เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 65 เวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว ได้เข้าตรวจสอบเหตุ นายสามพราน วรรณพรุห์ หรือ ตั้ม อายุ 34 ปี อาชีพช่างตัดผม ถูกแทงบริเวณสีข้างซ้าย 2 จุด และกลางหลัง 1 จุด เสียชีวิต ภายในซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง 13 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ โดยใกล้ศพพบมีดทำครัวยาว 5 นิ้ว 1 เล่มตกอยู่
ซึ่งที่มาที่ไปของเหตุการณ์ ผู้ตายไม่ได้มีปัญหาอะไรกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ แต่ผู้ตายเข้าไปพูดห้ามปราบกลุ่มวัยรุ่นที่เถียงกัน จึงถูกกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวแทง
วันที่ 8 ก.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าปากซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง 13 บันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ เวลา 20.52 น. กลุ่มผู้ตายนั่งสั่งสรรค์ผู้คุยกันอยู่ที่บริเวณที่เกิดเหตุ โดยผู้ตายนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่ จากนั้นในเวลา 20.55 น. นายเมฆ หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุ ก็ได้ขับรถจักรยานยนต์มาจอดทในที่เกิดเหตุ พร้อมเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มของผู้ตาย
ต่อมาเวลา 20.57 น. นายโอปอ มือมีด และนายก๊อต มือปาขวดก็ได้เดินออกมาจากซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง 13 และเดินเข้าไปในกลุ่มของผู้ตาย จากนั้นนายโอปอก็ได้ถือมีดวิ่งเข้าไปแทงผู้ตาย ซึ่งเสียงร้องของคนในเหตุการณ์หวีดร้องด้วยความตกใจ จนในเวลา 20.58 น. นายโอปอและนายก๊อตก็ได้เดินกลับเข้าไปในซอย
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พบคราบเลือดเปื้อนพื้นอยู่เล็กน้อย เนื่องจากชาวบ้านได้ช่วยกันล้างออกไปแล้ว ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวดม วัฒนธรรม หรือ นก อายุ 49 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ บอกว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 20.40 น. ตนนั่งร่วมวงกินข้าวอยู่กับสามี น้องสาว และผู้ตายนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่ จู่ ๆ นายเมฆ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นน้องชายของนายโอปอ อายุ 24 ปี มือแทง ก็ได้ขับรถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้านของลูกชิ้นทอดของตนในสภาพมึนเมา พร้อมถามตนว่า "ร้านปิดกี่โมง" ตนจึงได้ตอบไปว่า "ลูกค้าหมดก็ปิด"
จากนั้นนายเมฆก็ได้ถามต่อว่า "มีเมล็ดกัญชาสัก 10 เมล็ดไหม จะเอาไปเพาะพันธ์" แต่ตนไม่มี จึงตอบปัดไป ต่อจากนั้น นายเมฆในสภาพมึนเมาก็ได้พูดกับสามีของตนว่า "พี่มีปัญหาอะไรให้คุยกับผมตรง ๆ ไม่ต้องไปฟังจากคนอื่น มีอะไรพี่ถามผมนะ" ซึ่งตนก็ยังสงสัยว่านายเมฆเมาแล้วพูดอะไร จากนั้นนายเมฆก็บ่นว่าร้อนจัง แล้วเตรียมที่จะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน
ขณะนั้น นายโอปอ อายุ 24 ปี ถือมือมาในมือ และนายก๊อต อายุ 20 ปี ลูกพี่ลูกน้อง ทั้งคู่ไม่สวมเสื้อ ก็ได้เดินออกมาจากภายซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง 13 แยก 1 นายเมฆก็ได้หันไปบอกว่า "มาทำไม มาทำอะไร ปัญหามันจบไปตั้งนาน" โดยผู้ตาย ซึ่งนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่ ก็ได้หันไปถามนายโอปอกับนายเมฆว่า "พวกมึงมีปัญหาอะไรกัน" เนื่องจากผู้ตายคิดว่าทั้งสองคนทะเลาะกัน จากนั้นนายโอปอก็ได้ปรี่เข้ามาล็อกคอผู้ตาย กระชากลงมาจากรถจักรยานยนต์ แล้วแทงสีข้างขวา-ซ้าย ก่อนที่ผู้ตายจะล้มคว่ำคลานหนี
ตนได้แต่ตะโกนไปว่า "จะทำมาทำกูนี่" ซึ่งขณะเดียวกัน นายเมฆก็ได้เข้ามาห้ามนายโอปอ แต่นายโอปอไม่ฟัง ปรี่เข้าไปแทงผู้ตายซ้ำที่หน้าท้อง ส่วนนายก๊อตก็ไปคว้าขวดในที่เกิดเหตุ ปาใส่ผู้ตาย แต่ไม่โดน ซึ่งผู้ตายก็ร้องออกมาว่า “ช่วยผมด้วย ผมเจ็บ” จากนั้นนายโอปอ นายก๊อต ก็ได้กระโดดขึ้นรถจักรยานยนต์ของนายเมฆ แล้วทั้ง 3 คน ก็หลบหนีไป ตนรีบวิ่งไปช่วยเหลือผู้ตาย ซึ่งพยายามคลานหนี ประคองผู้ตายให้นั่ง ถอดเสื้อของผู้ตายออกนำมาอุดรูแผล โดยผู้ตายพูดว่า “ผมเจ็บปอด มันแทงเข้าปอดผม โทรตามแฟนผมให้หน่อย” ก่อนที่ผู้ตายจะปัสสาวะราดออกมา หมดสติแล้วสิ้นใจไป
ตนไม่มีลางมาก่อน แต่ในวันที่ 6 ก.ค. ผู้ตายได้ขวนตนไปทำบุญที่วัดบางชัน ผู้ตายก็พูดขึ้นว่า “เดี๋ยวงานศพมาจัดตรงนี้ แล้วพุทธจุดธูปกี่ดอกตอนไหว้คนตายนะ แล้วอิสลามจุดกี่ดอกนะ” ซึ่งตนก็เอะใจว่าอีกฝ่ายอยากรู้ไปทำไม ทั้งนี้ผู้ตายไม่เคยมีปัญหาอะไรกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ อีกทั้งยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เนื่องจากนายโอปอเพิ่งเดินทางมาในพื้นที่ได้ 5 เดือน เพราะเพิ่งออกจากคุกในคดียาเสพติดที่ จ.อุบลราชธานี แต่ตนกับผู้ตายรู้จักกับนายเมฆ เนื่องจากนายเมฆเคยมาซื้อของที่ร้านขายของชำของตน อีกทั้งก่อนหน้านี้ 1 เดือน นายเมฆยังเคยมึนเมาแล้วขับรถจักรยานยนต์ผ่านหน้าร้านของตน ก่อนจะตะโกนว่า "ควาย" พร้อมชูนิ้วกลาง ทำให้เมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้ตายเดินทางไปพูดคุยกับนายเมฆที่ห้องเช่าว่าอย่าทำตัวเช่นนี้ แต่ไม่ได้มีปากเสียงอะไรกัน ตนอยากวอนขอเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งจำคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะเป็นเหตุอุกอาจ
นางสาวฟ้า อายุ 34 ปี ภรรยาของผู้ตาย บอกว่า ในวันเกิดเหตุ เวลา 17.30 น. ตนได้ขับรถเก๋งมาที่ร้านตัดผม เพื่อจะขอยืมรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปธุระ เนื่องจากรถติด แต่สามีกำลังตัดผมให้ลูกค้าอยู่ สามีได้พูดว่า “เกะกะวุ่นวาย” ทำให้ตนรู้สึกโกรธ ตนนำรถจักรยานยนต์มาคืนสามีในเวลา 18.00 น. แต่ตนไม่พูดกับสามีเลย จนกระทั่งมารู้ว่าสามีถูกแทง
โดยในช่วงเกิดเหตุ ตนกำลังอาบน้ำอยู่ที่บ้าน จนมีคนมาแจ้งตนว่าสามีถูกแทง ตนจึงรีบเดินทางมายังที่เกิดเหตุ แต่ไม่ทัน เนื่องจากสามีสิ้นลมไปก่อน ตนทราบจากชาวบ้านในที่เกิดเหตุว่า สามีเรียกหาตน “เรียกฟ้าให้หน่อย ๆ“ แต่ตนก็มาดูใจสามีไม่ทัน อีกทั้งครั้งสุดท้ายที่คนตนพูดคุยกับสามี ก็เป็นภาพจำที่ไม่ค่อยดี ทำให้ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ตนไม่รู้จักกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน โดยตนก็อยากจะทราบเหตุผลว่าทำทำไม
ขณะนี้ สามีของตนยังคงมีห่วงอยู่ เพราะพ่อแม่ชราอาศัยอยู่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งพี่ชายของสามีก็เพิ่งเสียชีวิตไป ทำให้ขณะนี้ไม่เหลือใครที่จะดูแลพ่อแม่แล้ว โดยตนขอรับปากสามีว่าจะช่วยดูแลพ่อแม่ให้ ไม่ต้องห่วง สุดท้ายตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว อยากให้อีกฝ่ายมาขอขมาศพ
ล่าสุดในช่วงเย็นที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.คันนายาว ได้ทำการรวบ 3 วัยรุ่น กลุ่มผู้ก่อเหตุได้สำเร็จ ที่คอนโดมิเนียม ย่านวงศ์สว่าง ซึ่งเป็นของแฟนสาวของนายโอปอ
โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง 2 ข้อหา ก่อนส่งตัวฝากขังพรุ่งนี้ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ข้อหา 1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่น 2.พกพาอาวุธมีดไปในเมืองทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร
นายสัก อายุ 64 ปี และนางป้อม อายุ 50 ปี พ่อและแม่ของมือแทง เปิดใจว่า เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา นายเมฆในสภาพมึนเมา ได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับชาวบ้าน จนถูกฟันแขนได้รับบาดเจ็บ กระทั่งเมื่อเดือนก่อน นายเมฆได้ชูนิ้วกลาง พร้อมพูดว่า “ควาย” ในบริเวณที่เกิดเหตุ เพราะเครียดจากเหตุที่เกิดขึ้น แต่ขณะนั้นมีผู้ตายนั่งอยู่
จนสัปดาห์ก่อน ผู้ตายกับพวกก็ได้เดินทางมาหานายเมฆที่ห้องเช่า เพื่อเคลียร์ใจกับนายเมฆ ซึ่งขณะนั้น นายโอปอก็อยู่ในเหตุการณ์ ตนจึงคิดว่าพี่ชายนายโอปอ น่าจะแค้นแทนน้องชาย นายเมฆ แล้วตัดสินใจก่อเหตุด้วยความมึนเมา หลังจากก่อเหตุ ลูกชายทั้งสองคนและนายก๊อต หลานชาย ก็ได้ซ้อนรถจักรยานยนต์มาที่บ้าน หยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ ก่อนจะหลบหนีไป โดยตนก็ยังคงงงว่าเกิดอะไรขึ้น กระทั่งชาวบ้านมาแจ้งว่าลูกชายของตนแทงคนตาย ตนรู้สึกตกใจมาก ส่วนภรรยาของตนก็เป็นลม ไม่ยอมกินอาหาร ทั้งนี้ตนอยากฝากไปถึงลูกว่าให้มามอบตัว ติดคุกก็ยังดีกว่าหนี
Advertisement