จากกรณีผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตทหารหญิง เข้าร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.ธานินทร์ ฉัตรเจริญพงศ์ รอง ผบก.ฯ รรท.ผกก.สภ.เมืองราชบุรี พร้อมแจ้งความกับตำรวจ ให้ดำเนินคดีทางอาญากับนายจ้าง ส.ต.ท.หญิง ตำแหน่ง ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.9 ปัจจุบันช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นภรรยาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในข้อหาทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ
วันที่ 23 ส.ค. 65 ความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.ชะอำ ทางทีมงานกัน จอมพลัง และทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อมนางสาวปิ่น (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความที่ สภ.ชะอำ ถึงกรณีถูกชายซึ่งเป็นญาติของนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ จ.ราชบุรี ทำร้ายร่าง
นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ตัวแทนของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา โดยทั้งคู่เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.ชะอำ ซึ่งมีผู้เสียหายติดตามรับใช้ไปด้วย ซึ่งพักที่คอนโดของฝ่ายชาย หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวได้มีการทำร้ายร่างกาย โดยที่ไม่ทราบสาเหตุว่าทำร้ายเพราะอะไร ทำไมถึงใช้ความรุนแรง คนที่ลงมือครั้งนี้เป็นเพื่อนชายคนสนิทสิบตำรวจหญิง โดยใช้เครื่องชอร์ตไฟฟ้าที่ต้นคอและขาของผู้เสียหาย พร้อมใช้เก้าอี้ฟาดและหลัง จนมีรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย และมีเลือดไหล โดยที่ฝ่ายสิบตำรวจหญิงยืนมองเฉย ๆ และไม่ได้มีการห้ามปราม
โดยเหตุที่ฝ่ายชายลงมือทำร้ายในครั้งนี้ เนื่องจากกลัวสิบตำรวจหญิง แฟนสาวเจ็บมือ หากจะต้องลงมือทำโทษด้วยตนเอง และยังเตือนว่าอย่าทำอีก ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เมื่อคู่กรณีไม่พอใจ แม้ว่าทั้งคู่จะไม่มีอารมณ์โกรธก็จะลงมือทำได้แบบไม่มีเหตุผล และนอกจากการทุบตีแล้ว ฝ่ายสิบตำรวจหญิงเคยพยายามใช้อาวุธมีดจะแทงผู้เสียหาย แต่ฝ่ายชายมีการได้ห้ามไว้
ส่วนตัวมองว่าพฤติกรรมของทั้งคู่โหดเหี้ยมเกินมนุษย์ โดยเฉพาะประโยคที่บอกว่า "ลงมือแทนแฟนสาว เพราะกลัวแฟนเจ็บมือ" แต่ไม่ได้ฉุกคิดว่าความเจ็บปวดของผู้เสียหายที่ถูกตัวเองกระทำเจ็บปวดมากน้อยแค่ไหน และยังมีอีกจากเหตุการณ์ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายในพูลวิลล่าแห่งหนึ่ง โดยที่ฝ่ายชายใช้ปืนจ่อที่ศีรษะบังคับให้นั่งคุกเข่า แล้วใช้อาวุธปืนตบที่ใบหน้า เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งเห็นการณ์ทั้งหมดตนเองมีหลักฐานในการดำเนินคดีกับชายคนสนิทรายนี้
นางสาวปิ่น (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่าตลอดการทำงานกว่า 2 ปี ที่อยู่สิบตำรวจโทหญิงคนดังกล่าวมีการแบ่งชนชั้นวรรณะ ซึ่งมักจะให้ตนเองเข้าไปหาด้วยวิธีการคลานเข่าบ่อยครั้ง โดยสิบตำรวจโทหญิงจะนั่งอยู่บนที่สูง และจะให้ตนเองนั่งอยู่บนที่พื้นซึ่งต่ำกว่า ตนเองต้องจำใจทำตาม เพราะหากไม่ทำก็กลัวว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย สำหรับชายคนสนิทสิบตำรวจหญิงที่เป็นญาตินักการเมือง ให้เหตุผลในการทำร้ายร่างกายว่าผู้เสียหายดื้อ ทำงานไม่เรียบร้อยจึงลงโทษ
ตนก็อยากถามกลับไปเหมือนกันว่าตนทำอะไรผิด ที่ผ่านมาก็ปฏิบัติดูแลในฐานะลูกจ้างมาโดยดีตลอด แม้บางครั้งตนอาจจะลืมของ หรือทำผิดพลาดไปบ้าง แต่มันก็มีเหตุผลอะไรถึงต้องทำร้ายร่างกายขนาดนี้ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันได้ว่าผู้ก่อเหตุคือคนเดียวกันทั้งสองเหตุการณ์ สภาพจิตใจของตนในตอนนี้มีกำลังใจสู้ แต่ยังคงเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัยของคนในครอบครัว ที่ตนออกมาทำแบบนี้เป็นแค่เรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเองเท่านั้น แม้ว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บทั้งกายและใจ แต่ก็คิดเสมอว่าคู่กรณีเป็นผู้มีบุญคุณ ตนเองดูแลเพื่อเป็นการตอบแทบบุญคุณ จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นห่วงแม้สิบตำรวจโทจะถูกฝากขังและดำเนินคดีก็ตา
ส่วนประเด็นเรื่องการทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บัญชีนั้น ตนเห็นเจ้าตัวแต่งกายในเครื่องแบบบ้าง แต่ไม่เห็นไปทำงานเหมือนตำรวจคนอื่น และก็ไม่เคยเห็นทำบัญชีในบ้าน ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงยอมทนอยู่ มีความสัมพันธ์อย่างอื่นหรือไม่ ส่วนตัวยืนยันได้ว่าได้ให้การดูแลและช่วยเหลือในฐานะลูกจ้างก็เท่านั้น อีกทั้งอย่างเจ้าตัวชอบพูดว่ามีบุญคุณกับตนตลอด ในบางครั้งที่เจ้าตัวเจ็บป่วย ตนก็ต้องช่วยเหลือในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ถ้าเป็นคนอื่นก็คาดว่ายังคงช่วยเหลือเหมือนกัน
ส่วนประเด็นเรื่องการผสมน้ำยาล้างห้องน้ำกับครีมนั้น เท่าที่ตนอยู่ด้วยไม่ทราบว่าเขาทำกับใคร แต่เจ้าตัวก็เคยหลุดปากออกมาว่าเคยทำ แต่ในปัจจุบันยังไม่พบว่ามีการบังคับให้ใครต้องทาครีม ส่วนประเด็นเรื่องชู้สาวกับสมาชิกวุฒิสภาตามกระแสที่ออกไปนั้น ตนไม่ทราบ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นชายคนสนิทคนไหนเป็นสมาชิกวุฒิสภา
นายคมสิทธิ์ จังพานิช แฟนของผู้ต้องหา เปิดใจว่า ตนยอมรับว่าเป็นแฟนของเจ๊นุช หรือ กร ซึ่งรู้จักกันมานานหลายเดือนแล้ว ไม่เคยเห็นว่ามี ส.ว. คนไหนคบกับนุชในช่วงที่ตนเองรู้จักกับนุช โดยรู้จักกันเพราะไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งตนชอบไปนั่งที่ร้านทุกวัน จนมารู้จักกันและเริ่มสนิทสนมกัน โดยนางสาวปิ่นเป็นเด็กชอบโกหก เวลาทำผิดก็ชอบแถทุกเรื่อง ซึ่งตนก็พยายามที่ตักเตือนสั่งสอนทุกครั้งที่มีปัญหากับนุช
ทั้งนี้ เจ้าตัวก็พยายามที่จะทำในสิ่งที่นุชไม่ชอบซ้ำ ๆ ที่ผ่านมาบอกกับตนเองว่านุช เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และรักษาตัวมา 2 ปี ส่วนเขาก็มาอยู่กับนุชนานหลายปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ตนจะรู้กับนุช โดยอยู่เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ไปกินด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน โดยเขาจะเป็นคนขับรถพานุชไป เพราะนุชยังขับรถไม่ค่อยเก่ง และไม่ค่อยรู้เส้นทาง ที่ผ่านมาขอมาทำงานกับตนด้วยเพราะอ้างว่าเงินเดือนไม่พอใช้ อยากได้เงินเดือน 2 ที่ ทั้งเงินเดือนทหาร และเงินค่าจ้างจากตนที่รับทำรั้วคอนกรีต ซึ่งตนก็ให้มาทำ แต่นางสาวปิ่นทำงานไม่ได้ ตนก็ต้องให้หยุดไป
ซึ่งเมื่อนางสาวปิ่นทำผิดก็จะขอโทษและขอโอกาส เป็นอย่างนี้ซ้ำ ๆ จนตนเองก็ทนไม่ไหว ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายจริง แต่ทำแล้วก็สอนไปด้วย ซึ่งคงไม่มีใครทนได้ หากที่เรารักถูกกระทำซ้ำ ๆ หลายครั้งที่นุชบอกให้กลับไปบ้าน เพราะทนไม่ไหวแล้ว แต่นางสาวปิ่นก็ไม่ยอมกลับ ยังให้พ่อแม่มาขอให้อยู่ต่อด้วย เงินเดือนของเขาในช่วงที่เป็นทหารนั้นเงินเดือนไม่พอใช้ เพราะทราบว่ามีข้อตกลงระหว่างนุชกับเอว่าถ้าไปกินไปเที่ยวด้วยกันก็ขอให้หารกันคนละครึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะค่าใช้จ่ายในบ้านนั้น นุช เป็นคนออก และช่วยกันทำงานบ้านไม่มีใครเป็นคนรับใช้หรือเป็นเจ้านาย อยู่กับแบบคนในครอบครัวเดียวกัน
ซึ่งพ่อแม่ของตนก็รับรู้ว่ามาตลอดว่าตนคบกับนุช ทุกครั้งที่มาที่บ้านนางสาวปิ่นก็จะขับรถพานุชทุกครั้งและมาบ่อย ในวันที่ออกจากบ้านมาก็ไม่ได้มีบาดแผลอะไร ซึ่งตำรวจที่เดินทางไปรับออกมาก็เห็นว่าไม่มีบาดแผล แต่พอหายออกจากบ้านมา 2-3 วัน และมาร้องเรียนสื่อ กลับมีบาดแผลหลายที่ ก็เลยอยากถามว่าบาดแผลมาจากไหน แล้วทำไมไม่กลับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเดิมที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งไปตรวจตอนแรก แต่กลับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง
ที่ผ่านมาเขาบอกว่ารักนุช เป็นห่วงนุช บอกว่ารักและเคารพตนเอง แต่กลับมาทำอย่างนี้ ซึ่งเมื่อไปแจ้งความเอาผิดกับตนเองก็ยอมรับผิดและจะไปมอบตัวด้วย แต่เมื่อไรจะหยุด ตนอยากจะเตือนไว้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่เชื่อว่าน่าจะตกเป็นเครื่องมือของคนอื่น ถ้ายังไม่หยุดในตอนนี้สุดท้าย เขาจะลำบากคนเดียว อยากให้จำคำตนเองไว้ เพราะที่ผ่านมาสอนมาตลอด และเคยร้องไห้กับเขาอยากให้นึกย้อนกลับไปว่าตนนั้นหวังดีมาตลอด ทุกครั้งที่ถูกตบตีก็จบด้วยการสอนทุกครั้ง อยากให้นึกให้ดี ๆ อยากจะฝากว่าที่ผ่านมาเคยบอกไว้เสมอว่าคนเราเท่ากัน อยากให้จำคำเอาไว้ ทุกวันนี้หลงผิดหรือทำอะไรไม่รู้ และก็สงสัยว่าทำอะไรอยู่ แต่ขอให้หยุด
ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายสี่ (นามสมมติ) อดีตสามีผู้ต้องหา เปิดเผยว่า สมัยตอนที่ยังคบหากันไม่เคยได้ยินเรื่องการนำน้ำยาล้างห้องน้ำผสมกับครีมให้ทาหน้า และไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้กับแฟนคนไหน เอาจริง ๆ ก็ไม่คิดว่าเขาจะทำเสียด้วยซ้ำ แต่กับตนไม่เคยโดน และไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ ส่วนประเด็นเรื่องที่มีนักการเมืองหรือมีผู้มีอิทธิพลให้การสนับสนุนกับตำแหน่งตำรวจหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบจริง ๆ และไม่ทราบเสียด้วยซ้ำว่าในปัจจุบันเขาได้เป็นข้าราชการตำรวจแล้ว เพิ่งมาทราบหลังเป็นข่าว
ประเด็นเรื่องระดับยศสิบตำรวจโทหญิง แล้วมีการนำนางสาวปิ่น ผู้เสียหายมาเป็นทหารรับใช้นั้น ตนก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าตำรวจยศแค่นั้นสามารถทำได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างสิบตำรวจโทหญิง กับนางสาวปิ่น ทหารรับใช้ มีความสัมพันธ์ชู้สาวแบบทอมดี้หรือไม่นั้น ตนก็ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าไม่น่าใช่ เพราะที่ผ่านมาเขาก็ดูชอบผู้ชายมาโดยตลอด แฟนเก่าของเขาก็เป็นผู้ชายทั้งหมด
นอกจากนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ต.ท.หญิง เข้ารับราชการตำรวจ ว่า เข้ารับราชการตามขั้นตอนถูกต้อง ผ่านการคัดเลือกโดยคณะกรรมการ ใช้วุฒิ ปวส.ด้านบัญชี เป็นคุณวุฒิที่ขาดแคลนและมีความจำเป็น จึงได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์ตาม ก.ตร.แม้อายุจะเกิน 35 ปี (ยกเว้นตามกฎ ก.ตร.) โดยบรรจุเป็นตำรวจปลายปี 2560 สำนักงบประมาณและการเงิน ตร. จากนั้น ในเดือน ก.พ. 65 ได้ย้ายสังกัดตำรวจสันติบาล 1 ส่วนที่ขอตัวไปช่วยราชการตั้งแต่แรกที่เป็นตำรวจ
ส่วนการดำเนินการทางวินัย ตอนนี้ถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง เนื่องจากถูกดำเนินคดีเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ค้ามนุษย์ ซึ่งมีอัตราโทษ 2 เท่า และข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ยังไม่มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
Advertisement