รวบเขยผีพนัน ไร้สำนึกฆ่าปิดปากยายหลาน ญาติแฉเคยขู่ทำเมียหากไม่ให้มีหญิงใหม่ (คลิป)

วันที่ 3 มิ.ย. 65 ความคืบหน้าคดีฆาตกรรมยายหลาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาข่า รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย ในบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.17 ต.บ้านหวาย อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพัก 2 ชั้น สร้างไม่เสร็จ หน้าต่างและประตูบ้านยังไม่ได้มีการติดตั้ง พบร่างของนางทองคูณ ปะติโยเก อายุ 75 ปี นอนหงายอยู่บนเสื่อใส่ผ้าถุง มีร่องรอยถูกของแข็งทุบที่บริเวณหลังศีรษะ ข้างกันพบศพของนางสาวทรรศนีย์ พันธุ์คลอง อายุ 19 ปี หลานสาว

ล่าสุด ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดมหาสารคาม คุมตัว นายทองสัน หัดที อายุ 59 ปี ลูกเขยของยายทองคูณ ผู้ตาย หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้แค้นสอบปากคำตลอดทั้งคืน จนทางเจ้าตัวเองได้รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุ ส่วนสาเหตุนั้นเบื้องต้นมาจากเรื่องราวความแค้นสะสม

เวลา 10.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้มีการคุมตัวผู้ต้องหา ไปยังพื้นที่จุดเกิดเหตุ เพื่อค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ในส่วนของโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย

ชุดประดาน้ำของกู้ชีพวาปีปทุมกว่า 10 นายได้ร่วมกันงมดำน้ำหาในบริเวณสระน้ำ "สระน้ำพลาสติก" ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านหลังที่เกิดเหตุ ประมาณ 400 เมตร เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านขุดกันไว้ใช้ในการเลี้ยงสัตว์และปลูกพืช

เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการดำน้ำหา สุดท้ายพบโทรศัพท์ทั้ง 2 เครื่อง ห่างจากขอบตลิ่งประมาณ 30 เมตร ก่อนเจอใเชือกในจุดใกล้กัน เจ้าหน้าที่ได้รอเวลาให้ทางชาวบ้านในพื้นที่ที่มายืนมุงดูกว่า 50 คน ออกจากพื้นที่ไปก่อน ถึงจะคุมตัวผู้ต้องหามาชี้จุดทิ้งโทรศัพท์และจุดทิ้งเชือก เจ้าตัวไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน นิ่งเงียบ

ขณะที่ชี้จุดนั้น เจ้าตัวเองได้เล่ารายละเอียดกับทางเจ้าหน้าที่ว่า หลังเกิดเรื่องได้เดินมาที่สระ เพื่อนำโทรศัพท์ของคุณยายและน้องหยกมาทิ้ง เพราะกลัวว่าจะมีการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นได้หลังเกิดเหตุ ก่อนจะเดินไปในพุ่มหญ้ารก เพื่อนำเชือกที่ใช้รัดคอกับไม้หน้าสาม ยาวประมาณท่อนแขนไปทิ้งป่า หลังจากนั้นตนก็หลบไปอยู่ที่บ้าน

พล.ต.ต.ดิเรก จิตอร่าม ผบก.ภ.จว.มหาสารคาม แถลงข่าวการจับกุม หลังชุดสืบได้ลงพื้นที่ เรียกบุคคลต้องสงสัยเข้ามาให้ปากคำ  นายทองสัน หัดถี ลูกเขยของคนตาย ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุ ส่วนชนวนที่ทำให้ลงมือทำนั้น เจ้าตัวกับทางคนตายมีเรื่องบาดหมางและมีเรื่องขัดใจกันมาก่อนหน้านี้ ผู้ตายมักจะบ่นด่ากับทางผู้ก่อเหตุเป็นประจำ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุเองมักจะไม่เอาการเอางาน เล่นแต่ไก่ ทำให้ทางคนตายดุด่าและไม่พอใจกับทางคนก่อเหตุ คล้ายว่าเป็นลูกเขยที่แม่ยายไม่ได้รัก ทำให้เครียดสะสม และเป็นความรู้สึกโกรธแค้นมานาน

ผู้ก่อเหตุเองยืนยันว่าไม่มีเหตุผลอื่น แต่อยากฆ่ามานานแล้ว ที่ผ่านมาก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ เคยพยายามจะบุกเข้าไปฆ่ามาแล้ว 1-2 รอบ แต่ก็ไม่สำเร็จ กระทั่ง 1-2 วันก่อนเกิดเหตุทางเจ้าตัวได้ไปดูลาดเลาหน้าบ้านมาสักพักหนึ่ง และได้มีการเตรียมท่อนไม้ยาวประมาณ 1 เมตร ก่อนจะไปลงมือก่อเหตุ เตรียมท่อนไม้กับเชือกไนล่อน 2 เส้น ก่อนจะบุกเข้าไปในบ้าน ใช้ท่อนไม้ที่เตรียมไปทุบเข้าที่บริเวณศีรษะของนางทองคูณ 2 ครั้ง จนสลบไป

เป็นจังหวะเดียวกับที่ทาง น.ส.ทรรศนีย์ หลานสาวรู้สึกตัวและมาดู ผู้ก่อเหตุตัดสินใจใช้ท่อนไม้ตีเข้าไปที่บริเวณใต้คาก 1 ครั้ง และใช้เชือกที่เตรียมมา กับเชือกไนล่อนสีเขียวที่อยู่ในบ้าน รวม 3 เส้นรัดคอจนเสียชีวิต ก่อนจะเดินลงมาโดยหยิบโทรศัพท์ของผู้ตายทั้ง 2 คน เป็นไอโฟนและออปโป้ไปทิ้งในบริเวณสระน้ำท้ายหมู่บ้านเพื่ออำพรางคดี เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน"

กรณีที่ทางญาติส่งสัยปมเรื่องเงินฌาปนกิจศพของหมู่บ้าน ส่วนนี้จากการสอบปากคำไม่พบว่าเหตุดังกล่าวเป็นหนึ่งในแรงจูงใจในการฆ่า เพราะเบื้องตนเงินดังกล่าวนั้นคนที่ทำให้ทางผู้ตายคือลูกสาว หรือภรรยาของคนก่อเหตุ พอภรรยาของคนก่อเหตุตาย เขาเองได้ส่งต่อ แต่เมื่อทางนางทองคูณเสียชีวิต เงินดังกล่าวนั้นไม่ได้ตกไปที่ผู้ก่อเหตุตามที่ญาติสงสัย แต่เงินนั้นจะตกเป็นของลูก ๆ ยายทองคูณ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นเหตุผลในการก่อเหตุ ทั้งนี้เรื่องของการฆ่าสุนัขก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหาบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง เนื่องจากสุนัขตายเอง ส่วนเรื่องของยาเสพติดไม่พบในร่างกายคนก่อเหตุ

ขณะที่แม่และคุณพ่อของน้องหยก เดินทางนำร่างของน้องหยกและคุณยายทองคูณไปชันสูตรพลิกศพที่จังหวัดขอนแก่น นางมณี สุทอาราม ลูกคนที่ 2 ของคุณยายทองคูณ ผู้เสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า จริงแล้วคุณยายมีลูกสาวด้วยกันทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย 1.นางจอมศรี หัดที ภรรยาของคนก่อเหตุ ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว, 2.นางมณี สุทอาราม, 3.นายสมศรี ปะติโยกี ทำงานที่จันทบุรี, 4.นางปราณี ปะติโยคี แม่ของน้องหยก ผู้ตาย, 5.นายสุทัศน์ ปะติโยคี และ 6.น.ส.วราลักษณ์ ปะติโยคี ซึ่งปกติแล้วคนที่อยู่ในหมู่บ้านจะมีแค่ตน และแม่ของน้องหยกเท่านั้น

ที่ผ่านมาส่วนตัวมั่นใจว่าจะต้องใช่นายทองสัน หรือ เตี้ย ซึ่งเป็นลูกเขยของคนตายแน่นอน สิ่งที่ทำให้ตนเชื่อมั่น เพราะย้อนกลับไป 4-5 ปีก่อนหน้านี้ นายทองสันเคยจะบุกมาทำร้ายตนที่บ้านแล้วครั้งหนึ่ง เจ้าตัวนึกว่าตนอยู่คนเดียว เลยจะบุกมาทำร้ายภายในบ้าน แต่โชคดีที่สามีของตนมาเห็นเสียก่อน เลยเข้ามาช่วยไว้ทัน ตอนนั้นเองตนก็เอาเรื่องถึงขั้นขึ้นโรงพักมาแล้วรอบหนึ่ง ส่วนปัญหาตอนนั้นก็เป็นเรื่องของที่ดินที่ทางพี่สาวของตน หรือภรรยาของเขาได้มีการแบ่งจัดสรรไว้ แต่ทางผู้ก่อเหตุเองไม่พอใจ ทำให้เขาเองมาก่อเรื่องจะเอาชีวิตตน

ตั้งแต่ลูกสาวหรือภรรยาของคนก่อเหตุตายไป นายทองสันมักจะชอบเล่นแต่ไก่ เล่นการพนัน รวมไปถึงมีเรื่องของผู้หญิงใหม่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ทางคุณยายมักจะเข้าไปตักเตือนว่าให้ทำงานหาเงิน จะได้เอาเงินมาให้ลูกเรียน และสั่งห้ามไม่ให้ทางนายทองสันไปหาภรรยาใหม่ เพราะมองว่าภรรยาใหม่จะเข้ามากอบโกยหวังปอกลอก แต่ทางนายทองสันกลับไม่พอใจ โต้แย้งว่า "หากไม่ให้เขาหาเมีย งั้นให้แม่ยายมาเป็นเมียเขาสิ" คุณยายได้ยินแบบนั้นเลยทำให้รู้สึกไม่พอใจ ไม่สนใจนายทองสันอีกเลย เวลาเจอกันก็มักจะมีปากเสียงเกี่ยวกับเรื่องของหลาน ๆ ว่าให้เขาดูแลหลาน อย่าเอาเงินไปทุ่มให้หญิงใหม่ เป็นคำสอนไม่ใช่คำด่า

อีกทั้งประจวบกับเรื่องของเงินกองทุนฌาปนกิจศพที่เจ้าตัวได้ส่งให้ทางนางทองคูณ หากทางยายตายเขาเองจะได้รับเงิน ในก้อนดังกล่าว จำนวน 1.6 แสนบาท ที่บอกว่าเงินดังกล่าวต้องตกเป็นของลูกสาวคุณยายนั้นไม่จริง ตนไม่เชื่อตามคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา เพราะเขาเองจะพูดอะไรเข้าตัวก็ได้ ตนยังเชื่อในความรู้สึกของตนว่าเขาหวังเงินประกันแน่นอน อย่างที่บอกเขาเองมาดูลาดเลาแล้ว ซึ่งชาวบ้านแถวนี้เองก็รู้ แค่ไม่กล้าปรักปรำเขา

ยอมรับส่าเขาเองเคยมาข่มขู่จะเอาเงินประกันแล้วหลายครั้ง หากว่ายายไม่เสียไป ตนคงตายก่อนแน่นอน คนก่อเหตุพูดไม่จริง กล่าวหาว่าคนตายกดดันเขา แต่จริง ๆ ไม่ใช่ เชื่อได้ไงกับคำพูดฆาตกร ตนคนหนึ่งที่ไม่เชื่อ ทำได้ลงกับคนแก่คนหนึ่งที่ไม่มีทางสู้ ส่วนตัวอยากให้ได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิต เพราะหากปล่อยไว้แล้วออกมา คนแบบนี้คงไม่หยุดฆ่าแน่นอน ตนหวาดกลัวเลยอยากให้ลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต ให้เขาได้รับกรรมในสิ่งที่ทำ

"หลังก่อเหตุวันที่เกิดเรื่อง เจ้าตัวเองยังมานั่งทำหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หนำช้ำยังพูดกับญาติว่าหากใครทำใจไม่ได้ ก็ไม่ต้องขึ้นไปดูศพ ส่วนตัวรู้สึกชาไปหมด ทำไมคนที่ก่อเหตุถึงได้เย็นชาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หนำช้ำยังหน้าระรื่นเฉยทั้งที่ตนเองเป็นคนก่อเหตุ" ลูกสาวผู้ตาย กล่าว

ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของนายทองสัน ผู้ต้องหา หลังทราบข่าวว่าบ้านของเจ้าตัวนั้นพักอาศัยอยู่กับทางลูกชายคนกลาง 2 คนพ่อลูก โดยมีลูกกับทางภรรยาที่ตายไป 3 คน แต่เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน เหลือลูกชายคนกลางที่เจ้าตัวอยู่ด้วยกัน ขณะที่ทางลูกสาวที่อยู่กรุงเทพฯ

นายดำ (นามสมมติ) ลูกชายคนกลางของนายทองสัน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาด้วยความที่ไม่พบความผิดปกติของพ่อ เพราะวันที่เกิดเรื่องพ่อเองก็เข้านอนตามปกติ โดยที่เขาเองจะนอนลานหน้าบ้าน ส่วนตนจะนอนในห้อง ช่วงประมาณตี 2-3 วันดังกล่าวก็ไม่ได้ยินเสียงเดินเข้าออก หนำช้ำตื่นเช้ามาพ่อของตนเองก็ยังลุกมานึ่งข้างเหนียวตามปกติ ไม่พบพิรุธหรือความผิดปกติแต่อย่างใด

ถามว่าที่ผ่านมาเองทางคุณยายกับคุณพ่อของตน เคยมีเรื่องหรือปากเสียงหรือไม่ ในส่วนนี้ตนไม่ทราบ เพราะพ่อเองไม่เคยเล่าหรือทะเลาะให้เห็นต่อหน้า คงเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เขาเองคงไม่อยากให้ตนรู้ ขณะที่ตนเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทางยาย ยายเองยังคุยปกติกับตน ส่วนพ่อเองหลังจากที่แม่เสียไป เขาเองก็มีภรรยาใหม่ที่ จ.สุรินทร์ จะไป ๆ มา ๆ ที่ผ่านมาคุณยายเคยสั่งห้ามเรื่องว่าไม่ให้ทางพ่อมีเมียใหม่หรือไม่ ในส่วนนี้ตนก็ไม่มั่นใจ

ท้ายสุดเมื่อถามถึงกรณีเงินฌาปนกิจศพของกองทุนในหมู่บ้าน ตนไม่มั่นใจ แต่จากที่ฟังมาคุณพ่อเองได้ส่งเงินกองทุนดังกล่าว 2 ก้อน ในชื่อของเขาเอง และชื่อของคุณยาย โดยจะส่งเงินงวดละ 400 บาทต่อปี ซึ่งหากทั้ง 2 คน เป็นอะไรไป คนที่ได้เงินจำนวน 1.6 แสนบาท น่าจะเป็นตนและน้องสาวอีกคน แต่ถามว่าจะเป็นเหตุให้ถึงขั้นพ่อต้องฆ่ายายหรือไม่ ก็ไม่รู้ว่าพ่อเขาคิดอย่างไร แต่หากวันนั้นตนพอจะทราบเรื่องว่าพ่อจะไปก่อเหตุ ตนก็คงจะห้ามและปรับความเข้าใจกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าพ่อจะทำแบบนี้ เสียใจมาก ชีวิตหลังจากนี้ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ