บาส มีดคู่ เกาะกรงร่ำไห้ ติกคุก 13 ปี บอกแม่อย่าทิ้งหนู ปลาเข็ดตัดขาดไม่ช่วยอีก (คลิป)
วันที่ 19 ต.ค. 65 ที่ศาลอาญาธนบุรี ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดี อ.4/2565 ที่พนักงานอัยการคดีอาญาธนบุรียื่นฟ้อง นายณัฐวุฒิ หรือ บาส พึ่งฤกษ์ดี อายุ 22 ปี ในความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อร่างกายและคดีลหุโทษ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนายณัฐวุฒิ 13 ปี 6 เดือน ปรับ 500 บาท ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องที่ 1 เป็นเงินจำนวน 27,666.66 บาท และจำนวน 166,666.66 บาท
จำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์เป็นเงิน 750,000 บาท
สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 64 ต้นเหตุมาจากการที่ นายณัฐวุฒิ ขี่รถจักรยานยนต์ จาก จ.นครปฐม มาหาแฟนสาวที่บ้านซอย 39 ถ.กาญจนาภิเษก แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. แล้วเกิดมีการขับปาดแซงกันบนถนนกับกลุ่มคู่อริที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น
ทำให้กลุ่มคู่อริไม่พอใจ ยกพวกไปหาเรื่องถึงหน้าบ้านประมาณ 6 คน นายณัฐวุฒิจึงใช้มีดสปาร์ตายาว 18 นิ้ว และมีดปลายแหลมยาว 15 นิ้ว ออกมาต่อสู้ โดยแทงและฟันกลุ่มคู่อริจนทำให้ นายสมเดช อายุ 25 ปี และนายธิติวุฒิอายุ 19 ปี เสียชีวิต ส่วนนายพันกร อายุ 20 ปี อาการสาหัส หลังเกิดเหตุตำรวจจับกุมตัว นายณัฐวุฒิ ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นและทำร้ายร่างกายฯ ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว
โดย นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา พร้อม นายสาริต แสงจันทร์ หรือ เสี่ยเปีย ที่เคยดูแลบาส เผยว่า เราเคารพการตัดสินของศาลฯ หลายคนมองว่าเราไม่เข้าไปช่วย อยากจะชี้แจ้งว่าเราเคยช่วยมาแล้ว ทำไมพวกเราถึงต้องหยุดช่วยเพราะตัวเขาเองเป็นคนที่ขาดการติดต่อกับเราเอง ยืนยันว่าที่ผ่านมาเราช่วยสุดความสามารถ
ด้าน นางศิริวัศยา อ่วมประเสริฐ อายุ 45 ปี เเม่ของ นายณัฐวุติ พึ่งฤกษ์ดี หรือ บาส มีดคู่ อายุ 22 ปี เปิดเผยด้วยน้ำตาว่า วันนี้ศาลนัดมาฟังคำตัดสิน หลังจากตนได้ยินว่าลูกต้องติดคุก 13 ปี 6 เดือน ตนน้ำตาไหลออกมาเลยเพราะเวลาเยอะเกินไป ตนไม่คิดเลยว่าจะเกิน 10 ปี เห็นอีกทีเจ้าหน้าที่ก็ใส่กุญเเจมือลูกเเล้ว หลังจากนั้นตนเองก็ยื่นประกันตัวไปเเต่ต้องใช้วงเงิน 250,000 บาท ซึ่งตนไม่มีเงินมากขนาดนั้น เเต่ก็คงต้องไปกู้หนี้ยืมสินเอาตนเครียดมาก
หลังฟังคำตัดสินลูกชายก็ได้บอกกับตนว่า “เเม่หาเงินมาช่วยประกันหนูหน่อยนะ เดี๋ยวหนูออกมา เดี๋ยวหนูช่วยเเม่ใช้หนี้ หนูไม่มีใครเเล้ว เเม่ต้องช่วยหนูนะ” ตนก็สัญญากับลูกไว้ “เดี๋ยวเเม่จะไปหากู้ยืมเงินเขามาช่วยหนูนะ รอหน่อย 1-2 วัน เเต่ยังไงก็ตามเเม่จะหาเงินมาช่วย” ส่วนเรื่องเงินสินไหมที่จะต้องให้กับทางครอบครัวผู้เสียหายนั้น ตนคิดไว้ว่าหลังจากนี้หากมีอะไรก็จะเอาไปขาย ไม่พอก็จะกู้เงินเอา
ซึ่งตอนลูกชายขึ้นรถไปแล้ว ก็ตะโกนบอกตนว่า “เเม่ช่วยหนูด้วยนะ หนูอยากออกข้างนอก” ตนยืนส่งลูกทั้งน้ำตาเพราะสงสารลูกมาก ตอนนี้ตนพูดไม่ออกมันจุกไปหมด วันนี้ไม่มีใครมาช่วยเหลือเลย ตนขอกลับไปหาเงินช่วยลูกเองก็ได้ เเต่อย่างไรก็ตามตนก็อยากจะให้มีคนมาช่วยเหลือ เพราะไม่อยากให้ลูกต้องติดคุก
นางศิริวัศยา เปิดเผยว่า ช่วงก่อนหน้านี้ตนเองเเละลูกชายอยู่ด้วยกัน เเต่ลูกชายจะไป ๆ มา ๆ เเละก็ช่วยกันทำมาหากิน โดยตนก็ขายเสื้อผ้าเเต่ก็ต้องยอมรับว่าขายไม่ดีเลย ส่วนเรื่องที่เสี่ยเปียกับหมอปลาลงทุนให้ตนเเละลูกชายขายหมูปิ้งนั้น ต้องยอมรับว่าด้วยทำเลเเละเศรษฐกิจแบบนี้ทำให้ตนขายไม่ดี จึงต้องเลิกทำไปตนจึงได้คืนอุปกรณ์ทุกอย่างไป เเละกลับมาขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด ทั้งนี้ตนเองไม่มีอะไรจะพูดถึงหมอปลาหรือเสี่ยเปียเเล้ว
ส่วนเรื่องที่มีคลิปลูกชายทำร้ายคนในบ้านหมอปลาหลุดออกมานั้น ตนเองยืนยันว่าได้มีการพูดคุยกับลูกชายแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีอะไรที่นอกเหนือจากเหตุการณ์ในคลิปอีก โดยลูกชายของตนถูกทำร้ายร่างกายก่อนไม่ใช่บาสทำร้ายเขาฝ่ายเดียว ตนไม่ได้บอกว่าลูกชายของตนเป็นคนดี ยอมรับว่าลูกชายเป็นคนใจร้อน แต่หากไม่มีใครทำเขาก่อนเขาก็ไม่โต้ตอบกลับ ตนเองค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมถึงมีคลิปแบบนี้หลุดออกมาช่วงที่บาสกำลังจะถูกศาลตัดสิน ไม่รู้จุดประสงค์ของคนปล่อยคลิปดังกล่าว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลิปนั้น เป็นเหตุการณ์ช่วงเดือน เม.ย. 65 ที่ผ่านมา และหลังจากเกิดเหตุทั้งลูกชายของตนและคนในคลิปก็เคลียร์ใจเเละกลับมาดีกันเเล้ว
หลังคลิปหลุดออกทำให้ลูกชายเครียดมากจนอยากฆ่าตัวตาย เพราะถูกโซเชียลฯ โจมตี ตนจึงอยากฝากถึงโซเชียลฯ ว่าหากเห็นอะไรเเล้วก็อย่าเพิ่งตัดสินเเค่ด้านเดียว
Advertisement
