เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดลำพูน หลังจากที่ได้มีการแชร์คลิปกล้องวงจรปิด จับภาพชายชุดดำคนหนึ่ง อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาใช้บริการร้านอาหารในพื้นที่ตัวเมืองจังหวัดลำพูน หลังจากนั่งดื่มกินไปได้สักระยะหนึ่ง ผู้ก่อเหตุพร้อมเพื่อนก็เริ่มเมาแล้วไม่มีสติ จนกระทั่งถึงเวลาปิดร้าน แต่ทางผู้ก่อเหตุกลับไม่ยอมกลับ ขอต่อรองนั่งดื่มต่อ
ก่อนจะพูดจาหาเรื่องชกพนักงานในร้าน จนเกิดการกระทบกระทั่งกับพนักงานของร้าน ก่อนแยกย้ายกันกลับ แต่หลังจากที่ร้านปิด ผู้ก่อเหตุไม่ยอมกลับด้วยความเมาและไม่พอใจ ย้อนกลับมาทำลายทรัพย์สินของร้านอาหาร ตลอดจนปาหินใส่กระจกรถยนต์ของร้านแตก 2 คัน จนสังคมตั้งข้อสังเกตว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นตำรวจจริงหรือไม่ เพราะตำรวจในประเทศไทยน่าจะมีแต่คนดีหรือไม่
วันที่ 8 ก.พ. 65 ทีมข่าวเดินทางไปยังร้านที่เกิดเหตุ บ่อตกกุ้งทุ่งหลวง บ้านประตูป่า ต.ประตูป่า อ.เมือง จ.ลำพูน เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ นายสัคคพล เข็มครุฑ อายุ 36 ปี เจ้าของร้าน เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อช่วงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อคือ นายหาญ (นามสมมติ) มาใช้บริการภายในร้านประมาณช่วง 19.00 น. ขณะที่เพื่อนของคนก่อเหตุจำนวน 2 คนได้เดินทางตามมาทีหลัง เวลาล่วงเลยไปจนถึง 23.00 น. ร้านปิดให้บริการ
ต่อมาคนก่อเหตุพร้อมเพื่อนขอต่อรองจะนั่งกินต่อ ด้วยความเกรงใจทางร้านเลยตัดสินใจให้นั่งต่อ หลังจากนั้นพนักงานของทางร้านเก็บร้านในส่วนอื่นเสร็จ จึงมานั่งรอกลุ่มของชายคนก่อเหตุนั่งดื่ม เพื่อที่จะเคลียร์บิลค่าอาหาร และเก็บจาน ตลอดจนทำความสะอาดร้าน แต่พูดเจรจาทางผู้ก่อเหตุเองก็ไม่ยอมกลับ เริ่มมีปากเสียงกับพนักงานของทางร้าน ทำร้ายร่างกายพนักงานของทางร้าน ซึ่งตอนนั้นทางกลุ่มเพื่อนของผู้ก่อเหตุเองเห็นว่าท่าจะไม่ค่อยดี กำลังจะเกิดเรื่อง จึงพากันแยกย้ายกลับ พนักงานของร้านเองก็ได้เดินไปส่งลูกค้ากลุ่มดังกล่าวด้วย เพราะดูแล้วพบว่าพวกเขาค่อนข้างเมา
ต่อมาทางพนักงานของร้านกลับเข้ามาในร้านเพื่อเคลียร์ของ แต่ลูกค้าผู้ก่อเหตุรายดังกล่าวกลับย้อนเข้ามาอีกรอบ เพื่อจะมาขอซื้อเบียร์เพื่อนั่งดื่มต่อ แต่ทางพนักงานของร้านไม่ยอมขายให้ ทางผู้ก่อเหตุเลยอาละวาด ด้วยความกลัวของพนักงานที่อยู่จุดนั้นเนื่องจากทางผู้ก่อเหตุอ้างเป็นตำรวจ ตัดสินใจยอมขายให้ แต่เรื่องก็ไม่จบ งผู้ก่อเหตุกลับเมาอาละวาดอีกครั้ง พนักงานของร้านเลยรีบนำตัวเขาออกไปนอกร้าน และให้เขาขึ้นรถขับออกไป ก่อนที่พนักงานจะแยกย้ายกันกลับบ้าน เหลือแค่คนเฝ้าร้านที่อยู่ข้างใน 1 คน
ตอนนั้นผู้ก่อเหตุกลับหายไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ได้ขับรถย้อนกลับมาที่ร้านอีกครั้ง ตะโกนด่าทอโหวกเหวกเสียงดัง พร้อมทำลายข้าวของของทางร้าน โดยการทุบตี ขว้างปากระจกห้องน้ำ ตู้แช่ ขวดแก้ว ประตูกระจก ทำให้เกิดความเสียหาย อีกทั้งใช้อาวุธคือมีดดายหญ้าของคนงานสวนของร้าน ฟันกระจกรถยนต์ที่ใช้จ่ายตลาด บานหน้าและกระจกข้างทั้ง 2 คันเสียหาย ก่อนที่ทางคนที่เฝ้าอยู่ภายในร้านเห็นเหตุการณ์ ตัดสินใจโทรเเจ้งเจ้าของให้ประสานตำรวจเข้ามาระงับเหตุในที่สุด
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ร้านเกิดความเสียหาย ทั้งชื่อเสียง ทรัพย์สิน และรายได้ ต้องปิดปรับปรุงกิจการ 1 วัน ทางร้านเองต้องมีการแคนเซิลลูกค้านับ 10 ราย รวมไปถึงความเสียหายของรถจำนวน 2 คัน และสิ่งของภายในร้าน มูลค่ารวมแล้วเกือบแสนบาท จากการกระทำของตำรวจ อีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังเป็นการก่อความไม่สงบ ทำให้ชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียงของทางร้านเกิดความรำคาญ หวาดกลัว และรู้สึกไม่ปลอดภัย วันนี้เองตนก็ได้ไปขอโทษเพื่อนบ้านในระเเวกที่ได้รับผลกระทบแล้ว ส่วนความเสียหายตอนนี้อยู่ในช่วงไกล่เกลี่ย โดยที่ทางครอบครัวของคนก่อเหตุยอมชดใช้ค่าเสียหาย นำรถไปซ่อมให้ และส่งทีมช่างมาซ่อมของในร้าน เรื่องคดีตอนนี้คงต้องพิจารณาพูดคุยก่อนจะถอนแจ้งความหรือไม่ ทั้งนี้ ทราบว่าคนก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง แต่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่คนลำพูน
ด้านนางสาวชลธิชา สีลาดเลา อายุ 19 ปี พนักงานภายในร้าน เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุทางคนก่อเหตุได้เดินเข้ามาใช้บริการก่อนจะนั่งดื่มจนเมา หลังจากที่เมาเเล้วทางเจ้าตัวได้ชวนเพื่อนมานั่งดื่มด้วย แต่สุดท้ายก็ทะเลาะวิวาทกับเพื่อนจนเพื่อนทั้ง 2 คนต้องขอตัวกลับก่อน แต่ทางเจ้าตัวไม่ยอมกลับ พยายามจะยื้อไม่ให้ร้านปิด กระทั่งทางพนักงานในร้านเดินไปส่ง แต่กลับมีปากเสียงกัน ทางพี่บอล พนักงานร้านท้าว่าแน่จริงก็ต่อย ทางด้านนายหาญ (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุก็ได้ต่อยจริง ทำให้เกิดภาพตามในคลิป แต่ยืนยันว่าทางเราเองไม่ได้ไปหาเรื่อก่อน
นอกจากนี้ พฤติกรรมในร้านช่วงก่อนก่อเหตุ พบว่าเขาจะมีการพูดจาลวนลามตน ประมาณว่า "มาเป็นเด็กพี่ไหม หรือจะให้พี่เป็นเด็กน้องไหม" ประมาณนี้ หนำซ้ำเขาเองอ้างตัวเป็นตำรวจ และทำตัวกร่างพนักงานในร้าน ตลอดจนมายืมเงินตนจ่ายค่าเหล้าเป็นเงินกว่า 200 บาทด้วย ส่วนด้านแม่ของตำรวจอ้างลูกชวยตัวเองป่วย จึงไปก่อเหตุดังกล่าว
Advertisement