กรณีคุณลุงอายุ 72 ปี เดินทางมาขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพฯ บอกว่าอยากจะให้ทางมูลนิธิช่วยจัดการศพของภรรยา ซึ่งได้เสียชีวิตมาเป็นเวลา 21 ปี หลังจากที่ภรรยาได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ด้วยโรคประจำตัว คุณลุงได้นำร่างของภรรยามาเก็บไว้ที่บ้าน โดยไม่ยอมเผา
ต่อมาเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพฯ จึงได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบที่บ้านของคุณลุง พบศพภรรยาของคุณลุงอยู่ในบ้านจริง ซึ่ง เป็นบ้านลักษณะเหมือนห้องเก็บของ อยู่ภายในซอยรามอินทรา 23 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพจึงได้พาคุณลุง ทราบชื่อต่อมา ร.ต.ชาญ จันทร์วัชกาล อายุ 72 ปี เดินทางไปยังสำนักงานเขตบางเขน เพื่อขอคัดใบมรณะบัตรของคุณป้า ซึ่งเป็นภรรยาที่เสียชีวิตมาตั้งแต่ปี 2544 มูลนิธิจึงดำเนินการจัดการช่วยเหลือคุณลุง และประสานงานไปที่วัดสาครสุ่นประชาสรรค์ เพื่อจะดำเนินการนำร่างคุณป้าไปประกอบพิธีฌาปนกิจตามศาสนา
วันที่ 1 พ.ค. 65 เวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพ ได้พา ร.ต.ชาญ จันทร์วัชรกุล เดินทางมาที่วัดสาครสุ่นประชาสรรค์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ เพื่อทำพิธีเก็บเถ้ากระดูกของ นางจิรวรรณ จันทร์วัชรกาล หลังจากทำพิธีฌาปนกิจศพไปเมื่อวานนี้แล้ว
ร.ต.ชาญ เดินเข้าไปดูเถ้ากระดูกของภรรยาทันที มีน้ำเสียงสั่นเครือ และร้องไห้เป็นบางช่วง มีการหยิบกระดูกของภรรยามาดูและบอกว่า "แม่สวยเหมือนเดิมเลยนะ" และเฝ้าอยู่ไม่ห่าง โดยทางมูลนิธิมีการเตรียมผอบเบญจรงค์ และภัตตาหารถวายแด่พระสงฆ์ 1 รูป จากนั้นพระสงฆ์ให้พร และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล จากนั้นพรมน้ำอบและโรยดอกไม้ แบ่งกระดูกใส่ผอบและใส่ผ้าดิบ
ร.ต.ชาญ เปิดใจว่า วันนี้เดินทางมาหาภรรยา และจะนำกระดูกภรรยากับไปอยู่ที่บ้านทั้งหมด จะได้นั่งคุยกันทุกวัน โดยวันนี้ได้บอกกับกระดูกภรรยาว่า "แม่ยังสวยเหมือนเดิม" ตนเองก็ยังฝันถึงภรรยาอยู่บ่อยครั้ง ภรรยาบอกให้ตนเองอยู่ให้ได้ ไม่ต้องกังวล ซึ่งเมื่อคืนนี้ตนเองก็นอนไม่ค่อยหลับ เพราะคิดถึงภรรยา
ที่ผ่านมาตนเองพูดคุยกับลูกชายคนโตอยู่ตลอด อยู่ไม่ไกลจากที่พักของตนเอง ลูกชายไม่ได้ทอดทิ้งไปไหน ลูกชายคนโตอาศัยอยู่ใกล้กัน ดูแลตนเองอยู่เสมอ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเด็กผู้ชายก็คงจะไม่ได้ใกล้ชิดกับพ่อเหมือนเด็กผู้หญิง ก่อนหน้าที่จะนำร่างภรรยาไปทำพิธีฌาปนกิจ ก็พูดคุยและปรึกษากับลูกชายแล้ว
ส่วนลูกชายคนเล็กมีครอบครัวอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเสียใจมากตั้งแต่แม่เสียไปยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันนานแล้ว โดยตนเองยืนยันว่าไม่ได้โกรธหรือต้องการเรียกร้องอะไรจากลูก เพราะที่มีอยู่ก็พึงพอใจแล้ว ส่วนหากใครที่ต้องการช่วยเหลือตนเองนั้น ขอให้เลี้ยงลูกให้ดี ให้ได้รับการศึกษาที่ดี
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพฯ ได้พาคุณลุงกลับไปส่งยังที่พัก โดยเถ้ากระดูกของภรรยาทั้ง 2 ส่วน คุณลุงได้นำไปไว้ที่ห้องเดิม ที่เคยเก็บศพภรรยาไว้ โดยยังไม่ได้มีการเก็บกวาดหรือทำความสะอาดห้องแต่อย่างใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รักอมตะ ตานอนเฝ้าศพเมีย 21 ปี ซึ้งใจดอกฟ้ายอมร่วมทุกข์ ร่ำไห้เผาร่างพูด “อีกไม่นานเจอกัน” (คลิป)
เวลา 13.00 น. อาสามูลนิธิเพชรเกษม กรุงเทพฯ นับ 20 คน ร่วมกันปรับปรุงบ้านให้ลุงซึ่งปกติใช้เป็นที่เก็บของพวกเศษเหล็ก และนั่งร้านต่าง ๆ โดยทำการรื้อหลังคา และนำของต่าง ๆ ทั้งเศษเหล็ก เศษไม้ ออกมา โดยบางส่วนที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว ก็จะนำไปขาย แล้วนำเงินมามอบให้คุณลุงต่อไป
ซึ่งทุกวันนี้คุณลุงหลับนอนภายใต้สังกะสี ก่ออิฐกั้นเป็นห้องไว้ สูงประมาณ 1 เมตร แบ่งเป็น 3 ห้อง เป็น 1 ห้องของคุณลุง ด้านในมีกรงแมว และถุงพลาสติก มีที่นอนอีก 2 ห้องให้สุนัขนอน
นอกจากนี้ ลุงชาญยังมีเจตนารมณ์ให้มูลนิธิฯ ได้มีการนำอุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำเข้ามาเก็บไว้ภายในบ้านได้ด้วย
นายบัญชา ศรีนิลพันธ์ รองประธานมูลนิธิเพชรเกษม กรุงเทพ ระบุว่า วันนี้หลังจากที่ประธานอู๊ด ซึ่งเป็นมูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพได้สั่งการให้ช่วยเหลือในการทำพิธีศพของคุณป้า ตลอดจนนำเถ้ากระดูกกลับมาไว้ที่บ้านแล้วนั้น มีการช่วยเหลือด้วยการปรับปรุงการพัก ที่ก่อนหน้านี้เป็นห้องเก็บของ และกำลังจะเปลี่ยนสภาพทำเป็นห้องนอน และคาดว่าน่าจะทำให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้คุณลุงได้มีที่หลับนอนในแบบที่ดีกว่านี้
โดยทางมูลนิธิดำเนินการช่วยเหลือ และเป็นที่พึ่งของสังคมมาโดยตลอดอยู่แล้ว ยังยืนยันว่าทางคุณลุงไม่ได้ต้องการเงิน หรือ ของบริจาคแต่อย่างใด เนื่องจากมีคนโทรศัพท์มาสอบถามเกี่ยวกับการเปิดบัญชีช่วยเหลือด้วย
นายประเวศ ศิริดวง อายุ 52 ปี เพื่อนบ้าน บอกว่า ตัวเองรู้จักกับลุงชาญมาตั้งแต่ 10 ปี ที่ผ่านมาซึ่งมีโอกาสได้มาพูดคุยและช่วยเหลือคุณลุงอยู่บ่อยครั้ง จริง ๆ แล้วหากใครไม่รู้จัก จะมองว่าคุณลุงมีฐานะยากจน แต่ซึ่งจริง ๆ แล้วคุณลุงเป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะ แต่ชอบใช้ชีวิตสมถะ และไม่ชอบการแต่งตัว รวมถึงไม่ชอบกินหรูอยู่สบาย ไม่เคยขอใครกิน
คุณลุงเคยมาพูดให้ฟังอยู่บ้างเรื่องที่เก็บศพภรรยาไว้ในบ้าน ตนเองก็มองว่าเป็นเรื่องปกติของคนรักที่รักภรรยามาก แต่ก็อาจจะขัดเรื่องกฎหมายหรือไม่ ซึ่งตนเองก็เคยเตือนว่าอาจจะส่งผลเสียได้ แต่คุณลุงไม่ฟัง เก็บศพไว้จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ตนเองทราบว่าลุงมีลูกชาย ซึ่งอยู่ใกล้เคียงละแวกนี้ แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน คุณลุงไม่เคยมาบ่นว่าน้อยใจหรือโกรธลูกชายแต่อย่างใด ขณะนี้ลุงอายุมาก ยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องสุขภาพอยู่เหมือนกัน ส่วนตนก็คงจะแวะเวียนมาดูให้ใกล้ชิดมากกว่าเดิม
ด้านนายแพทย์สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ เผยว่า หากไปดูสถานที่สภาพแวดล้อมที่ลุงอยู่ ในอิฐบล็อก และมีสุนัขด้วย สุขอนามัยไม่ดี โดยทราบว่าขณะนี้กู้ภัยจึงไปดูและทำบ้านให้ใหม่ เบื้องต้นคุณลุงอาจจะเสี่ยงโรคซึมเศร้า เพราะมีอาการซึม วิตกกังวล เบื่อหน่าย บางครั้งหากบ่นตายตามภรรยา ก็ถือว่าน่ากลัว
ส่วนที่คุณลุงไม่ยอมไปอยู่กับลูก ก็อาจจะเป็นเพราะฝังใจในรักแท้ จากนี้ควรพาไปปรึกษาจิตแพทย์ และนักจิตวิทยา ทำรักษาด้วยยา พร้อมกับสังคมบำบัด และพฤติกรรมบำบัดควบคู่กันด้วย
นายอมรเทพ ใสยจิตร อายุ 51 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ตนเองมาอยู่ที่นี่ได้ประมาณ 15 ปี คุณลุงอยู่มาก่อนแล้ว งคุณลุงก็อยู่ที่นี่คนเดียวตั้งแต่ที่พบ มีสุนัขหลายตัวที่อยู่ด้วย ตนเองทราบว่าคุณลุงมีลูกชายที่อยู่ใกล้กันและมาหาอยู่บางครั้ง แต่ลุงคงชอบอยู่บ้านหลังนี้ ไม่ยอมไปไหน เพราะอยากอยู่ใกล้ ๆ กับศพภรรยา
โดยเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนช่วงเช้า ประมาณ 7 โมง คุณลุงมากดออดหน้าบ้าน และบอกว่าลื่นล้ม มีอาการไม่สู้ดีนัก ให้ช่วยไปตามลูกชายให้หน่อย พร้อมบอกพิกัดและชื่อลูกชายกับตนเอง กระทั่งตนเองไปตามหาลูกชายของลุงจนพบและพามาดูคุณลุงที่บ้าน ส่วนเรื่องการเก็บศพภรรยาไว้ที่บ้านนั้น ตนเองทราบตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาแล้ว งขณะนั้นคุณลุงถูกขโมยขึ้นบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบเหตุ และพบมีโลงศพอยู่ในบ้าน ขณะนั้นคุณลุงไม่ยอมให้นำศพไปทำพิธีใด ๆ จนถึงปัจจุบัน
ขณะที่เพื่อนของตนเองที่อยู่บ้านในรั้วเดียวกันก็ได้แบ่งปันต่อไฟฟ้าให้คุณลุงใช้มาได้เป็นระยะเวลานานแล้ว คุณลุงเป็นคนน่ารัก คุยเก่ง เมื่อคุยกันก็คุยกันนานเป็นครึ่งค่อนชั่วโมง
Advertisement