุ 32 ปี ผู้เสียชีวิต นายวุฒิชัย คงแป้น หรือ เด่น อายุ 42 ปี เดินออกไปเต้น และ นายเอกพจน์ เพ็ชรรัตน์ หรือต้อม อายุ 34 ปี คนเจ็บ

และอีกกลุ่มผู้ก่อเหตุเที่ยวสถานบันเทิง 2 คน มี จ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้ว หรือ จ่าเบิร์ด ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.บ้านหนองเอื้อง จ.ตรัง ปฎิบัติหน้าที่ช่วยราชการชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) ภ.จว.ตรัง และเพื่อนอีก 1 คน

ก่อนจ่าเบิร์ด คนก่อเหตุ เดินเตะเก้าอี้โดนตัวนายจิตกร ผู้เสียชีวิต จึงผลักอกกันและแยกย้าย และถูกผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนไล่ยิงบริเวณหลัง ขณะที่นายจิตกรกำลังเดินกลับโต๊ะก่อนผู้ก่อเหตุและเพื่อนจะหนีออกจากร้านหลังก่อเหตุ

ทีมข่าวได้ขอให้ทางด้านเจ้าหน้าที่กองปราบปรามการค้ามนุษย์ ประสานติดต่อได้โทรศัพท์หา นายกิจ (นามสมมุติ) ผู้ดูแลผับ ระบุว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็เหมือนในข่าวที่ออกไป โดย จ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้ว หรือ จ่าเบิร์ด ผู้ก่อเหตุ ที่เป็นอดีตพนักงานการ์ดของร้านนั้นยืนยันว่า เป็นจริง ๆ เนื่องจากเขาเป็นตำรวจและทางร้านดึงตัวขอให้มาช่วยทำงาน ดูแลความเรียบร้อยของร้านให้ทำประมาณ 1 เดือน แต่ได้หยุดทำงานไปได้สัก 2 เดือนแล้ว

ส่วนสาเหตุที่มีอาวุธปืนเข้าไปในร้านนั้น ยอมรับว่าตนเองคุยกับการ์ดพนักงานร้านแล้ว และจ่าเบิร์ดนั้นเคยเป็นพนักงานที่ร้านด้วยสนิทสนมกับการ์ด ก็มีการตรวจอาวุธและการ์ดถามว่า พกอาวุธหรือไม่ และ จ่าเบิร์ด ระบุว่า “ไม่ได้พกพาอาวุธปืนมา” ซึ่งคนรู้จักกันก็จะให้เกียรติกัน ก็ปล่อยผ่านเข้าไปไม่ค้นตัวละเอียด

ขณะนี้ตนเองรอคำสั่งของทางผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ชี้แจ้งเรื่องเปิดปิดสถานบันเทิงอีกทีนึง เนื่องจากว่าเหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเองเป็นผู้พกพาอาวุธเข้ามาในพื้นที่สถานบันเทิงได้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นผู้ถือกฏหมายเองและมาก่อเหตุเอง เรื่องนี้ต้องรอคำตอบจากทางผู้ใหญ่ ยืนยันทางร้านไม่ปล่อยปละละเลย ได้มีการตรวจ แต่ก็เนื่องด้วยเคยเป็นพนักงานของทางร้าน และการ์ดเองก็รู้จักจึงไว้เนื้อเชื่อใจกันจึงให้ผ่านกันไปได้

ตอนนี้ตนเองยังไม่ได้พักผ่อนตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงเช้าวันนี้ เดี๋ยวจะเข้าไปพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ยืนยันว่า ตนเองพร้อมช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่ แต่ผู้ที่รับผิดชอบคนแรกต้องเป็นผู้ก่อเหตุ แต่อย่างไรก็ตามตนเองต้องเข้าไปคุยกับครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสอบถามถึงเรื่องการเยียวยาการตกลงความต้องการ ใด ๆ ก่อน

ทีมข่าวได้พูดคุย นางวรรณา อินฤทธิ์ อายุ 57 ปี หุ้นส่วนร้าน และ นายสมจิตร คงปรือ อายุ 58 ปีหุ้นส่วนร้าน ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทางร้านมีการตรวจอาวุธก่อนเข้าร้านเสมอทุกครั้งอย่างละเอียด ซึ่งสาเหตุที่หลุดลอดไปนั้นเพราะผู้ก่อเหตุ เป็นอดีตพนักงาน เป็นการ์ดเก่าของทางร้าน ทำงานให้ที่ร้านมา 2-3 เดือน เป็นคนนิสัยดีมาก ตรวจค้นหาอาวุธปืน ลูกค้าทุกคนอย่างละเอียด ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร ระงับเหตุให้ทุกครั้ง ยิ้มแย้มนิสัยดี

แต่เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมานี้ผู้ก่อเหตุ นั้นได้มาบอกกับตนเองขอออกจากการทำงานเป็นการ์ดที่ร้าน เนื่องจากเหนื่อยจากการทำงานหน้าที่ตำรวจและมาทำงานเสริม จึงเกิดความเหนื่อยล้าสะสม จึงขอพักงานการ์ดที่ร้านตนเองไป ตนเองยังพูดอีกว่า “น้องทำงานดีมาก เก่งมา ตนเองเสียดายมาก” ซึ่งผู้ก่อเหตุ ก็ขอพักงานไปก่อน ไม่ได้พักงานเรื่องไม่ดีเลย

จากที่เขาเป็นตำรวจ และเป็นการ์ดเก่าของทางร้าน และตำรวจส่วนใหญ่ทุกคนที่ร้าน มีจรรยาบรรณ เมื่อมาถึงก็ไม่พกอาวุธปืนเข้ามาที่ร้าน และได้พูดคุยถามแล้วเมื่อผู้ก่อเหตุ มาถึงจะเข้าร้าน ก็จะให้เกียรติกัน ไม่ละลาบละล้วง ในการบุกบุ่มบ่ามตรวจค้นตัว เพียงแค่ พูดคุยถามกัน ตามปกติ ก็ให้เข้าไปในร้าน จนกระทั่งเกิดเหตุ

ตนเองไม่ได้เดินทางมาที่ร้านเมื่อวาน ทราบเรื่องยอมรับว่าตกใจ และเสียใจมาก เหตุการณ์เกิดขึ้นไปแล้ว ตนเองมองว่าการกระทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมเพราะร้านไว้ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ผู้ที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธ ตรวจลูกค้าทุกคนก็รู้กฏเรื่องห้ามนำอาวุธเข้าร้านแต่กลับมาทำเสียเอง

ตนเองต้องขอความเห็นใจจากรัฐบาล กระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุสุดวิสัย จริง ๆ ถ้าเหตุการณ์เป็นพนักงานของร้านเป็นผู้พกพาอาวุธเอง แล้วก่อเหตุ ตนเองยอมให้สั่งปิดร้านได้เลย แต่นี้คือ อดีตพนักงาน ออกจากงานไปเป็นเดือนแล้ว แล้วยังเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ที่ก่อเหตุ อยากขอความเห็นใจให้ทาง ร้านบ้างมีพนักงานกว่า 60 ชีวิต ที่จะต้องลำบาก

ส่วนเรื่องเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต และครอบครัวผู้บาดเจ็บ ยืนยันจะเยียวยาแน่นอน เพราะเขาเองก็เป็นลูกค้าของทางร้าน แล้วมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้

โดยสถานบันเทิง คันทรี่โฮม ถนนพัทลุง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง เป็นสถานบันเทิงขนาดใหญ่ จากการตรวจสอบทราบข้อมูลจากทางร้าน ระบุว่าตัวกล้องวงจรปิดนั้นมีถึง 16 ตัว ภายในร้าน 10 ตัว จับทุกมุม หน้าเวที  มุม รอบ4 มุมเสา ของทางร้าน  มุมส่องมายังบริเวณกลางร้าน รวมทั้งหมด 10 ตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจยกเซิฟเวอร์ไปตรวจสอบแล้ว

ทีมข่าวเดินทางมายัง วัดนางหลาด ต.โคกสะบ้า อ.นาโยง จ.ตรัง โดยเป็นวัดที่จัดพิธีทางศาสนาของ นายจิตรกร คงจันทร์ หรือ นายขาว อายุ 32 ปี ผู้เสียชีวิต โดยจะเห็นได้ว่า ทางด้านญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิต เดินทางมาร่วมงาน ท่ามกลางความโศรกเศร้า ซึ่ง นางสงวน คงจันทร์ อายุ 69 ปี แม่ผู้เสียชีวิต อยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ อีกทั้งมีปัญหาทางด้านสุขภาพข่วงหัวเข้า ขา ไม่ค่อยแข็งแรง

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสงวน แม่ผู้เสียชีวิต ระบุว่า ตนเองมีลูกทั้งหมด 3 คน มีลูกสาว 2 คน และ นายจิตรกร เป็นลูกชายคนสุดท้อง และเป็นเสาหลักของครอบครัว ลูกชายไม่เคยให้ร้ายใคร ไม่เคยมีเรื่องหรือก่อปัญหาให้ใครเลย

ซึ่งตนเองมีปัญหาสุขภาพ เตรียมจะไปผ่าหัวเข่า ซึ่งลูกชายก็บอกให้ตนเองไปหาหมอและจะออกค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาผ่าหัวเข่าให้ ตอนนี้ก็แค่ทานยาตามอาการไปลูกก็เป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

ส่วนต้นสังกัดของ จ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้ว หรือ จ่าเบิร์ด ยังไม่มีใครติดต่อเข้ามาหา หรือเข้ามาพูดคุยกับครอบครัวเลย อีกทั้งทางด้าน เจ้าของสถานบันเทิงเองหรือผู้เกี่ยวข้อง ก็ยังไม่เดินทางมา ตั้งแต่เช้าจนรดน้ำศพเสร็จและสวดเสร็จแล้ว เกือบ 16.00 น. ก็ยังไม่มีใครเข้ามา

ยอมรับว่ายังคงเสียใจและติดใจที่ทำไม บุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงมีอาวุธปืนและพกพาเข้าไปยังสถานบันเทิงได้ ตอนนี้ครอบครัวยังไม่มั่นใจว่าจะจัดงานถึงเมื่อไหร่ อยากให้จับตัวคนร้ายให้ได้ก่อน ถึงจะค่อยคิดวันสิ้นสุดการจัดงานศพลูกชายว่าจะฌาปนกิจเผาเมื่อใด

ทีมข่าวเดินทางมายัง กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง จ.ตรัง โดยหน่วยปฎิบัติหน้าที่ช่วยราชการชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) ภ.จว.ตรัง นั้นตั้งอยู่ภายใน โดยอยู่ใกล้เคียง พื้นที่เดินทางไปยังสนามบินจังหวัดตรัง และรอบข้างนั้นจะเป็นพื้นที่ ห่างไกลบ้านเรือนประชาชน เป็นพื้นที่ของสำนักงานราชการ และพื้นที่ป่าหญ้าโล่ง เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุ มีความประพฤติดี เป็นหัวหน้าชุดปฎิบัติการ อยู่ สภ.บ้านหนองเอื้อง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ไม่ได้อยู่ สภ.เมืองตรัง จ.ตรัง

ขณะที่ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี หลังก่อเหตุยิงคู่กรณีเสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บ ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.ตรัง

ส่วนสาเหตุเบื้องต้นพบว่า มาจากเรื่องส่วนตัว ประกอบกับความมึนเมาที่ผู้ก่อเหตุได้เข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิง และมีเรื่องกระทบกระทั่งกับกลุ่มนักท่องเที่ยวจนก่อเหตุขึ้น พร้อมสั่งการให้ตรวจสอบว่าเหตุใดตำรวจคนดังกล่าวจึงนำปืนของราชการไปใช้ในการก่อเหตุ เนื่องจาก ส่วนงานของผู้ก่อเหตุไม่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธปืน รวมถึงในช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงเวลานอกราชการ หากพบว่า มีความบกพร่องของผู้บังคับบัญชาร่วมด้วย ก็จะต้องลงโทษทางวินัยตามสายบังคับบัญชา