กรณีเฟซบุ๊ก "กัน จอมพลัง" โพสต์ข้อความว่า "ผมจะไปสุราษฎร์ธานี ช่วยน้อง 2 ขวบกับ 5 ขวบ ถูกพ่อทำร้ายถ่ายคลิปส่งไป ประชดอดีต ภรรยา แม่เด็กขอให้ผมช่วย บอกกับผมว่าไม่มีใครทำอะไรเค้าได้ เด๋วมาดูกันครับว่าผมไปจะได้หรือไม่ได้" โดยมีคลิป เหตุการณ์ขณะพ่อเด็กทำร้ายลูกทั้ง 2 คน จนหัวล้มคว่ำกลิ้ง
วันที่ 11 ก.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ สภ.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ท้องที่เกิดเหตุ ช่วงเที่ยง กัน จอมพลัง หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ พานางสาวอิง (นามสมมติ) อายุ 23 ปี แม่ของเด็กทั้ง 2 คือ น้องออม (นามสมมติ) อายุ 5 ขวบ และน้องอิคคิว (นามสมมติ) อายุ 3 ขวบ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ดำเนินคดีกับอดีตสามีที่ทำร้ายลูก ทราบชื่อคือนายอภินันท์ หรือ บิร์ด อายุ 33 ปี
ขณะที่ น.ส.อิง ผู้ร้องเรียน เข้าพบ พ.ต.ท.วีระพันธ์ เกื้อรักษ์ สารวัตรใหญ่ สภ.บางสวรรค์ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน และปลัดอำเภอพระแสง กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บางสวรรค์ ร่วมรับฟังและสอบปากคำนางอิง โดยมีนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ร่วมรับฟังด้วย
น.ส.อิง เปิดหลักฐานประจำวัน สภ.ละแม จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นบันทึกข้อตกลงกัน หลังตัดสินใจเลิกรากับนายเบิร์ด และตกลงเรื่องลูกไม่ได้แต่นายเบิร์ดลงบันทึกขอรับเลี้ยงลูกทั้ง 2 เอง โดยมีปู่กับย่าเป็นผู้ช่วยดูแล ซึ่งหลังเลิกราได้ไม่นานนายเบิร์ด ขู่ทำร้ายลูก 2 คน โดยระบุว่า ถ้ามึงไม่มาอยู่กับกูมึงไม่มีทางได้ลูก แต่ถ้ากลับมาอยู่กับกู ลูกทั้ง 2 คนก็จะสบาย แต่ฝ่ายได้พยายามพิมพ์ตอบกลับว่าสงสารลูก อย่าทำร้ายมัน
แชตถัดมานายเบิร์ดส่งกองเสื้อผ้าพร้อมรูปลูกสาวเล่นน้ำในห้องน้ำสภาพมอมแมม พร้อมระบุว่า "จะพาลูกไปจากที่นี่ ถ้าไม่กลับมาอยู่กับเข้าและลูก ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม" พร้อมตัดพ้ออีกว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การตัดสินใจของเขาคนเดียว แต่เป็นการตัดสินใจของเอง ก็ขอให้โชคดี พร้อมส่งภาพกระเป๋าและหมวกกันน็อก ทิ้งท้ายเขากับลูกไปก่อนนะ
น.ส.อิง บอกว่า ตนคบหากับนายเบิร์ดมา 4 ปี ยอมรับลูกสาวคนแรกไม่ใช่ลูกนายเบิร์ด แต่นายเบิร์ดรับและเลี้ยงดูเอง ต่อมามีลูกชายด้วยกัน แต่ตนก็เริ่มถูกทำร้ายตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง ลูกสาวก็ถูกทุบตี เป็นภาพบาดใจมาก ๆ ได้แค่ทนอยู่เพื่อปกป้องลูก ถึงแม้นายเบิร์ด ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่เป็นเพราะนายเบิร์ดเป็นคนอารมณ์ร้อน ไม่ได้ดั่งใจก็ทำร้ายตนกับลูก ตนจึงเลิกรา
ซึ่งวันที่เลิกราตนก็ขอเลิกดี ๆ ว่าตนก็ต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง พร้อมจะเอาลูกไป แต่ฝ่ายชายยืนยันว่าไม่ให้ลูก บอกตนว่าถ้ามึงอยากไปก็ไปตัวเปล่า ลูกเป็นของกู พร้อมไปลงบันทึกประจำวันว่าจะดูลูกเอง แต่สุดท้ายเอาลูกมาขู่ตลอด กีดกันไม่ให้ตนเจอลูก ตนก็ได้แต่ไปหาเงียบ ๆ ส่งของไปให้เงียบ
จากนั้น นายเบิร์ดกลับมาพูดจาดีกับตนตอนลูก 2 คนติดโควิด-19 เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา โดยพยายามขอคืนดี ขอให้ตนกลับไปอยู่ด้วย ตนก็วางใจเพราะเห็นว่าพูดดี เหมือนคิดได้ ตนก็ได้เจอลูกด้วย แต่มาวันนี้นายเบิร์ดคิดไม่ได้เลย เพราะทำร้ายลูก ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะเป็นวันเกิดลูก เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 65 ไปกินข้าวเป่าเค้กกัน แถมช่วยนายเบิร์ดซ่อมฝ้าที่บ้าน ไม่มีท่าทีจะทำร้ายลูก และตนบอกตั้งแต่ต้นว่าวันที่ 10 ก.ค. 65 ตนก็ต้องกลับ แต่นายเบิร์ดทำตนตกรถตู้ ตนโมโหจึงด่านายเบิร์ดว่า "เลิกมายุ่งกับกูเสียที พออย่ามาวุ่นวาย" ซึ่งนายเบิร์ดก็บอกว่าให้ตนไปเอาลูกกลับ จากนั้นตนได้รถตู้เสริมจึงรีบกลับขึ้นรถตอน 15.00 น. หลังจากนั้นเวลาประมาณ 15.21 น. นายเบิร์ดก็ส่งคลิปทำร้ายลูก เตะหน้าลูกมา ตนรับไม่ได้
จากนั้นในช่วงบ่ายตำรวจชุดติดตามไปรับตัวเด็กทั้ง 2 คน ออกมาจากบ้านญาตินายเบิร์ด ในพื้นที่ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ ซึ่งนายเบิร์ด นำไปฝากไว้ก่อนจะหลบหนีไป โดยทันทีที่เด็กทั้ง 2 คนมาถึงโรงพัก นางรัชนีซึ่งคือยายของเด็กทั้ง 2 คนเดินทางมาเฝ้ารอหลานทั้ง 2 เมื่อพบทั้งคู่ ก็ได้เรียกชื่อโดยหลานสาว คาดว่าสนิทกับยายวิ่งเข้ากอดนางรัชนี ทันทีที่พบหน้ากัน ก่อนพาเด็ก ๆ เข้าไปพบทีมแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพ มีเจ้าหน้าที่ปลัดอำเภอพระแสงและ สำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ จ.สุราษฎร์ธานี ใช้เวลากว่า 1 ชม.
นางอุไร แม่นายเบิร์ด ย่าของเด็ก เปิดใจว่า ลูกสะใภ้ไปมีผัวใหม่ ทิ้งลูกไว้ให้ตนเลี้ยง 1 ปีเต็ม ก่อนหน้าลูกชายคบสะใภ้ ยังช่วยเลี้ยงลูกให้นานกว่า 3 ปี ไม่เคยทิ้งหลานเลย มีแต่แม่เด็กเท่านั้นที่ทิ้งลูก แม้แต่วันที่ลูกไม่สบายเข้าโรงพยาบาล ก็ยังไม่มาหา บ้างครั้งมาก็แค่ผ่าน ๆ
ส่วนเหตุเกิดขึ้นนั้น ลูกชายกับสะใภ้ยัวไปมาหาสู่คบหากันปกติ แต่สะใภ้มีคนอื่น พอลูกชายจับได้ก็อ้างว่าเลิกแล้ว และไปทำงานก็ไปอยู่กับชายอื่น ให้ความหวังว่าจะกลับมาอยู่แบบครอบครัว ที่ผ่านมาลูกชายตนก็กดดันเลี้ยงลูกอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนตนดูแลหลานหาเงินให้หลาน กลัวหลานจะอด ตนก็มองว่าเป็นเรื่องครอบครัว กระทั่งวันเกิดเหตุลูกชายตนประสบอุบัติเหตุจึงจะไปเยี่ยมที่ อ.ดอนสัก เห็นสะใภ้กลับมาจึงไหว้วานให้ดูลูกต่ออีก 2 วัน แต่สะใภ้ยืนยันว่าจะต้องกลับ ก่อนหายออกไปจากบ้านทิ้งลูกไว้ ทันทีที่ตนกลับมาตนไม่เห็นหลานและไม่เห็นลูกชายแล้ว จึงโทรหาลูกชายว่าอยู่ที่ไหน ลูกบอกว่า "พาเด็ก ๆ ขี่ จยย.มาตามหาแม่มันที่ตลาดเกษตรในตัวเมือง" ตนห่วงหลานจึงขี่รถตามไปก็เห็นนาทีชายคนใหท่ของสะใภ้กำลังวิ่งไล่ฟันสะใภ้อยู่ ตนรีบรับหลานกลับมาก่อน ไม่รู้ทั้งคู่เคลียร์กันอย่างไร
ที่ผ่านมายอมรับว่าลูกมีการถ่ายรูปไปขู่เมียบ้าง แต่ไม่เคยทำร้ายลูก หรือจะบอกว่าลูกชายตนไม่ได้รักลูกเลยก็ไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมามีแต่ฝ่ายชายเลี้ยงลูก ฝ่ายหญิงแม้แต่ผ้าอ้อมก็ไม่เคยซัก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูกชายตนประชดเรียกร้องเพื่อให้เมียกลับมาดูแลลูกบ้าง พร้อมตั้งคำถามว่า "คนเราอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่เมียไปมีคนอื่นจะมีความรู้สึกอย่างไร" ขณะที่ผัวก็ยอมทุกอย่าง อย่างไรก็ตามยอมรับผิดที่ลูกทำร้ายร่างกายหลาน แต่ถ้าคุยยอมกันได้ก็ขอให้ยอมตกลงจบด้วยดี เพราะสงสารหลาน แต่ถ้าไม่ยอมตนก็จะแจ้งความผัวใหม่ของสะใภ้ที่ไล่ฟันลูกชายตนด้วย
นายอภินันท์ หรือ เบิร์ด อายุ 33 ปี พ่อเด็ก ให้การกับตำรวจเกือบ 1 ชม. ก่อนออกมาเปิดเผยว่า ขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป ส่วนสาเหตุมาจากอะไรตนขอไม่เอ่ยถึง เป็นเรื่องยากที่จะพูด ส่วนเรื่องลูกให้เป็นไปตามกระบวนการ ตนก็ขอไปเยี่ยมลูกบ้าง ส่วนนเรื่องคดีก็รอตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา
ส่วนเรื่องแผลที่ปาก ข้อเท็จจริง ไม่ได้เกิดจากตน แต่เกิดจากสองพี่น้องเล่นกันเมื่อเช้า และวิ่งชนกัน ส่วนที่ตนถีบลูกทั้ง 2 คน แต่ทำประชด ไม่ได้มีบาดแผลอะไร สำหรับตนกับแม่ของเด็ก ยืนยันว่าจบกันไปนานแล้วกว่า 1 ปี ตอนนี้ไม่มีอะไรต่อกันแล้ว
ขณะที่ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้คุยกับนายเบิร์ด บอกว่า จากการพูดคุยกับนายเบิร์ดดูภายนอกเป็นคนกวน ๆ แต่นิสัยจริง ๆ ที่คุยกันนายเบิร์ดรู้สึกผิด ตนก็เข้าใจได้ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการทำผิดต้องรับโทษ ฝากเรื่องของนายเบิร์ดเป็นเคสตัวอย่างที่วันนี้ลูกมีแผลในใจ และยังไม่ได้อยู่ใกล้ลูกอีก เบื้องต้น พนักงานสอบสวนเตรียมแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย
Advertisement