ยิ่งสืบยิ่งลึกลับ เรือกำปั่นปริศนาตามเรือแตงโมก่อนตาย หายไร้ร่องรอย ไม่มีคนรู้จัก (คลิป)
กรณี "แตงโม-นิดา" ดารานักแสดงชื่อดังพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงใต้สะพานพระราม 7 ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 เขตจังหวัดนนทบุรี ขณะกำลังล่องเรือกับเพื่อน ๆ รวม 6 คน ตั้งแต่ช่วงกลางดึกในคืนวันที่ 24 ก.พ. 65
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 12 มี.ค. 65 ทีมข่าวลงพื้นที่บริเวณสะพานพระราม 7 ตามคำให้การของกลุ่มคนตกปลาช่วงเวลากลางคืน ที่ให้เบาะแสกับทีมข่าวว่าช่วงเวลาก่อนและหลังเกิดเหตุ ที่มีเรือสปีดโบ๊ตของนางสาวแตงโมขับผ่าน เวลาประมาณ 21.38 น. จะเห็นเรือต้องสงสัยขับตามหลัง และเวลาประมาณ 22.29 น. เห็นเรือต้องสงสัยลอยลำอยู่ใต้สะพานพระราม 7 ก่อนที่จะเห็นด้วยสปีดโบ๊ตของแตงโมขับผ่าน จากนั้นเรือต้องสงสัยก็จะมีการขับย้อนกลับ พร้อมกับเปิดไฟและขับตามหลังลงไป จากการตรวจสอบได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว
โดยวันนี้มีเรือกำปั่น เป็นเรือลากจูงของบริษัทขนทรายที่อยู่ใกล้เคียง ได้นำมาจอดเทียบบริเวณใต้สะพานพระราม 7 พอดี โดยเหตุการณ์ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ที่มีคนขับเรือนำเรือมาจอดเทียบ ลักษณะเรือก็มีความใกล้เคียงและคล้ายกับที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด ทีมข่าวเดินทางด้วยเรือหางยาวเข้าไปขอข้อมูล และสอบถามเกี่ยวกับลักษณะเรือและยืนยันตัวตนว่าเกี่ยวข้องกับเรือลำเดียวกันในกล้องวงจรปิดหรือไม่
นายไพฑูรย์ ภาคสละศรี อายุ 59 ปี เจ้าของเรือกำปั่น อนุญาตให้ทีมข่าวขึ้นไปบนเรือ เพื่อพูดคุยและนำภาพจากกล้องวงจรปิดให้ดู เปิดเผยว่า เรือของตนเองเป็นเรือกำปั่นที่มีลักษณะคล้ายกับที่ตรงกับกล้องวงจรปิด แต่ไม่ใช่เรือลำเดียวกัน เพราะช่วงเวลาที่นำเรือมาจอดเป็นการนำมาเทียบเพื่อรอคิวไปคนลากเรือพ่วงเท่านั้น
เรือของตนเป็นลักษณะเรือที่ทำมาจากไม้ มีเครื่องยนต์ที่สามารถลากจุงเรือพ่วงได้มากกว่า 4 พ่วง แต่ด้วยอัตราความเร็ว จะช้ากว่าเรือสปีดโบ๊ตและเรือหางยาว เพียงแค่มีอัตราลากจูงสูงกว่าเท่านั้น ซึ่งเหตุผลที่เห็นว่าเรือของตนเองนำมาเทียบอยู่ใต้ตอม่อขอองสะพาน เป็นเพราะว่าเป็นช่วงที่รอคิวไปลากจูงเรือพ่วงเพื่อไปส่งให้ลูกค้า หลังจากที่พูดคุยกับทีมข่าวเสร็จตนเองก็จะรอคิวและไปลากจูงทันที เหตุผลหลักที่นำเรือมาจอดเทียบ เป็นเพราะว่าป้องกันคลื่นและเรือจะได้รับความเสียหายจากการกระทบ เพราะเรือทำจากไม้ ดังนั้นเมื่อเรือจอดอยู่ใกล้กับเรือเล็กก็จะทำให้กราบเรือเสียหายทันที
จากภาพกล้องวงจรปิด เป็นการจอดเรือของเรือจูงหรือเรือกำปั่นที่แปลก เพราะถ้าหากการจอดทุกคนจะจอดลักษณะคล้ายกับตนเอง โดยจอดใกล้กับตอม่อและผูกเชือกเอาไว้ เพื่อหลบลีกจากคลื่นใหญ่จะส่งผลให้เรือแตกเสียหาย แต่ถ้าจากภาพกล้องวงจรปิดมีการจอดลอยลำ มีการจอดคล้ายกับการทิ้งสมอ โดยปกติจะไม่มีใครนิยมทำกัน
ทั้งนี้ การจอดลอยลำกลางแม่น้ำจะต้องมีการแจ้งกับกรมเจ้าท่าโดยตรง เพื่อที่จะไม่ให้เรือจอดเสียลอยลำและกีดขวางหน้าน้ำ และถ้าหากสังเกตเพิ่มเติมจากกล้องวงจรปิดอ้างว่าเครื่องยนต์เสีย แต่ทำไมสามารถที่จะสตาร์ตเครื่องและติดไฟได้หลังจากที่ช่วงบังเอิญเรือสปีดโบ๊ตของนายปอขับผ่านมา ฉะนั้นจึงเชื่อว่าไม่ได้เกิดจากเครื่องยนต์เสียแน่นอน เพราะถ้าหากเครื่องยนต์เสียต้องใช้ระยะเวลาในการลากเข้าฝั่งและซ่อม สำหรับลักษณะเรือกำปั้นที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด ตนเองไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นเรือของใคร เพราะเรือกำปั้นมีลักษณะเหมือนกันเกือบทั้งหมด
นายพิทักษ์ (นามสมมติ) คนหาปลาใต้สะพานพระราม 7 เปิดเผยว่า ตัวเองในฐานะคนที่มาหาปลาตกเบ็ดเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางคืนและกลางวัน กลุ่มที่มาอยู่ด้วยกันส่วนใหญ่จะเป็นพรรคพวกกันทั้งหมด คืนวันเกิดเหตุ ยอมรับว่าก็มีกลุ่มเพื่อนที่มาตกปลากลางคืนพบว่ามีเรือกำปั่น ลักษณะเรือลากจุง มีการมาจอดลอยลำอยู่บริเวณจุดที่มีการตกปลาจริง ส่วนเรื่องของเรือสปีดโบ๊ตที่มีลักษณะคล้ายกับที่นายปอเป็นเจ้าของ คืนนั้นจะมีการวิ่งสัญจรผ่านขึ้นลง และลอดใต้สะพานพระราม 7 ซึ่งมีมากกว่า 3-4 คัน จึงไม่สามารถที่จะแยกได้ว่าลำไหนเป็นลำของนายปอ มารู้ทีหลังหลังจากที่เกิดเหตุคนตกเรือแล้ว
ตนยืนยันว่าเป็นพฤติกรรมที่ดูไม่แปลก สำหรับเรือกำปั่นหรือเรือลากจูงที่จะนำมาลอยลำหรือผูกติดกับใต้ต่อม่อของสะพาน เพราะโดยส่วนใหญ่เรือไม้หรือเลือกกำปั่นจะนำมาจอดเพื่อหลบคลื่นใหญ่จากเรืออื่น ไม่เช่นนั้นเหลือก็จะได้รับความเสียหาย แต่ตามกล้องวงจรปิดจับภาพว่ามีการขับตามขึ้นมา ก่อนที่จะสตาร์ตเครื่องขับตามร่องลงไปนั้น ตนเองมองเป็น 2 ประเด็น คืออาจเป็นเรื่องของวัตถุประสงค์บางอย่าง โดยเฉพาะตามคำคาดการณ์ที่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มีเรือมากกว่า 1 ลำก็ได้ หรืออาจเกิดจากด้วยความบังเอิญที่ขับตามหลังขึ้นไป มีการสตาร์ตเครื่องขับร่องลงไป ฉะนั้นก็มีความเป็นไปได้ทั้งหมด แต่ตนเองก็ไม่กล้าที่จะฟันธง เพราะเนื่องจากอยากให้เป็นไปตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็เชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงมีการตรวจสอบแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เรือกำปั่นที่ตนเองพบเห็นในกล้องวงจรปิดไม่สามารถที่จะแยกได้ว่าเป็นเรือของใคร หรือใครเป็นคนขับ ถ้าเวลาที่นำมาจอดใต้สะพาน เห็นมีลักษณะคล้ายกันเกือบทั้งหมด
จากการสำรวจลักษณะเรือกำปั่นไม่ได้มีห้องมิดชิดหรือกั้นห้องเพื่อนหลับนอน มีเพียงผ้าใบซ้ายขวาสำหรับป้องกันแดดและฝน หัวเรือคือส่วนของคนขับ ท้ายเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกกรณีเดินเรือต่อเนื่องหลายวัน เรือไม่นิยมติดตั้งกล้องวงจรปิด เพราะเป็นเรือจูงพ่วงดินทราย จะมีเฉพาะเรือขนส่งแร่ จึงจะติดกล้องกันทรัพย์สินเสียหายเท่านั้น
Advertisement
