จากกรณีผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตทหารหญิง เข้าร้องทุกข์กับ พ.ต.อ. ธานินทร์ ฉัตรเจริญพงศ์ รอง ผบก.ฯ รรท.ผกก.สภ.เมืองราชบุรี พร้อมแจ้งความกับตำรวจ ให้ดำเนินคดีทางอาญากับนายจ้าง ส.ต.ท.หญิง ตำแหน่ง ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.9 ปัจจุบันช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นภรรยาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในข้อหาทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ และล่าสุดมีการเผยภาพขณะเจ๊นุชในชุดนักศึกษา
วัทนี่ 1 ก.ย. 65 ทีมข่าวไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ (ภาคพิเศษ) ซึ่งคณบดีไปราชการ 2 วัน โดยในวันนี้หลักสูตรภาคพิเศษไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากสอนวันเสาร์-อาทิตย์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์อรรถพล อุสายพันธ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ของมหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า สิบตำรวจโทกรศศิร์ ได้มาสมัครเรียนในภาคเรียนที่ 1/2560 ในสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ (ภาคพิเศษ) ซึ่งจะเรียนเฉพาะวันเสาร์ และวันอาทิตย์ โดยใช้วุฒิการศึกษา มัธยมศึกษาปีที่ 6 มาสมัคร และมาเรียนตามปกติ ในภาคเรียนที่ 2/2560 ก็ลงทะเบียนเรียนเหมือนเดิมและมีผลการเรียนมาตลอดทั้งสองเทอม ต่อมาในภาคเรียนที่ 3/2560 ลงทะเบียนเรียนแต่ไม่มาเรียน และไม่มีใครที่จะสามารถมาลงชื่อเรียนแทน จึงไม่มีผลการเรียน
ต่อมาปี 2561 ภาคเรียนที่ 1/2561 สิบตำรวจโทกรศศิร์ ได้มาสมัครเรียนในสาขาวิชา นิติศาสตร์ (ภาคพิเศษ) ซึ่งจะเรียนเฉพาะวันเสาร์ และวันอาทิตย์ แต่ก็ไม่ได้มาเรียน จึงทำให้ไม่มีผลการเรียน และทำให้พ้นสภาพจากการเป็นนักศึกษา ตั้งแต่ปี 2561 ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง ว่าด้วยการจัดการศึกษาระดับปริญญาตรี พ.ศ.2553 ข้อ 26 สภาพนักศึกษาจะสิ้นสุดลงโดย ขาดการรักษาสภาพนักศึกษาติดต่อกันเป็นเวลา 2 ภาคเรียน
จึงทำให้คลายข้อข้องใจได้ว่าสิบตำรวจโทกรศศิร์ เคยเรียนที่ราชภัฎจอมบึง แต่เรียนไม่จบ ส่วนทหารในสังกัดกองทัพไทย ยศสิบตรี นั้นจบปริญญาตรีใบแรกจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธุรกิจบัณฑิต และมาสมัครเรียนปริญญาโท ในสาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง และในช่วงที่เรียนปริญญาโท ก็มาสมัครเรียนปริญญาตรี สาขาวิชานิติศาสตร์ พร้อมกับเจ๊นุช แต่ไม่ได้เรียน จึงไม่จบปริญญาตรีใบที่ 2 ซึ่งทางมหาวิทยาลัยยืนยันว่าหากมีการกล่าวพาดพิงถึงมหาวิทยาลัยไปในทางที่เสียหาย ก็จะต้องมีการดำเนินการกันต่อไปด้วย
นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ตัวแทนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า กรณีต้นสังกัดของ นางสาวปิ่น (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ถูกต้นสังกัดมีการเรียกเงินเดือนคืนย้อนหลังเป็นจำนวนเงิน 34,000 บาทนั้น ต้องขอบอกก่อนว่าที่ผ่านมาผู้เสียหายไม่เคยได้ใช้เงิน เพราะเงินเดือนที่เข้าบัญชีมา ทางเจ๊นุชอ้างบุญคุณว่าตำแหน่งทหารที่ผู้เสียหายได้มานั้นมาจากเจ๊นุช จึงมีการให้โอนเงินและมีค่าปรับจุกจิกเต็มไปหมด
โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการพาผู้เสียหายไปยังต้นสังกัด และไปดำเนินการเอาชื่อออกจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เพื่อชำระเงินคืน แต่ล่าสุดได้รับรายงานว่าทางผู้อำนวยการโรงเรียนเพาะช่างทหาร มีการระดมทุนเพื่อช่วยจ่ายเงินจำนวนนี้ ซึ่งตนตั้งใจจะเป็นผู้จ่ายเองอยู่แล้ว แต่ถ้าทางผู้อำนวยการโรงเรียนยินดีที่จะช่วยเหลือ ก็ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง ที่ท่านเป็นถึงระดับผู้ใหญ่ แต่ยังเห็นความยากลำบากของชนผู้น้อย ก็เป็นเรื่องที่ดีที่เราช่วยกัน เพื่อที่ผู้เสียหายจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
ส่วนประเด็นที่สังคมโยงเข้าไปเกี่ยวกับการเมือง เนื่องจากตนมีความสนิทสนมกันกับ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สนิทกันจริง แต่สนิทในบริบทของความเป็นพี่น้อง ซึ่งท่านธรรมนัสเขารู้ดีอยู่แล้วว่าตนไม่ได้ฝักใฝ่การเมือง เพราะไม่เช่นนั้นตนก็คงเป็นนักการเมืองตั้งนานแล้ว ขณะเดียวกันตนได้มีการออกมาเคลื่อนไหวช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากมานานเป็นปีแล้ว เพราะฉะนั้นมันไม่มีเรื่องของการเมือง หรือมีการวางแผนทางการเมืองแต่อย่างใด
ประเด็นเรื่องที่ท่านธานี อ่อนละเอียด สมาชิกวุฒิสภา ได้มีการชี้แจงผ่านข่าวเพลสเมื่อวานนั้น ว่าท่านไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ ส.ต.ท.หญิงคนนี้แล้ว ซึ่งตนก็เชื่อตามคำกล่าวอ้างของท่าน เพราะท่านมีสิทธิ์ที่จะชี้แจง แต่ถ้าท่านยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายตำแหน่ง ก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีใครอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้
กำลังใจขนาดนี้ยังคงเต็มเปี่ยม แม้ล่าสุดจะถูกจเรตำรวจ ค้นหาทะเบียนราษฎร์ ทั้งของตัวเอง ของผู้เสียหายและครอบครัว ซึ่งผู้ที่ถูกแอบอ้างได้มีรายงานมายังตนว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งในประเด็นนี้จำเป็นต้องเข้าไปทวงถามข้อเท็จจริงอีกครั้ง
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม กมธ. กรณีตรวจสอบประเด็น ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำทารุณกรรมอดีตทหารหญิงว่า จากการชี้แจงของ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า มี 2 ประเด็นคือกรณีของส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ และกรณีส.ท.หญิง ปัทมาอดีตทหารกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งการบรรจุเข้ารับราชการตำรวจของส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เกิดขึ้นในปี 2560 คงต้องไปคำนวณกันเองว่าในปีนั้นใครเป็น ผบ.ตร. โดยเท่าที่ทราบจะมีคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า กมธ.ได้ให้ข้อเสนอแนะไปยังกองบัญชาการกองทัพไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า การบรรจุแต่งตั้งข้าราชการที่จบปริญญาตรี หากเป็นไปได้ขอให้ยกเลิกการสอบสัมภาษณ์ทั้งหมด โดยขอให้เป็นการสอบข้อเขียนล้วน ๆ เหมือนการสอบเข้าชั้นมัธยมปีที่ 1 และมัธยมปีที่ 4 เพื่อไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติ เพราะการสอบคัดเลือก ปกติจะมีการสอบคุณวุฒิและการสอบสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กนายทั้งหมด จึงเป็นการสกัดการคอร์รัปชั่นในการฝากได้ระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าให้ข้อมูลว่าปัจจุบันมีอัตรากำลังจร ซึ่งเป็นการช่วยราชการจากส่วนต่างๆ 54,100 นาย โดยแยกเป็นทหาร 29,000 นาย ตำรวจ 15,000 นาย และพลเรือนประมาณ 9,000 นาย
ขณะนี้การชี้แจงของผู้เกี่ยวข้องมีความขัดแย้งบางประเด็นเช่นเมื่อสมัครไปราชการแต่การตรวจสอบคุณสมบัติยังไม่เสร็จ กลับจ่ายเงินเดือนไปแล้ว โดยทางทหารมีอาการอึกอักมาก อีกทั้งใบลาออก็ยังงงว่า ส.ท.หญิง ปัทมาได้รับเงินเดือนถึงเดือนสิงหาคม แต่บอกว่าลาออกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แล้วยังบอกว่าจะเรียกเงินเดือนคืนอีก 2 เดือน จึงสงสัยว่าตกลงมันยังไงกันแน่ ตกลงน้ำหมึกมันแห้งหรือยัง
อย่างไรก็ตาม กมธ.ได้ขอเอกสารเพิ่มเติมจากทางวุฒิสภา แต่เขาจะให้หรือไม่เป็นอีกเรื่อง เพราะคนละอำนาจกัน ก็แล้วแต่เขา หากเขามีสำนึกก็คงจะให้ ถ้าไม่มีลับลมคมในอะไร แต่ถ้ามีลับลมคมในก็อาจจะดึงเอกสารให้อาทิตย์ละใบ กลัวว่ากว่าจะได้เอกสารครบก็ยุบสภาฯ พอดี ถือเป็นเทคนิคในการดึงหน่วง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะระบบราชการก็เป็นแบบนี้ ช่วยกันปกปิดความผิด ทำดีก็ช่วยกันโฆษณา ทำชั่วก็ช่วยกันปกปิด
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ กมธ.ป.ป.ช. จะเรียกสอบ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชาย ชี้แจงการแต่งตั้ง ส.ต.ท.หญิง เข้าทำงานโดยโยงกับ บัญชีทหารผี ว่าเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลก็ว่าไป ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไปเต็มที่
เมื่อถามถึงมีการแอบอ้างว่ารู้จักกับคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ก็ว่าไป เขามีคณะกรรมการอยู่แล้ว เขาดำเนินการไปได้เต็มที่ ไม่มีปัญหาอะไร" พร้อมกล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทราวันนี้ว่าภาพรวมเรียบร้อยดี ชาวบ้านให้การสนับสนุนดี
Advertisement