จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้" ได้โพสต์ข้อมูลผู้เสียหาย น้องเอ อายุ 13 ปี และน้องบี อายุ 17 ปี สองพี่น้องลูกครึ่ง ถูกหมอฟันคนดังติ๊กต็อกทักไลน์หา ชักชวนไปทำฟันที่คลินิก ก่อนวิดีโอคอลและโชว์ของลับช่วยตัวเองจนสำเร็จความใคร่นั้น
วันที่ 3 พ.ค. 65 นายโอ (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ตัวแทนผู้เสียหาย ระบุว่า ตนเองและครอบครัวของผู้เสียหาย มีความสนิทกัน เนื่องจากเคยเจอกันที่งานที่โบสถ์ จนกระทั่งวันหนึ่งทางด้านน้องเอ อายุ 13 ปี และน้องบี อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย ได้พูดคุยกับคุณแม่ และคุณแม่ของผู้เสียหายสอบถามตนเองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้เล่าว่า น้องบี อายุ 17 ปี ได้มีแอคเคาต์ติ๊กต็อก และลงคลิปทั่วไปตามปกติ ในหน้าโพรไฟล์ได้มีการระบุชื่อไอดีไลน์ ข้อมูลติดต่องานเอาไว้หน้าโพรไฟล์ ซึ่งน้องบีมีการรับงานถ่ายแบบ งานผลิตภัณฑ์ต่างๆ งานโฆษณา
จนกระทั่งในวันที่ 22 เม.ย. 65 ทางด้าน นาย ปอ. (นามสมมติ) หมอฟันคนดังติ๊กต็อก ได้มีการแอดไลน์ของน้องบี ทักมาสอบถาม พูดคุย แต่ไลน์ที่แอดน้องมานั้นคือไลน์ปลอมที่สร้างขึ้นมา หมอฟันแนะนำตัว และกดโทรวิดีโอคอลเปิดกล้อง พูดบอกว่าเป็นหมอฟัน อยู่ที่คลินิกหนึ่ง อีกทั้งได้มีการเชิญชวนว่าให้เข้ามาทำฟันฟรีที่คลินิก และพูดว่าน้องสวยหน้าตาดี ทำฟันดัดฟันอยู่ อยากเปลี่ยนเป็นจัดฟันแบบใสไหม และพยายามชักชวนยื่นข้อเสนอให้ไปหาที่คลินิกอยู่ตลอด
จนกระทั่งเพียงไม่เกิน 5 นาที หมอฟันคนพูดว่า "เธอเป็นคนสวยนะ ขอดูหน่อย ขอดูหน้าอก ขอดูอวัยวะเพศหน่อย" ซึ่งขณะนั้น น้องบีก็ได้นั่งเล่นอยู่ในห้องกับน้องเอ อยุ 13 ปี โดยทั้งคู่ก็นั่งพูดคุยกับหมอฟัน เมื่อน้องพยายามปฏิเสธ ทางด้านหมอฟันคนดังช่วยตัวเองต่อหน้าน้องทั้ง 2 คน เนื่องจากระหว่างที่วิดีโอคอลอยู่ ก็จะเห็นหน้าและเสียงพูดของน้องทั้ง 2 คน โดยขณะนั้นน้องบีอายุ 17 ปี ถือว่าตกใจแต่ยังมีสติ จึงกดอัดจอโทรศัพท์เอาไว้ เป็นเพียงคลิปสั้น ๆ โดยเมื่อหมอฟันคนดังช่วยตัวเองจนสำเร็จความใคร่นั้น ก็กดตัดสายและบล็อกรายชื่อของน้องบีทันที
ส่วนตัวมองว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นเป็นภัยสังคม เพราะว่าถ้าหากเขาสามารถแอดไลน์ และกระทำแบบนี้กับน้องบี ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและเพียง 5 นาทีก็พยายามช่วยตัวเองจนสำเร็จความใคร่ ข่าวว่าบุคคลคนนี้เคยทำพฤติกรรมลักษณะเช่นนี้มาบ่อยครั้งจนเกิดความเคยชิน อีกครั้งถ้าหากเหยื่อหลงเชื่อและถูกหลอกให้เดินทางไปยังคลินิกของ หมอฟันมีโอกาสที่จะอยู่ภายในห้องเพียงสองต่อสอง ซึ่งอาจจะเสี่ยงความปลอดภัยก็ได้ ส่วนตัวอยากให้แพทย์สภาเข้าตรวจสอบทันตแพทย์รายนี้ เพราะพฤติกรรมดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นภัยคุกคาม
ตอนนี้ทางด้านครอบครัวอยู่ในสภาพจิตใจที่ค่อนข้างย่ำแย่ น้องทั้ง 2 คนรู้สึกจิตตก กังวลถึงความปลอดภัยในชีวิต ตนเองจึงเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวนี้ เนื่องจากเป็นครอบครัวที่คอยช่วยเหลือกัน ไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับบุคคลอื่นอีก
ทีมข่าวเดินทางมายังคลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่งใน ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี บริเวณรอบข้างนั้นจะเห็นได้ว่ามีร้านคลินิกทันตกรรมหลายคลินิก เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ อยู่ใกล้เคียงกับห้างสรรพสินค้าดังใน จ.นนทบุรี โดยคลินิกทันตกรรมมีอยู่ 6 สาขาใน จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ และกรุงเทพฯ
น.ส.เก๋ (นามสมมุติ) พนักงานคลินิก ระบุว่า ตนเองและพนักงานในร้านนั้นยังไม่ทราบว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ช่วงเช้าที่ผ่านมานั้นตนเองก็เห็นคุณหมอก็เข้ามาทำงานตามปกติ รับเคสให้บริการลูกค้าตามปกติ ก่อนจะออกไปทำธุระข้างนอก
ทีมข่าวได้เปิดรูปภาพของคลิปวิดีโอให้กับพนักงานดูเป็นภาพนิ่ง จึงได้สอบถามว่าบุคคลคนนี้ใช่คุณหมอของคลินิกนี้หรือไม่ พนักงานต่างอุทานร้อง "อู้ย!" ตกใจกับภาพในวิดีโอที่เกิดขึ้น ระบุว่าตั้งแต่ตนเองทำงานมานั้นก็ยังไม่เคยเจอพฤติกรรมของคุณหมอในการล่วงเกิน แตะเนื้อต้องตัวพนักงานแต่อย่างใด คุณหมอก็วางตัวดี พูดดีกับพนักงานทุกคน ยังไม่เคยเห็นพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน
ขณะที่ทีมข่าวพยายามติดต่อหมอฟัน แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ตามช่องทางเบอร์โทรทางเว็บไซต์ และแอคเคาต์โปรโมตคลินิก
สำหรับมุมกฎหมาย นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นการกระทำของหมอฟันคนดังกล่าวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 คือก่อความเดือนร้อนรำคาญ โทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งพฤติกรรมนี้โทษอาจจะน้อย แต่สัมคมควรจะรับรู้ และไม่ควรสนับสนุนพฤติกรรมเช่นนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกับคนไข้หรือบุคคนอื่น ๆ ได้
Advertisement