จากกรณีคุณแม่ท่าน ที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ร้องสื่อว่าลูกชายเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชา จนได้รับบาดเจ็บ ปากกาแทงที่ตา วันที่เกิดเหตุได้ไปบอกคุณครู แต่ครูกับเพิกเฉย ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมา 6 วัน จนน้องเปลี่ยนหอนอน แล้วพบกับพี่ชาย พี่ชายจึงพาไปบอกครูอีกคน ครูจึงพาส่งโรงพยาบาล ปรากฏว่าตาข้างขวามองไม่เห็นแล้ว
ล่าสุด วันที่ 25 มิ.ย. 65 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังโรงพยาบาลทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช คุณแม่ของผู้เสียหายชื่อ ธนัชพร รักการ อนุญาตให้ทีมข่าวขึ้นไปคุยกับน้องในห้องพิเศษ เพราะอยากให้เห็นอาการน้อง
น้องเอ (นามสมมติ) อายุ 7 ปี เล่าให้แม่ฟังว่า เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 65 นั่งเล่นกับเพื่อนอยู่ มีเพื่อนคนหนึ่งเล่นโยนปากกา โดยโยนจากด้านหลังมา ปักเข้าที่ตาแล้วปากกาก็ตกพื้น โดยเพื่อนคนนั้นก็วิ่งมาขอโทษ บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ
ตอนนั้นก็รู้สึกเจ็บ จึงมีเพื่อนอีกคนหนึ่งไปบอกครูผู้ชายที่ดูแลนักเรียนในช่วง เวลานั้นเจ็บตา คุณครูก็ดูที่ตา แล้วบอกว่าไม่มีอะไร ทั้งที่ตอนนั้นเริ่มเจ็บตาเคืองตา และมีฝ้า มองไม่ค่อยเห็น
หลังจากนั้นก็ผ่านมาประมาณ 6 วัน วันที่ 22 มิ.ย. 65 เป็นวันที่ตนต้องเปลี่ยนชั้นนอน เพราะเป็นโรงเรียนประจำ ต้องไปอยู่กับคุณครูผู้ดูแลอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้หญิง และได้พบพี่ชายของตัวเอง จึงบอกพี่ชายของตัวเองว่าเจ็บตา พี่ชายของตนจึงพาน้องมาบอกคุณครูผู้หญิง คุณครูผู้หญิงจึงได้เอาไปฉายส่องที่ดวงตา แล้วพบว่าดวงตามีฝ้าขาว ๆ ขึ้นคล้ายน้ำยางหล่นใส่ตา วันรุ่งขึ้นจึงพาน้องส่งโรงพยาบาลทุ่งสง ล่าสุด ก็มองไม่เห็นทีมข่าว เห็นเพียงแสงเท่านั้น
นางธนัชพร แม่ของเด็ก บอกว่า ส่วนตัวเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุ ที่เด็กจะเล่นกัน อาจมีซนทะเลาะกันบ้าง เป็นปกติธรรมดาแต่สิ่งที่แม่ติดใจก็คือวันที่น้องไปบอกครูว่าน้องเจ็บตาทำไมคุณครูไม่รีบพาน้องไปหาหมอ ปล่อยให้เวลาผ่านไป 6 วันจนน้องตาบอด หากวันนั้นคุณครูพาน้องมาหาหมอตั้งแต่แรกก็อาจจะรักษาทัน ตาอาจไม่ต้องบอด หรือถ้าครูไม่พาน้องไปหาหมอ โทร.แจ้งแม่ก็ได้แม่จะได้ไปรับที่โรงเรียน เพื่อพาลูกไปหาหมอ
ล่าสุดวันนี้คุณครูผู้ชายก็มาเยี่ยม คุณครูผู้ชายก็บอกว่าน้องไม่ได้บอกครู ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จึงไม่ได้พาน้องมาหาหมอ แต่แม่ถามน้องแล้วน้องก็บอกว่าไปบอกครูแล้ว ก็อยากให้มีการสอบสวนสืบสวนเรื่องนี้ต่อไป
ถึงอย่างไรแม่ก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะตอนนี้ลูกชายได้สูญเสียกระจกตาด้านขวา แพทย์ได้ทำการผ่าตัดเย็บซ่อมแซมบาดแผล และต้องพักฟื้นอีก 1 เดือน ก่อนที่จะใส่ตาเทียม แต่ถึงอย่างไรน้องก็ไม่สามารถมองเห็นเป็นปกติได้แล้ว
นายสมศักดิ์ รัตนบุรี ผู้อำนวยการโรงเรียน ชี้แจงกับทีมข่าวว่า ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วพ บว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 18 มิ.ย. 65 ช่วงเวลากลางวัน เป็นช่วง relax ของนักเรียน ซึ่งนักเรียนเล่นกันอยู่ใต้ถุนอาคารนอน ปรากฏว่าน้องเอ ผู้บาดเจ็บ นั่งเล่นอยู่กับเพื่อน ๆ ส่วนน้องบีที่เล่นปากกาก็กำลังวิ่งเล่นอยู่กับเพื่อน โดยน้องบีได้โยนปากกาในลักษณะหันหลังให้กับน้องเอ แล้วปากกาดันไปถูกที่บริเวณตาขวาของน้องเอที่กำลังนั่งเล่นอยู่ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ยืนยันว่าน้องบีไม่ได้ตั้งใจแทงเพื่อน แต่เป็นอุบัติเหตุ
จากการสอบถามครูที่ดูแลน้องเอในช่วงวันดังกล่าว ก็บอกว่าไม่ทราบเรื่องใด ๆ เลย และน้องเอก็ไม่ได้มาบอกว่าเจ็บตา จนวันที่ 22 มิ.ย. 65 ช่วงตอนกลางคืน น้องเอได้มาบอกกับครูประจำชั้นซึ่งเป็นผู้หญิงและดูแลหอนอนในคืนนั้น บอกว่าเจ็บปวดตา ครูจึงได้ใช้ไฟฉาย 2 ดวง ส่องดวงตา ก็พบว่ามีอาการบวมแดง และเห็นคล้ายเหมือนมีฝ้าที่ดวงตา วันรุ่งขึ้นจึงพาไปโรงพยาบาล ในวันที่ 23 มิ.ย. 65
เบื้องต้นทางโรงเรียนได้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีการไปเยี่ยมดูนักเรียนพูดคุยกับครอบครัว ให้การช่วยเหลือในทุกด้าน โดยทางโรงเรียนก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก หากนักเรียนต้องเสียดวงตา หลังจากนี้ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวกับครูผู้ชายที่ดูแลนักเรียนในช่วงเวลานั้น และจะมีการสอบถามนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ หากพบว่าครูเพิกเฉยจริ ก็จะมีความผิด ทางวินัย สำหรับที่โรงเรียนประจำแห่งนี้คุณครู 1 ค นดูแลนักเรียน 40-50 คน จึงทำให้ครูอาจจะไม่สามารถดูแลนักเรียนได้อย่างทั่วถึง ทางโรงเรียนก็ขอยอมรับ
ครูอาภาพร ที่พาเด็กส่งโรงพยาบาล บอกว่า ช่วงคืนวันที่ 22 มิ.ย. เด็กชายเอได้เดินมาบอกครูว่าเจ็บตาปวดที่ตาข้างขวาตนจึงได้เอาไปฉายมาส่องดู ปรากฏว่าตาของเด็กชายเอมีฝ้าขาว ๆ เหมือนถูกน้ำยางหล่นใส่ สอบถามว่าเจ็บปวดมากไหม ไหวอยู่หรือเปล่า โดยน้องก็บอกว่าไหว ยังทนได้ จึงบอกน้องว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะพาไปโรงพยาบาล คืนนี้ให้น้องนอนหลับก่อน เพราะช่วงเช้าก็ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่อนามัยของโรงเรียนมาตรวจดูอาการน้อง ก็พบว่ามีบาดแผลที่บริเวณดวงตา ก็ตกใจมาก จึงรีบพาส่งโรงพยาบาล
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็ได้สอบถาม คุณครูที่ดูแลนักเรียนก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นคุณครูผู้ชายก็ยืนยันว่าเด็กชายเอไม่ได้มีการไปบอกกล่าวอะไรคุณครู ซึ่งคุณครูบอกว่าไม่รู้เรื่องจริง ๆ ส่วนตัวก็เข้าใจความรู้สึกของผู้ปกครองและเข้าใจครูด้วย ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการการสอบสวนของทางผู้บริหาร ตอนนี้ก็ขอให้นักเรียนของครูไม่บาดเจ็บมาก และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
Advertisement