จากกระแสข่าวว่ามีรอยคราบเลือดของแตงโมติดที่รองเท้าของคนบนเรือ ล่าสุด บนเฟซบุ๊ก Happy melon official มีการโพสต์ภาพรอยเลือดมาอีก หลังจากกลุ่มคนบางกลุ่มบอกว่ามีหลักฐานมานานแล้วแต่ยังไม่มีการเปิดเผยความจริงนั้น
วันที่ 5 มิ.ย. 65 นายราชา ไฮเดอร์ หรือ บังแจ็ค เปิดเผยว่า ภาพที่โพสต์เป็นภาพที่กู้คือมาเป็นวิดีโอความยาวราว 40 วินาที ซึ่งภาพเหมือนว่าคนถ่ายหยิบมือถือมา และเห็นว่าช่วงหนึ่งเป็นภาพเลือด ที่ติดอยู่กับอ่างอาบน้ำ โดยช่วงที่ถ่ายราว 3 ทุ่มเศษ เนื้อหาในคลิปยังมีผู้หญิงและผู้ชายคุยกัน แต่ตนยังไม่ขอพูดในรายละเอียด
สิ่งที่ตนเองโพสต์แค่อยากจะสื่อสารว่าคราบเลือดที่มีไม่ได้มีนิดเดียวตามที่มีคนพยายามแก้ตัว เพราะเวลาตนเองพูดอะไรจะมีคนพยายามมาพูดสวนตลอด ส่วนที่บอกว่าจะไม่โพสต์แล้ว ตนเองเพียงบอกว่าจะไม่โพสต์อะไรที่เสียหาย แต่เรื่องที่โต้แย้งทางคดี ตนเองจะยังโพสต์อยู่
ส่วนเรื่องอัจฉริยะ ตนเองไม่รู้ว่ามีข้อมูลคราบเลือดติดรองเท้าจริงไหม เพราะตนคิดว่าหลักฐานของอัจฉริยะไม่มีอะไรแล้ว ที่พูดก็เป็นเพียงข้อมูลที่ได้มาจากคนใกล้ชิด ซึ่งเชื่อว่า ส.ส.เต้ บอก และเอาข้อมูลมาจากตน หลักฐานตอนนี้ไม่มีอยู่จริงแล้ว
นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ รองหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิร่วมกตัญญู บอกว่า สำหรับภาพคราบเลือดที่แชร์ออกมาในเพจ Happy melon official ทางกู้ภัยขอยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุที่ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางไปถึง ไม่พบคราบเลือดบนเรือหรือคราบเลือดบนเสื้อหรือบนรองเท้าของคนบนเรืออย่างแน่นอน
ซึ่งวันเกิดเหตุ มีทั้งกู้ภัยและตำรวจรวมไปถึงชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุ หากมีคราบเลือดติดอยู่บนเรือจริง ยังไงก็ไม่รอดสายตาทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ โดยวันนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ไม่พบอะไรผิดปกติ ก็ต่างพากันไปโฟกัสและเน้นไปที่จุดตกของน้องแตงโมอย่างเดียว ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถ้ามีร่องรอยคราบเลือดหรือมีอะไรผิดปกติ ตำรวจต้องเก็บหลักฐานโดยการถ่ายรูป กลับไปอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากตำรวจไม่ได้สังเกตหรือถ่ายรูปกลับไปเพื่อเป็นหลักฐาน หรือถ้าคนบนเรือทำลายหลักฐานก่อนมาถึงตัวตำรวจ คราบเลือดในภาพก็ตรวจสอบได้อยู่ดี
ส่วนตัวเชื่อว่าภาพดังกล่าวไม่ใช่คราบเลือดของน้องแตงโม เนื่องจากหากเป็นคราบเลือดที่ออกมาจากบาดแผลที่ขาของน้องแตงโม ตอนอยู่บนเรือ คราบเลือดไม่กระเด็นไปติดแค่ในภาพอย่างแน่นอน ถ้าเป็นเรื่องจริง เลือดต้องกระเด็นนองที่พื้นบนเรืออีกหลายจุด และต่อให้ล้างคราบเลือดออก ทางนิติวิทยาศาสตร์ก็สามารถตรวจสอบได้
ด้านนายธนกฤต วงศ์สุวรรณ หรือ บอล เจ้าของอู่เก็บเรือ NBC เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า จากที่ตนได้เห็นภาพดังกล่าวไม่มีส่วนไหนคล้ายคลึงกับเรือของตน เป็นหลักฐานที่ถูกสร้างขึ้นมาเอง และเป็นหลักฐานเท็จทั้งนั้น
ซึ่งในวันที่เกิดเหตุไม่มีคราบเลือดเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งโดยปกติแล้วหากมีคราบเลือดบนเรือนั้นจริง สามารถล้างออกได้ แต่หน่วยงานพิสูจน์หลักฐานก็ต้องหาเจออย่างแน่นอน เพราะมีน้ำยาและมีการค้นหาแบบเชิงลึกอีก ซึ่งบนเรือของตนไม่มีคราบเลือดอย่างแน่นอน
ตอนนี้หลักฐานที่มีการนำมาแสดงทุกอย่างเป็นหลักฐานที่ถูกสร้างขึ้นมาทั้งนั้น เป็นเรื่องโกหกแหกตา ขึ้นอยู่กับสังคมจะปล่อยให้คนพวกนี้แสดงพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปอีกไหม ซึ่งมันน่าจะเบื่อรำคาญกันได้แล้ว ถึงเวลาที่ต้องยุติกันได้แล้ว เพราะว่าเขาเล่นเรื่องเลอะเทอะ และนอกเหนือจากประเด็นที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะทำ เพราะสังคมแตกแยกมาเยอะแล้วจากเหตุการณ์นี้
ขณะที่ล่าสุด Happy Melon official โพสต์ภาพแผนที่จากพิกัดสัญญาณโทรศัพท์ของแตงโมอีก ระบุว่า "ตามแผนที่เครื่องเครื่องไม่ได้อยู่บนเรือ 3 ชั่วโมงหายไปไหนไอ้เพื่อนรักมอลล์เป็นคนห่วงโทรศัพท์มากคำพูดของเพื่อนรักไม่ใช่หรอ"
นายราชา ไฮเดอร์ หรือ บังแจ็ค เปิดเผยว่า ประเด็นแผนที่การเดินทางของแตงโม ตนเองอยากจะบอกอีกเรื่องซึ่งมีกูเกิลแมป จะบันทึกข้อมูลการเดินทางเอาไว้ ซึ่งมีข้อมูลบอกว่าแตงโมออกจากบ้านช่วง 15.52 น. แต่มือถือของแตงโมหายไปจากเรือหลังจากที่ออกเดินทางจากร้านบ้านตานิด ช่วง 2 ทุ่มเศษ
ซึ่งข้อมูลที่กู้ได้พบว่ามือถือวนเวียนอยู่ระแวกบ้านตานิด และหายไป 3 ชั่วโมง ก่อนจะไปโผลช่วง 5 ทุ่มกว่า ที่ท่าน้ำพิบูลสงคราม ก่อนเครื่องจะถูกปิด และเปิดอีกครั้ง และปิดไป จนกระทั่งมือถือถึงมือแม่แตงโม
ซึ่งแสดงว่ามือถือแตงโมหายไปจากเรือ ต้องถามว่าหายไปไหน และตำรวจไม่มีการเปิดเครื่องเลย จนส่งคืนมือถือของแตงโม ดังนั้นตำรวจไม่ได้ตรวจมือถือแตงโมเลยหรือไม่
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ สังกัดพรรคไทยศรีวิไลย์ ระบุว่า รูปภาพดังกล่าวที่มีการโพสต์ในเฟซบุ๊ก Happy Melon Official โดยเฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นเฟซบุ๊กที่ ทางด้านบังแจ็คเป็นผู้สร้างเอาไว้ และมีการระบุว่าไอพีแอดเดรสผู้สมัครเฟซบุ๊กดังกล่าวอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนรูปภาพดังกล่าวนั้นที่มีรอยคราบเลือดตนเองมองว่าอาจจะไม่ใช่มุมในเรือ ลักษณะจากภาพที่ดูนั้นอาจจะเป็นอ่างน้ำ แล้วมีผิวคนอยู่ข้างบน แล้วสีขาวเป็นขอบและรอบเลือกที่ติดบริเวณอ่างน้ำ
ตนเองมองว่า าหากไปตรวจสอบดูรูปภาพ เวลาว่าเป็นเวลาใดนั้นว่าจะเป็นเวลา ช่วง 21.00 น. เป็นต้นไปของ วันที่ 24 ก.พ.65 หรือไม่ และต้องไปตรวจสอบเวลาในไอคลาวด์ตัวเก็บข้อมูลว่าเวลาของการถ่ายภาพเมื่อไร และสถานที่ของรูปภาพดังกล่าวเป็นที่ ไหน และเป็นภาพจริงจากมือถือของแตงโมหรือไม่ ถ้าใช่ก็อาจจะใช้เป็นพยานในชั้นศาลได้
ล่าสุดจากพี่ตนเองเช็กจีพีเอสของมือถือแตงโมแล้วเห็นว่า ช่วงเวลาหายไปประมาณ 3 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วง 20.00-01.30 น. ตนเองมองว่าอาจจะมีการปิดเครื่อง ปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือเปิดเป็นโหมดเครื่องบิน ทำให้สัญญาณขาดหายไป หรืออาจจะแบตหมด แต่ถ้าเปิดโหมดเครื่องบินสัญญาณเน็ตก็จะไม่มี ไม่สามารถส่งค่าพิกัดเวลานั้น ๆ ได้ ส่วนตัวมองว่ารูปภาพดังกล่าวนั้นถ้าหากมีคนยืนยันได้ว่าคือรูปภาพจากโทรศัพท์มือถือของน้องแตงโมจริง และยืนยันตามเวลาได้สิ่งนั้น ก็สามารถนำไปใช้กับกระบวนการทางชั้นศาลได้
โดยความคืบหน้าคดีล่าสุดนั้น ตนเองรวบรวมพยานค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว และกำลังรอให้ทีมของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ดำเนินการทางด้านการร่างคำฟ้องตรวจคำฟ้อง โดยมีผู้พิพากษาชนบท และอดีตผู้พิพากษา ร่วมกันตรวจคำฟ้อง คาดว่าระยะเวลาในการดำเนินการต่าง ๆ เสร็จสิ้น ก่อนวันที่ 23 มิ.ย.65 ก่อนที่อัยการจะนัด จากที่ตนเองทราบนั้นทางด้านอัยการจังหวัดนนทบุรีจะสั่งฟ้องเป็นไปตามที่ตำรวจภูธรภาค 1 ดำเนินการ ส่วนอัยการภาค 1 และอัยการสูงสุดได้มีหนังสืออุทธรณ์เกี่ยวกับเรื่องให้สอบเพิ่มเติมในเรื่องประเด็นคราบเลือดที่คุณแม่แตงโมได้ทำหนังสือเอาไว้
โดยวันพุธที่ 8 มิ.ย.65 คุณแม่แตงโมจะดำเนินการตามเรื่องหนังสือทั้ง 3 ส่วน ที่อัยการภาค 1 ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ในช่วงสาย และช่วงบ่ายที่อัยการสูงสุด และช่วงบ่ายกว่า ๆ จะตามเรื่องหนังสือที่อัยการ จ.นนทบุรี
ด้านเฟซบุ๊กของคุณหมอ "Tavatchai Kanchanarin" มีการทดสอบใบพัดเรือหั่นวัตถุต่าง ๆ พร้อมระบุว่า "กราบขอบพระคุณ ท่านเจ้าของบ้าน&เจ้าของเรือ และทีมงานทุกคนที่ได้ช่วยเหลือ การทดลองเรื่อง “กลไกการบาดเจ็บทุกรูปแบบ all mechanisms of injuries” ที่อาจเกิดขึ้นได้กับน้องแตงโม โดยใช้อุปกรณ์
1. boat propeller 5500 RPM, 14D17P, right rotation, stainless steel พร้อมด้วย shaft, skeg, anti-ventilation plate ซึ่งใกล้เคียงกับใบพัดเรือวัตถุพยานมากที่สุด
2. ขวดแก้วแตก, ที่เปิดขวดไวน์, มีดประจำเรือ (ในที่นี้ใช้คัตเตอร์ และ มีดยุทธวิธี) ที่ถูกทิ้งน้ำไปแล้ว
3. มีดผ่าตัด เพื่อเปรียบเทียบความคมและความลึก
ผลการทดลอง และการวิเคราะห์ ยึดหลัก
1.) อธิบายได้ด้วย “หลักการวิทยาศาสตร์”
2.) มีงานวิจัย “ระดับสากล” รองรับ
3.) ตรวจสอบได้ ไม่มีข้ออ้าง “อยู่ในสำนวน เป็นความลับ”
4.) ไม่แหกตา มีภาพนิ่ง และ “วีดีโอ” เป็นหลักฐาน
ผลการทดลองและวิเคราะห์ จะทะยอยเผยแพร่ ครับ ถ้าเชื่อก็แชร์ได้ครับ ไม่เชื่อก็แสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพและมีเหตุผล โดยใช้ร่างจริงเท่านั้น อวตารไปเล่นที่อื่น
Advertisement