เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 65 เวลา 18.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 จ.อุดรธานี โดยมี พล.ต.ยุวัต ขันธปรีชา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 นายทหารราชองครักษ์ กราบบังคมทูลถวายรายงาน, นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี, นาวาอากาศเอกวิศรุต จันทประดิษฐ์ ผู้บังคับการกองบิน 23 เฝ้าฯ รับเสด็จ
จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ออกจากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 ไปยังโรงพยาบาลหนองบัวลำภู เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู โดยมี นายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จขึ้นห้องบรรยายสรุป เมื่อนายสุวิทย์ จันทร์หวร กราบบังคมทูลสรุปเหตุการณ์จบแล้ว ได้พระราชทานกระเช้าแก่นายสุวิทย์ จันทร์หวร เป็นส่วนรวม เพื่อเชิญไปมอบแก่ผู้บาดเจ็บ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิต ณ ห้องโถงโรงพยาบาล เสด็จฯ ไปยังตึกศัลยกรรม ชั้น 2 โรงพยาบาลหนองบัวลำภู ทรงเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ฯ แล้วเสด็จลงชั้น 1 ตึกศัลยกรรม ทรงพระดำเนินไปยังตึกผ่าตัด เสด็จขึ้นชั้น 3 โดยลิฟต์ ทรงเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ฯ เมื่อสมควรแก่เวลา ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จออกจากโรงพยาบาลหนองบัวลำภู ไปยังโรงพยาบาลอุดรธานี โดยมี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี, นายแพทย์สุมน ตั้งสุนทรวิวัฒน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี รักษาราชการแทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี เฝ้าฯ รับเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จขึ้นตึกศัลยกรรม โรงพยาบาลอุดรธานี นายแพทย์สุมน ตั้งสุนทรวิวัฒน์ กราบบังคมทูลรายงานผลการรักษาพยาบาลของเด็กชายกฤษกร เรืองเจริญ จากนั้นทรงเยี่ยมเด็กชายกฤษกร เรืองเจริญ อายุ 3 ขวบ ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ และพระราชทานกระเช้าของเยี่ยมแก่บิดามารดา เมื่อสมควรแก่เวลา ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จออกจากโรงพยาบาลอุดรธานี ไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 ประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จฯ กลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
นายพรวน ไชยเกริน ตาน้องมิก อายุ 3 ขวบ ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า เมื่อคืนนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ได้เสด็จมาเยี่ยมน้องมิก และให้กำลังใจญาติ
นายพรวน เล่าทั้งน้ำตาว่าดีใจมากที่ในหลวงกับพระราชินีมาเยี่ยมถึงโรงพยาบาล เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าเฝ้าในหลวง พระราชินี เป็นความปลาบปลื้มใจของตน และครอบครัวที่พระองค์ทรงห่วงน้องมิก มีกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมด้วยพระองค์ ในหลวงเอามือมาจับโต๊ะ พร้อมกับถามว่า "นี่โต๊ะใครของน้องมิกใช่ไหม" ตนก็บอกว่าครับ ในหลวงเอามือจับขาน้องมิก บอกว่า "ไอ้ตัวเล็กนี่แข็งแรง" ก่อนเสด็จกลับยังรับสั่งว่า "ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องห่วง ดูแลให้ดีที่สุด"
ขณะที่หมอบอกว่าอาการน้องมิกดีขึ้น หลังจากนี้จะดูแลหลานให้ดีที่สุด แต่ตนไม่รู้ว่าร่างกายจะแข็งแรงเหมือนเดิมหรือไม่ แต่มีกำลังใจที่ดีขึ้นมากแล้ว
วันที่ 8 ต.ค. 65 บรรยากาศพิธีสวดพระอภิธรรมคืนแรก ที่วัดราษฎร์สามัคคี จ.หนองบัวลำภู สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพผู้เสียชีวิต จำนวน 19 ศพ มีผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็ได้มาตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อให้บริการอาหาร รวมถึงมีจิตอาสาคอยอำนวยความให้กับผู้มาร่วมงาน โดยมีพิธีสวดพระอภิธรรมคืนแรก สวดทำนองหลวง ใช้เวลาในการสวด 1 ชั่วโมง เป็นอันเสร็จพิธี
สำหรับพระที่มาสวดในพิธี จะต้องได้รับการแต่งตั้งจากภารกิจพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และต้องจำพรรษาอยู่ในวัดพระอารามหลวง โดยที่วัดราษฎร์สามัคคีได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 4 รูป จากวัดป่าโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง จ.อุดรธานี สวดในพิธีสวดพระอภิธรรมศพ
ขณะที่บรรยากาศภายในวัด มีญาติผู้เสียชีวิต ชาวบ้านเดินทางมาเป็นจำนวนมาก ได้จุดธูปจุดเทียนไหว้ศพด้านนอกศาลา เพื่อแสดงความไว้อาลัย
ในส่วนของอาหาร เจ้าหน้าที่กรมป้องกันเเละบรรเทาสาธารณภัย นำรถประกอบอาหารพร้อมอุปกรณ์เข้ามาตั้งโรงครัวพระราชทาน พร้อมนำน้ำดื่มเข้ามาให้บริการ นอกจากนี้มณฑลทหารบกที่ 28 ก็ได้นำรถครัวสนามเข้ามาให้บริการประชาชนด้วย ขณะที่ในเรื่องไฟส่องสว่าง เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้นำหลอดไฟ ไฟสปอร์ตไลต์มาติดตั้งให้
ขณะเดียวกันพบว่าบริเวณศาลาด้านหน้า ซึ่งเป็นจุดบริการน้ำดื่ม มีผู้มีจิตศรัทธาทยอยนำน้ำดื่มมาบริจาคอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่จิตอาสาคอยอำนวยความสะดวก นางสาววัชรี คำอ้อ จิตอาสาสำนักงาน กศน. จ.หนองบัวลำภู บอกว่าตลอดทั้งวันมีผู้นำน้ำดื่มมาบริจาคอย่างต่อเนื่อง นอกจากน้ำดื่มก็ยังมีอาหารและเสื้อผ้าด้วย ตนเองก็คอยอำนวยความสะดวก เสิร์ฟน้ำให้กับผู้มาร่วมงานในวัด ก็รู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือในสิ่งที่พอจะทำได้ เพราะตนเองคิดว่าผู้สูญเสียเป็นลูกเป็นหลาน ทั้ง นี้ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกคนให้สู้ต่อไป
อย่าไงรก็ตาม จากการวอบถามญาติก็ทราบว่าคืนนี้ญาติส่วนใหญ่ก็จะนอนเฝ้าศพกันต่อ เนื่องจากการนอนเฝ้าศพนั้น เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชาวอีสาน
Advertisement