จากกรณี นางกุหลาบ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี เเม่ของผู้เสียหาย ได้ร้องเรียนไปยังเพจสายไหมต้องรอด กรณีที่น้องนุ่ม (นามสมมติ) ลูกสาววัย 15 ปี ถูกนายบัว (นามสมมติ) พ่อเเท้ ๆ อายุ 38 ปี ข่มขืนนาน 8 ปี อีกทั้งยังบังคับให้ลูกสาวเรียกตัวเองว่า "ผัว" ด้วยนั้น
วันที่ 7 ก.ค. 65 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดพร้อมทีมงาน พร้อมนางกุหลาบ (นามสมมติ) เเม่ผู้เสียหาย รวมถึงลูกชายอีก 2 คน อายุ 11 ปี กับ 4 ปี ได้เดินทางจาก กทม. ตั้งเเต่เมื่อวานนี้จนกระทั่งเวลา 09.30 น. ได้เดินทางมาถึงที่ สภ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
เวลา 10.00 น. นายเอกภพได้พาเเม่ของผู้เสียหาย และลูกสาว คือน้องนุ่ม (นามสมมติ) เเละลูกชาย 2 คน เข้าพบ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ ศรีบุตตะ ผกก.สภ.พิบูลมังสาหาร เเละนายชนันนัทธ์ ธนภัทร์จิระโชติ หัวหน้าบ้านพักเด็กเเละครอบครัว จังหวัดอุบลราชธานี ที่ห้องประชุม ศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) ชั้น 2 เพื่อดำเนินการเเจ้งความเอาผิดกับนายบัว โดยมีการสอบปากคำเด็กเเละเเม่ พร้อมกับนักจิตวิทยาเเละสหวิชาชีพ ทั้งนี้ ลูกชายคนโต ถือว่าเป็นพยานในคดีนี้ เนื่องจากเด็กชายเห็นพฤติกรรมของผู้เป็นพ่อที่กระทำต่อพี่สาว
จากข้อมูลทราบว่า นางกุหลาบ (นามสมมติ) กับนายบัว (นามสมมติ) แต่งงานมีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกสาวอายุ 15 ปี และ ลูกชาย อายุ 11 ปี ก่อนจะแยกทางกับนายบัวตั้งแต่ลูกสาว อายุ 6 ขวบ เมื่อปี 2556 ประมาณ 9 ปีก่อน โดยนางกุหลาบนำลูกทั้ง 2 คน ไปให้พ่อกับแม่ ซึ่งเป็นตากับยายของเด็กเลี้ยง ส่วนตัวเองมาทำงานที่กรุงเทพฯ
ต่อมานายบัวได้ไปหา พ่อกับแม่ตนและขอรับลูกสาวไปเลี้ยงเอง ตั้งแต่ลูกสาวอายุ 7 ขวบ ปี 2557 โดยไม่นำลูกชายไปเลี้ยงด้วย ตลอดเวลาที่ลูกสาวอยู่กับนายบัว นางกุหลาบจะส่งเงินให้ลูกสาวตลอด บางครั้งลูกสาวก็จะโทรศัพท์มาขอเงินกับตา โดยตาจะขับรถพาลูกชาย เอาขนมและกับข้าวไปให้ลูกสาว ที่ห้องเช่าของนายบัว อยู่ห่างจากบ้านของตาไปประมาณ 5 กิโลเมตรเป็นประจำ ตลอดเวลานางกุหลาบจะคุยไลน์กับลูกสาว คอยถามเรื่องการเรียนตลอด ลูกก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง
กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 6 ก.ค.65 ที่ผ่านมา นางกุหลาบทักไลน์ไปคุยกับลูกตามปกติ แต่ลูกกลับตอบมาว่า "หนูไม่ไหวแล้วแม่ หนูไม่ไหวแล้ว" นางกุหลาบจึงค่อย ๆ ถามลูกว่า "เกิดอะไรขึ้น เล่าให้แม่ฟัง เดี๋ยวแม่จะช่วย" ลูกจึงยอมบอกว่าถูกนายบัว พ่อแท้ ๆ ข่มขืนกระทำชำเราตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จนถึงปัจจุบัน และเริ่มมีพฤติกรรมหนักขึ้นเรื่อย ๆ บางวันห้ามไม่ให้ลูกสาวไปโรงเรียนเพื่อที่จะข่มขืน เวลาลูกสาวไปเรียนหนังสือกลับบ้านช้าเพียง 5 นาที จะถูกนายบัวตบตี เพราะความหึงหวง
นางกุหลาบ จึงถามว่า "ทำไมถึงไม่บอกแม่ตั้งแต่แรก" ลูกสาวตอบว่า ถูกพ่อขู่ว่า "หากไปบอกใครจะฆ่าให้ตาย และไม่มีใครมาช่วยได้เนื่องจากเป็นเรื่องผัวเมีย" ลูกจึงกลัวไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง ซ้ำยังบังคับให้ลูกสาวเรียกตัวเองว่า "ผัว" ห้ามเรียกว่า "พ่อ"
หลังลูกสาวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด นางกุหลาบจึงได้เรียกลูกชายวัย 11 ปี มาสอบถามว่าระหว่างที่ไปนอนห้องเช่ากับพ่อ เคยเห็นพ่อทำอะไรพี่สาวหรือไม่ ปรากฏว่าลูกชายบอกว่า "เห็นตลอด เห็นประจำ" โดยนายบัวจะข่มขืนลูกสาวต่อหน้าลูกชาย โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และจะข่มขู่ห้ามไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด ลูกชายยังเล่าอีกว่าเคยเห็นพี่สาวถูกตบตีจนเลือดกลบปาก จึงหวาดกลัวไม่กล้าพูดให้ใครฟัง หลังจากนางกุหลาบทราบเรื่องทั้งหมด จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือมายังเพจสายไหมต้องรอด เเละโทรศัพท์สายตรงไปยังนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ หลังจากทราบเรื่อง เเม่เเจ้งว่าจะมาหาลูกที่ จ.อุบลฯ ในวันเสาร์ เเต่ตนมองว่าเรื่องนี้รอไม่ได้ หากเราปล่อยเวลาผ่านไป 1 วัน เท่ากับเราต้องปล่อยให้เหยื่อเสี่ยงที่จะถูก พ่อเเท้ ๆ หรือ เดนมนุษย์ข่มขืนไปอีก 24 ชั่วโมง ตนจึงตัดสินใจ สั่งให้ทีมงานลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ทันที ได้ประสาน สจ.จ.อุบลราชธานี เเละประสานไปยัง พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ ศรีบุตตะ ผกก.สภ.พิบูลมังสาหาร เพื่อพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีในวันนี้ รวมถึง
ประสานนางแรมรุ่ง วรวัธ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอให้ส่งนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา ร่วมลงพื้นที่ในสอบปากคำเด็กในครั้งนี้ด้วย
ซึ่งเชื่อว่าหลังจากสอบปากคำเด็กเรียบร้อยเเล้ว ก็จะพาเด็กไปสอบปากคำต่อกับสหวิชาชีพ มีพนักงานอัยการเเละนักสังคมสงเคราะห์ร่วมด้วย เเละเชื่อว่าภายในวันนี้ ตำรวจน่าจะขอศาลออกหมายจับได้ การช่วยเหลือหลังจากนี้ เเม่เด็กประสงค์อยากจะรับลูกสาวไปอยู่ด้วยที่ กทม. ส่วนทางนี้ก็จะประสานงานกับโรงเรียนต้นสังกัด ขอโอนย้ายน้องไปเรียนที่อื่นต่อไป จากนั้น ตนจะประสานไปยังว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อพาผู้เสียหายเข้าพบ เพื่อรับการเยียวยาในฐานะผู้เสียหายในคดีอาญา จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม
สุดท้ายตนอยากจะฝากถึงน้องทั้งผู้หญิงเเละผู้ชายที่ดูอมรินทร์ทีวีอยู่ในเวลานี้ หากพบเห็นพฤติกรรมเช่นนี้ อย่าได้อาย หรือหวาดกลัว เพราะหากอายเเละหวาดกลัว ก็จะตกเป็นเหยื่อ ของคนแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นพ่อเเท้ พ่อเลี้ยง หรือใครก็ตาม คนพวกนี้จะอาศัย ความหวาดกลัว ใช้การข่มขู่เด็ก เเละจะทำแบบนี่ไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นเด็ก ๆ ไม่ต้องกลัว ต้องกล้าพูดความจริง ให้คนเหล่านี้ถูกดำเนินคดี คนพวกนี้ควรอยู่ในคุก ไม่ใช่มาเดินเหินอยู่บนถนน
จากนั้นตำรวจได้เชิญตัวนายบัว (นามสมมติ) อายุ 38 ปี พ่อเเท้ ๆ มาให้ปากคำ เบื้องต้นนายบัวไม่ยอมรับ จากการสอบปากคำตั้งเเต่ 12.00 -14.15 น. นายบัวก็รับสารภาพว่าทำ แต่ทำแค่ครั้งเดียว เบื้องต้น จากการตรวจสอบ ไม่พบประวัติอาชญากรรม ไม่มีประวัติเสพยาเสพติด ตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด เตรียมขอศาลออกหมายจับนายบัว ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กที่มีอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งเป็นผู้สืบสันดาน
นางอร (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ป้าของผู้เสียหาย เปิดว่า นายบัวเเละนางกุหลาบได้คบกันมานานเเล้ว เเละมีลูกด้วยกัน 2 คน โดยตอนเเรกทั้งคู่มีลูกสาวก่อน ให้ตากับยายเลี้ยง พ่อกับเเม่ก็กลับไปทำงานที่ กทม. จนกระทั่งมีลูกชายอีกคน ทั้งคู่จึงได้ย้ายกลับมาอยู่บ้านพ่อตาเเม่ยายที่ จ.อุบลฯ โดยพฤติกรรมตอนนั้น พ่อก็ดูรักลูกดีตามปกติ ลูกสาวก็ดูติดพ่อมาก
กระทั่งหลานสาวอายุได้ 6-7 ขวบ พ่อกับเเม่ก็เลิกรากัน เนื่องจากน้องสาวต้องไปทำงานที่ กทม. เเละมีแฟนใหม่ ส่วนนายบัว จนป่านนี้ก็ยังไม่มีภรรยาใหม่ จากนั้นพฤติกรรมของนายบัวก็เปลี่ยนไป เริ่มติดเหล้าเมาทุกวัน อาละวาด ดูคล้ายกับคนโรคจิต ตนไม่ทราบว่ามีการเสพยาหรือไม่ เเต่นายบัวก็ยังอยู่ที่บ้านพ่อตาอยู่ ทำงานบ้างไม่ทำบ้าง
ส่วนพฤติกรรมที่อยู่กับลูกสาวก็แปลกไป เวลานอนก็จะชอบเอาลูกสาวไปนอนด้วยใกล้ ๆ เเต่ลูกชายจะไม่ค่อยสนใจ อีกทั้งยังชอบเอาเบียร์เข้าไปดื่มในห้องนอนอีกด้วย ตนเองก็เริ่มเอะใจตั้งเเต่ตอนนั้น ว่านายบัวแปลก ๆ เพราะพ่อก็ไม่น่าจะติดลูกสาวขนาดนี้ พฤติกรรมไม่เหมือนพ่อรักลูกตามปกติทั่วไป ตากับยายก็กลุ้มใจ เเต่พวกตนทำอะไรไม่ได้ เพราะนายบัวเคยขู่ไว้ว่าจะฆ่าทิ้ง ตนพยายามบอกน้องสาวให้พาลูกสาวไปอยู่ด้วยเเล้ว เพราะเริ่มกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากว่านายบัวเมาก็อาละวาด เเละเคยพูดกับลูกสาวว่า "กูจะฆ่าตากับยายมึง" ส่วนเด็กผู้ชายก็ถูกพ่อใช้ฝ่ามือตบหัว หรือทุบตีประจำ ส่วนผู้หญิงก็ถูกตีเช่นกัน
จนช่วงที่เด็กหญิงอยู่ชั้น ป.4 นายบัวก็ทะเลาะกับน้องชายของตน เเละถูกไล่ให้ออกจากบ้านไป เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัยของคนในครอบครัว จากนั้นนายบัวก็ออกจากบ้านตากับยายเเละไปอยู่บ้านเช่า พร้อมกับลูกสาวเเละลูกชาย เเต่สักพัก ก็เอาลูกชายกลับมาคืนที่บ้าน เลี้ยงเเต่ลูกสาว อีกทั้งตัวเด็กชายเองก็ไม่อยากจะกลับไปอยู่ที่บ้านนั้นเเล้ว เเต่ตอนนั้นไม่มีใครทราบว่าเพราะสาเหตุใด กลายเป็นว่า เด็กหญิงต้องอยู่กับพ่อตามลำพัง 2 คนมาตลอด
ตนเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ เเต่เพราะความยากจน ไม่รู้จะต้องดำเนินการช่วยหลานอย่างไรในตอนนั้น จนตอนนี้สามารถจับตัวได้เเล้ว ก็รู้สึกโล่งใจเเละดีใจ เเต่ก็มีความกังวลอยู่ เพราะนายบัวน่าจะรู้เเล้วว่าใครเเจ้งจับ กลัวว่าหากออกมาได้ จะทำตามที่เคยขู่ไว้ อยากจะให้นายบัวติดคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิตไปเลย
Advertisement