จากกรณีเฟสบุ๊กแฟนเพจ “ป่าช้า แดนซ์” ซึ่งเป็นเพจที่รับทำกิจกรรมการกุศล ด้วยการจัดดนตรีออนไลน์แล้วไปไลฟ์สดตามสุสานต่าง ๆ เพื่อจัดหารายได้มาพัฒนาให้กับฌาปนสถานนั้น ๆ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดตามกว่า 62,000 คนและมียอดกดไลค์เพจประมาณ 32,000 คน ได้ออกมาไลฟ์สดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 26 ก.ย.65 ซึ่งเป็นการไลฟ์อยู่ที่บริเวณหน้าโรงพัก สภ.พาน จ.เชียงราย
โดยภายในไลฟ์ “นายธัชพล เสาร์ไพสูญ” อายุ 33 ปี เจ้าของเพจดังกล่าวบอกว่า ตนเองได้เดินทางมาพร้อมแฟนสาว “นางสาววรัญญา พลอามาตย์” อายุ 31 ปี เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ เนื่องจากถูก “นายบัณฑิต เชื้อลื้อ” อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 บ.แม่หนาด ต.ดอยงาม อ.พาน จ.เชียงราย มีอาการคล้ายคนเมาบุกเข้าไปก่อเหตุขณะที่ตนกำลังไลฟ์สดอยู่ภายในฌาปนสถานหรือป่าช้าหมู่ 4 บ.สันหนองควาย ต.ดอยงาม อ.พาน จ.เชียงราย ซึ่งได้รับการประสานขอไปจาก “นายสรวิศ ดวงวรรณา” ผู้ใหญ่บ้านสันหนองควาย เพื่อจัดหาทุนทรัพย์บูรณะฌาปนสถานหมู่บ้านฯ ซึ่งปัจจุบันมีสภาพทรุดโทรมและต้องการบูรณะ
ปรากฎว่าเมื่อตนไลฟ์ไปได้ 1 ชั่วโมง 11 นาที 46 วินาที ก็ได้ยินคล้ายเสียงปืนดังขึ้น 1 ครั้งและไฟฟ้าทุกอย่างก็ดับวูบจนมืดสนิท จากนั้นก็เห็นว่า “นายบัณฑิต” เดินออกมาจากที่มืดแล้วขู่ตะโกนดังออกมาว่า "ใครมีปัญหามาพูดกับกู" และ "ถ้ายังไม่เก็บของ กูจะยิงทิ้งให้หมด" ทำให้ตนและทีมงานต้องพากันเก็บข้าวของออกจากป่าช้าโดยเร่งด่วย ซึ่ง “นายธัชพล” บอกว่าการการสับคัทเอาท์ลงทันทีแบบนี้จะทำให้เกิดไฟกระชาก ซึ่งส่งผลให้อุปกรณ์เครื่องดนตรีเกิดความเสียหายนับแสน
ดังนั้นตนจะไม่ยอมความเด็ดขาด ตั้งใจจะฟ้องทั้งทางอาญากรณีที่มีการยิงปืนข่มขู่และทางแพ่งกรณีที่ทำให้เครื่องเสียงตนเสียหาย เพราะตนไปทำงานในที่สาธารณะ เป็นงานการกุศลฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่เครื่องเสียงมูลค่าเป็นแสนกลับมาพังด้วยการกระทำของคู่กรณี
ล่าสุดวันที่ 27 ก.ย. 65 ทีมข่าวมีโอกาสได้คุยกับ “นายธัชพล” และ “นางสาววรัญญา” ทั้งคู่เล่าว่าเดิมทีตนได้รับการติดต่อผ่านแชทเฟสบุ๊กจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ให้เข้ามาไลฟ์สดเพื่อหารายได้บูรณะเมรุ โดยตกลงกันว่าจะเข้าไปไลฟ์ในวันที่ 26-27 ก.ย. 65 จากนั้นก็ได้มีการทำการประชาสัมพันธ์ผ่านเพจ
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ พวกตน 2 คน ไปถึงกันตอนประมาณ 16.00 น. และมีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 พร้อมคณะกรรมการประมาณ 10 คนเข้ามาต้อนรับ อำนวยความสะดวกและตั้งโต๊ะรับบริจาค ซึ่งตลอดตอนเย็นจะมีชาวบ้านแวะเวียนเข้ามาทำบุญเรื่อย ๆ แล้วพวกตนก็เริ่มไลฟ์สดตอนประมาณ 19.30 น. โดยมีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 กล่าวเปิดงาน พอไลฟ์ไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งไฟก็ดับทั้งสุสาน จากนั้นก็เห็น “นายบัณฑิต” เดินมาจากแผงคัตเอาท์ไฟ มาหาตนที่อยู่บริเวณหน้าเมรุ ตนจึงถามไปว่า “สับคัตเอาท์ไฟทำไม” แต่ “นายบัณฑิต” ไม่ได้ตอบอะไรกลับหลวงปืนออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยิงขึ้นฟ้า 1 นัดในระยะที่ห่างจากตนไม่ถึง 2 เมตร ก่อนจะพูดว่า “ใครมีปัญหาให้มาพูดกับกูนี่”
พวกตนเห็นท่าไม่ดีจึงพากันเก็บของ แต่เรื่องมันยังไม่จบ เพราะ “นายบัณฑิต” ยังคงเดินบ่นเอะอะโวยวายอยู่รอบ ๆ พวกตน แล้วก็มีการพูดออกมาอีกว่า “เก็บเลย ถ้าไม่เก็บจะยิงทิ้งให้หมด” หลังจากพวกตอนเก็บของเสร็จ ก่อนจะกลับ “นายบัณฑิต” ยังบอกกับพวกตนอีกว่า “ผมเมา ผมจะกลับแล้ว” ตนก็บอกไปว่า “ข้าวของของเราเสียหาย” แล้ว “นายบัณฑิต” ก็ตอบกับพวกตนว่า “ข้าวของเสียหายอะไร พรุ่งนี้ก็ค่อยแจ้งมาแล้วกัน” พวกตนจึงพากันมาแจ้งความที่ สภ.เมืองพาน จ.เชียงราย ทันที เบื้องต้น “นายบัณฑิต” ยังไม่ได้ติดต่อมาพูดคุยหรือส่งตัวแทนเจรจาใด ๆ
ด้าน “นางสาววรัญญา” ยอมรับว่าน้อยใจมาก เพราะการที่ตนไปไลฟ์สดคือเพื่อหาเงินมาซ่อมแซมบูรณะให้ป่าช้าแต่ละที่นั้น ตนไม่เคยคิดค่าใช้จ่าย ทำให้ฟรีตลอดมาตลอด 1 ปีกว่า พวกตนไม่เคยหักเปอร์เซ็นต์จากเงินทำบุญเลยสักงาน ไม่ว่าจะช่องทางทำบุญหน้างานหรือโอนเข้าบัญชีเจ้าภาพ
ถ้าถามว่ารายได้มาจากไหน ส่วนใหญ่ก็จะมาจากแฟนคลับที่คอยสนับสนุนพวกตนในไลฟ์สด บางคนก็ส่งดาวมาให้ หรือบางคนก็โอนเข้าบัญชีของตน เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วหากจะให้หยุดไลฟ์ทำไมไม่บอกกันดีจู่ ๆ มาสับคัตเอาท์ มันทำให้อุปกรณ์เสียหาย
ตึงจึงขอแจ้งความดำเนินคดีจนถึงที่สุดไม่ขอคุยไกล่เกลี่ยได้มีการปรึกษาทนายแล้ว ขอเจรจากันในชั้นศาลฯ อย่างเดียว และคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าการกระทำดังกล่าว จะออกมาจากการตัดสินใจของคนที่เป็นผู้นำหมู่บ้าน จึงขอให้เป็นอุทาหรณ์ไว้ การจะทำอะไรต้องคิดก่อน เพราะพอทำไปแล้วมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก
ทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 “นายบัณฑิต เชื้อลื้อ” อายุ 50 ปี เจ้าตัวเปิดใจกับอมรินทร์ทีวีว่า จริง ๆ แล้วพื้นที่สุสานฌาปนสถานหรือป่าช้าที่เกิดเหตุชื่อ “สุสานบ้านแม่หนาด” ตั้งอยู่ในพื้นที่ของหมู่ 13 และมีการเอื้ออาศัยใช้ประโยชน์ร่วมกันระหว่าง 2 หมู่บ้าน คือหมู่ 13 กับ หมู่ 4 เนื่องจากในอดีตทั้ง 2 หมู่บ้าน เคยเป็นหมู่บ้านเดียวกันคือ “หมู่ 4 บ้านสันหนองควาย” แต่เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ได้มีการแบ่งการปกครองออก ด้วยการตั้งหมู่บ้านใหม่คือ “หมู่ 13 บ้านแม่หนาด” แล้วเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว “ดีเจป่าช้าแดนซ์” เคยเข้ามาไลฟ์สดที่บริเวณเมรุเดิมแล้ว 1 ครั้ง แต่ตนไม่เห็นว่าจะมีการนำเงินมาทำนุบำรุงบูรณะอะไรกับหมู่ 13 เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นเงินทำบุญไปอยู่ไหน
จนกระทั่งเมื่อคืนที่เกิดเหตุ ขณะนั้นตนกำลังเลี้ยงปลาอยู่ที่บ่อปลา ก็มีชาวบ้านส่งเรื่องเข้ามาร้องเรียนเรื่องเสียงดังและถามกับตนว่ารู้เรื่องที่มีการไปไลฟ์สดตรงบริเวณหน้าเมรุในสุสานของหมู่บ้านหรือไม่ ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ตนไม่ได้รับแจ้งขออนุญาตจากใครว่าจะมีการมาไลฟ์สดในลักษณะนี้ จึงมีการตรวจสอบไปยังหน้าเพจที่มีการไลฟ์สด พบว่ามีการลงรูปประชาสัมพันธ์รับบริจาคด้วย แต่เลขบัญชีเป็นของกองทุนกลางพัฒนาหมู่บ้านหมู่ 4 จึงลองโทรไปหาผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 เพื่อถามว่าทราบเรื่องหรือไม่ ปรากฎว่าผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ก็อยู่ภายในพื้นที่ไลฟ์สดตอนนั้นด้วย แต่ไม่ได้อธิบายอะไรกลับมา
ตนจึงร้องเรียนไปยังกำนัน ให้ช่วยประสานบอกผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ให้ยุตติไลฟ์สด กำนันก็โทรไปบอก แต่ก็ไม่สำเร็จ ตนนั่งดูไลฟ์อยู่จนถึงประมาณ 21.30 น. ก็ยังไม่หยุดไลฟ์ นาทีนั้นยอมรับว่าไม่พอใจมาก จึงขับรถกระบะเข้าไปที่สุสานพร้อมกับคณะกรรมการและภรรยารวมประมาณ 4 คน ปืนที่ใช้ยิงนั้นเป็นปืนถูกกฎหมาย เก็บไว้ในรถอยู่แล้ว เพราะตนเป็นผู้ใหญ่เผื่อจำเป็นต้องใช้ในยามฉุกเฉิน
พอไปถึงก็เห็นว่ามีการตั้งทีมไลฟ์สดอยู่ที่บริเวณหน้าเมรุและมีวัยรุ่นประมาณ 10 คน ตั้งวงกันดื่มสุราที่บริเวณภายในสุสานด้วย ตนก็พยายามยกมือสื่อสารแสดงสัญลักษณ์ให้หยุดการไลฟ์ก่อน แต่ก็ไม่มีใครหยุด จึงเดินไปสับคัตเอาท์ลง จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นที่นั่งดื่มสุรากันก็ลุกขึ้นเดินปรี่มาที่ตนหมายจะทำร้าย ตนจึงควักปืนออกมาแล้วยิงลงดิน 1 นัดเพื่อป้องกันตัว ยอมรับตอนนั้นเมาจริงแต่ไม่ถึงขนาดที่ว่าขาดสติ
ยืนยันว่าหลังจากยิงปืนเสร็จ ก็พยายามบอกให้กลุ่มดีเจเก็บของกลับจริง เพราะเข้ามาทำกิจกรรมโดยไม่ได้ขออนุญาตจากตน แต่ไม่ได้มีการพูดจาข่มขู่จะยิงใครตามที่ดีเจให้สัมภาษณ์ หลังจากเกิดเหตุตนก็ยังไม่ได้รับคำชี้แจงจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ว่าเหตุผลอะไรถึงนำกลุ่มดีเจมาทำกิจกรรม ณ เมรุที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นพื้นที่การปกครองของตน โดยไม่ได้แจ้งให้ตนทราบก่อน และถ้าถามว่าที่ผ่านมาผู้ใหญ่บ้านทั้ง 2 คน มีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อนหรือไม่ เจ้าตัวยอมรับว่าอาจจะมีบ้างแต่เป็นปัญหาเล็ก ๆ ที่เคลียร์กันแล้ว
กับกลุ่มดีเจที่มีการเข้าไปแจ้งความนั้น ตนก็ยินดีที่จะสู้กันในกระบวนการของกฎหมาย เบื้องต้นได้ปรึกษาทางทนายแล้ว เพราะตนมั่นใจว่าที่ทำไปเป็นการทำตามหน้าที่ ที่จะต้องดูแลแก้ไขตามคำร้องเรียนของชาวบ้าน
ส่วนด้านของ “นายสรวิศ ดวงวันนา” อายุ 47 ปี วันนี้ก็เปิดใจกับอมรินทร์ทีวีเช่นกันเจ้าตัวยอมรับว่า สุสานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในความดูแลของหมู่ 13 จริง แต่ที่ผ่านมาก็ใช้ประโยชน์ร่วมกันมาโดยตลอด เพราะตอนสร้างก็ร่วมลงทุนกันหมู่บ้านละ 3 แสนบาท และบุคคลที่อุทิศพื้นที่ตรงนั้นให้ก็เป็นชาวบ้านหมู่ 4 ตนไม่คิดเหมือนกันว่าจะเกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นได้
ทั้งนี้เจ้าตัวยอมรับว่า ไม่ได้แจ้งให้ทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ทราบว่าจะนำทีม ดีเจป่าช้าแดนซ์ มาไลฟ์สดในวันที่ 26-27 ก.ย. 65 แต่มีการพูดคุยกันผ่านแชทไลน์เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 65 เกี่ยวกับการของบประมาณซ่อมแซมจาก อบต. แต่ด้วยความการทำหนังสือของบประมาณต้องใช้เวลานาน วันที่ 20 ก.ย. 65 ตนจึงบอกไปว่าเดี๋ยวจะหางบประมาณเสริมมาช่วยอีกแรง ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ก็ตอบกลับมาด้วยสติกเกอร์ “OK”
“นายสรวิศ” บอกว่าจริง ๆ แล้ว การที่ตนเข้าไปเปิดพื้นที่ให้กับทีมไลฟ์สดติดตั้งอุปกรณ์นั้น ไม่ได้เป็นการบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของหมู่ 13 เพราะเดิมทีก็มีการตกลงกันอยู่แล้วว่าจะช่วยกันดูแลด้วยการแบ่งกุญแจให้กับผู้ใหญ่บ้านทั้ง 2 หมู่บ้านคนละดอก แต่เมื่อคืนตอนที่เกิดเหตุ ทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ก็บอกกับตนว่าหลังจากนี้ไม่ต้องมาใช้เมรุเดียวกันแล้ว ซึ่งตนรู้สึกว่าเหมือนเป็นการตัดสัมพันธ์กันเกินไปหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาหากมีการซ่อมแซมเมรุ หมู่บ้านของตนก็จะออกงบประมาณ 2 ใน 3 ตลอด เนื่องจากมีชาวบ้านเยอะกว่า
ส่วนบัญชีที่มีการโพสประชาสัมพันธ์นั้น ตนยอมรับว่าเป็นบัญชีกลางของหมู่ 4 จริงแต่ไม่ได้มีเจตนาจะเอาเงินที่ได้รับจากการบริจาคไปพัฒนาส่วนอื่นของหมู่บ้าน หากได้งบประมาณมาก็จะนำไปซ่อมแซมเมรุทั้งหมดอยู่แล้ว และเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้วทีมดีเจป่าช้าแดนซ์มาไลฟ์สดหน้าเมรุที่เกิดเหตุนั้น ตอนนั้นไม่ได้มีการเปิดรับบริจาค เพราะพวกเขายังไม่ดังเท่าไหร่ ตนแค่เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนทีมงานตอนไลฟ์สด กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็สงสารทีมดีเจที่ต้องได้รับความเสียหาย แต่ก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าหาเงินมาซ่อมแซมเมรุต่อ ส่วนที่ว่าชาวบ้านสามารถใช้เมรุเดียวกันได้ไหม ก็อาจจะต้องมีการประชุมปรับความเข้าใจกันก่อน เพราะตนก็อยากให้เรื่องจบโดยดี
Advertisement