จากกรณีการหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาของ นางนิด สังวรณ์ อายุ 60 ปี หญิงชาวจังหวัดลพบุรี ที่ถูกร้อยโทพิพัฒพงษ์ เงินลา หรือหมวดโย อายุ 36 ปี ทหารหนุ่มสังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 3 ลพบุรี อุ้มหายออกจากบ้าน ไปตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2565 ก่อนที่หมวดโยจะก่อเหตุรมควันฆ่าตัวตายในรถ ในวันที่ 12 เมษายน 2565 เพื่อหนีความผิด
ล่าสุด วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เวลา 13.00 น. ร.ต.นพรัตน์ สังวรณ์ และนางสาวอรุณี สังวรณ์ สามี และลูกสาวนางนิด ญาติ ๆ ได้เดินทางไปยังสำนักงานกฏหมายทนายษิทรา เพื่อร้องเรียนให้ช่วยหาร่างของนายนิดที่ยังสูญหาย
ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เปิดเผยว่า ทั้ง ร.ต.นพรัตน์ สังวรณ์ และนางสาวอรุณี สังวรณ์ สามีและลูกสาวนางนิด ได้ยืนเรื่องร้องขอให้ตนไปช่วยคดี ที่นางนิดถูกอุ้มหายและยังหาตัวไม่เจอ ซึ่งตอนนี้ก็เชื่อว่านางนิดน่าจะเสียชีวิตแล้ว
โดยย้อนกลับไปเหตุเริ่มต้นจากที่ร้อยโทพิพัฒพงษ์ ได้ยืมเงินนางนิดไปประมาณ 2 ล้านกว่าบาท กระทั่งวันที่ 11 เม.ย. 65 ร้อยโทพิพัฒพงษ์ได้มารับนางนิดที่บ้าน เพื่อไปเคลียร์เรื่องหนี้สิน แต่หลังจากนั้นนางนิดก็หายตัวไปเลย ทางครอบครัวจึงได้แจ้งตำรวจ ซึ่งต่อมาตำรวจได้ติดตามคดี และพบคราบเลือดของนางนิดอยู่ในรถกระบะของร้อยโทพิพัฒพงษ์
หลังจากนั้นตำรวจก็คาดคั้นให้ร้อยโทพิพัฒพงษ์ยอมรับ ต่อมาร้อยโทพิพัฒพงษ์ได้ออกอุบาย ทำทีขับรถกระบะพาตำรวจไปหานางนิด ซึ่งในระหว่างที่ร้อยโทพิพัฒพงษ์ขับรถกระบะนำทางเจ้าหน้าที่ ร้อยโทพิพัฒพงษ์ก็ขับรถหนีไป และต่อไปก็มีคนไปพบศพของร้อยโทพิพัฒพงษ์รมควันตัวเองในรถกระบะ
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบเบาะแสของนางนิด ซึ่งญาติเองก็เชื่อว่านางนิดอาจจะเสียชีวิตแล้ว โดยญาติก็อยากที่จะนำร่างของนางนิดมาประกอบพิธีทางศาสนา อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ตำรวจช่วยเหลือประชาชน อาจจะช่วยนำสุนัขตำรวจไปช่วยดมกลิ่นก็ได้ หรืออาจะขอให้ช่วยหากล้องวงจรปิดเพิ่มเติม
ด้าน ร.ต.นพรัตน์ สังวรณ์ สามีของนางนิด เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทราบมาตลอดว่าร้อยโทพิพัฒพงษ์มายืมเงินภรรยา แต่เนื่องจากร้อยโทพิพัฒพงษ์สนิทสนมกับตนและภรรยา เรียกได้ว่าเป็นน้องรัก เขาก็เป็นทหารและสนิทสนมกันมาก เขาอ้างว่าจะเอาเงินไปซื้อรถซื้อบ้าน และจะขายที่นานำเงินมาใช้คืน ตนจึงไม่ขัดอะไรที่ภรรยาจะให้ร้อยโทพิพัฒพงษ์ยืมเงิน
ญาติของนางนิด เปิดเผยว่า อยากจะขอวอนให้สื่อช่วยกันตามหานางนิด เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยไปร้องขอให้ตำรวจช่วยตามหาร่างของนางนิด แต่ตำรวจกลับไล่ให้ญาติไปพึ่งพาไสยศาสตร์ ซึ่งญาติก็เคยไปหาหมอดู ซึ่งหมอดูก็ทำนายว่านางนิดน่าจะเสียชีวิตแล้ว
ก่อนหน้านี้เคยขอให้ตำรวจนำสุนัขตำรวจไปช่วยดมค้นหา แต่ตำรวจก็ไม่ช่วย ญาติก็ต้องค้นหากันเองอย่างไร้จุดหมาย หาตามบ้านร้างต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้ญาติก็ปักใจเชื่อว่านางนิดถูกฆาตกรรมไปแล้ว
ทีมข่าวได้เดินทางมาที่หมู่ 10 บ้านดอนทอง ตำบลโพตลาดแก้ว อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี นางเพย (นามสมมติ) อายุ 65 ปี แม่ของ ร.ท.พิพัฒน์พงศ์ เงินลา อายุ 36 ปี สังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 3 ลพบุรี เปิดเผยว่า ตนเองมีลูก 3 คน โดยหมวดโยเป็นลูกคนสุดท้อง นิสัยใจคอของลูกชายก็เป็นคนปกติดี รักลูกรักเมีย พาไปกินข้าวปกติธรรมดา ลูกชายลักษณะท่าทางดูไม่มีความเครียด เเละไม่มีท่าทางที่จะฆ่าตัวตายด้วย เเต่ก็ต้องยอมรับว่าลูกชายไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ตนฟังเลย ไม่ว่าจะเรื่องหนี้สิน เรื่องทำงาน หรือเรื่องปัญหาชีวิต
ในวันที่ลูกชายออกจากบ้านครั้งสุดท้ายคือ วันที่ 12 เมษายน 2565 ตนเองก็ยังไม่ทราบเรื่องราวอะไรเลย ทราบเเค่ว่าเช้าวันนั้นมีกลุ่มคนมาเรียกลูกชายออกไป ก่อนจะมารู้ข่าวตอนเย็นว่าลูกชายเสียชีวิตเเล้ว ด้วยการรมควันในรถ ส่วนสาเหตุตนเองกํไม่ทราบว่าทำไมลูกชายถึงทำแบบนั้น
ตนยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักกับนางนิด ผู้สูญหาย และ ร.ต.นพรัตน์ สังวรณ์ รวมถึงครอบครัวด้วย ไม่เคยรู้เลยว่าลูกชายไปยืมเงินบ้านนี้ ตนในฐานะผู้สูญเสียลูกชาย ตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ ยังคิดถึงลูกอยู่ทุกวัน ตอบไม่ได้ว่าเรื่องที่นางนิดหายตัวไปนั้นจะเกี่ยวข้องกับลูกชายหรือไม่
ด้านพี่สาวของหมวดโย เผยข้อมูลว่าที่บ้านของตนไม่เคยรู้จักกับครอบครัวผู้สูญหายเลยแม้แต่น้อย เพิ่งจะมารู้ในวันที่ 12 เมษายน 2565 วันที่น้องชายเสียชีวิตว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ส่วนเรื่องที่นางนิดหายตัวไปตนเองก็คงตอบไม่ได้ เพราะไม่ทราบจริง ๆ ว่าน้องชายมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
ส่วนการตายของน้องชาย ยอมรับว่าตอนเเรกก็ติดในสาเหตุการตาย เพราะในเช้าวันนั้นมีกลุ่มคนมาตามน้องชายออกไปจากบ้าน เเละมีตำรวจมาด้วย 1 นาย ก่อนตนจะทราบภายหลังว่าน้องชายมีการหลบหนี ก่อนจะไปรมควันตัวเองเสียชีวิต ตอนนี้ตนก็ยังไม่ทราบผลชันสูตรที่แน่ชัดว่าน้องชายเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายหรือ ถูกใครทำให้ตายหรือไม่ ทราบเพียงว่าพบก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ในปอด
พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.เมืองลพบุรี ให้ข้อมูลว่า ยืนยันว่าในช่วงที่มีการตามหาร่างของนางนิด ตำรวจก็ได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว ทั้งสืบหาและทั้งหากล้องวงจรปิด แต่ก็ไม่ได้เบาะแส เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นคนเดียวที่รู้เบาะแสแต่มาฆ่าตัวตายไปก่อน ซึ่งการทำงานก็เหมือนกับการสืบจากผี ซึ่งทำให้ไม่มีเบาะแส ที่ผ่านมาก็พยายามอธิบายให้ญาติของนางนิดเข้าใจว่าตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ไม่มีเบาะแสที่จะสืบไปต่อจริง ๆ
Advertisement