กรณีมีเหตุวัยรุ่นตกลงไปในคลองเสียชีวิต พร้อมกับรถจักรยานยนต์ ที่สะพานแดงจุดชมวิวปลาวาฬ ในพื้นที่นรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร พื้นที่รับผิดชอบของโรงพักสภ.โคกขาม เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. เวลา 22.00 น. ทราบชื่อผู้ตายต่อมา นายชัยพัฒน์ (สงวนนามสกุล)
ทั้งนี้ เพื่อนและพี่ชายของคนตาย ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุวัยรุ่นเจ้าถิ่นขับรถเก๋งสีดำมากัน 3 คน มีอาวุธมีดดาบยาว และมีปืน ไล่ยิงและใช้มีดไล่ฟัน กระทั่งนายชัยพัฒน์ต้องขี่รถหลบหนี แต่หนีไม่ทัน ครอบครัวจึงคาใจว่านายชัยพัฒน์ ถูกกลุ่มของเจ้าถิ่นทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย ก่อนจะจับร่างโยนลงไปในคลองพร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์
เนื่องจากว่า ลักษณะเป็นการอำพรางศพ ประกอบกับผลชันสูตรพริกศพไม่ตรงกับสภาพศพที่ครอบครัวเห็น โดยสภาพศพมีแผลบริเวณใบหน้า และปอดฉีกขาด แต่ผลของทางตำรวจยืนยันว่าประสบอุบัติเหตุ สมองกระทบกระเทือนถึงแก่ความตาย และการคาใจครั้งนี้ญาติตัดสินใจว่าจะยังไม่เผาศพนายชัยพัฒน์ จนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน
ล่าสุดวันที่ 30 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเส้นทางก่อนถึงทางเข้าสะพานแดงจุดชมวิวปลาวาฬ ในเขตพื้นที่นรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร เป็นลักษณะถนนคอนกรีต 2 เลน บางช่วงจะเป็นลักษณะถนนลาดยางมะตอย แต่ก็เป็น 2 เลนสวนเหมือนกัน ฉะนั้นการใช้ความเร็วบนถนนดังกล่าวจะต้องไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะลักษณะทางไม่ได้กว้าง แต่เมื่อถึงจุดเกิดเหตุเป็นลักษณะทางโค้งหักศอกไปทางขวา จุดดังกล่าวมีศาลเจ้าแม่สีทอง ที่ชาวบ้านในละแวกนั้นเคารพนับถือ อีกทั้งยังมีเสาปูนที่ชาวบ้านขุดหลุมฝังเอาไว้เพื่อเตรียมที่จะล้อมรั้ว และใกล้กับศาลยังเป็นคลอง
สำหรับการลงพื้นที่ของทีมข่าวในวันนี้ ปรากฏว่าบริเวณทางโค้งหักศอกดังกล่าวนั้นทางทีมข่าวสังเกตเห็นต้นหญ้าที่ล้มเป็นทางยาว ลักษณะคล้ายรถของคนตายพุ่งตรงลงไปที่คลอง โดยไม่ได้มีการโค้งขวาไปตามถนน จากนั้นยังพบว่ามีเสาปูนที่ชาวบ้านขุดลุมฝั่งเอาไว้เตรียมที่จะทำรั้วหักเป็น 2 ท่อน แต่ยังยึดติดกันได้เพราะเนื่องจากมีเหล็กด้านใน จึงเป็นไปได้หรือไม่ว่าเมื่อรถมอเตอร์ไซค์ของคนตายขี่มาด้วยความเร็ว มีโอกาสที่จะพุ่งตกลงไปในคลองโดยที่ไม่มีอะไรขวางกั้น แต่การลงพื้นที่ของทีมข่าววันนี้สังเกตว่าบริเวณโดยรอบไม่มีกล้องวงจรปิด
นายก๊าช (นามสมมติ) ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ และเป็นคนช่วยนำร่างของคนตายขึ้นมาจากน้ำ เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าวกลุ่มของตนนั่งล้อมวงกันอยู่ที่แพรหอย ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ก่อนจะได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์แหกโค้งชนกับเสาปูนเสียงดังโครม หลังจากนั้นสังเกตเห็นว่ามีรถเก๋งสีดำมาจอดอยู่ที่บริเวณทางโค้ง ลักษณะไล่กวดรถมอเตอร์ไซค์มา มีคน 3 คนเดินลงมาจากรถเก๋งสีดำ แต่ช่วงกลางคืนยอมรับว่าค่อนข้างมืด จึงไม่รู้ว่าในมือมีอาวุธอะไรบ้าง ตนได้ยินแต่เสียงคล้ายปืนดังขึ้น 2 นัด ไม่ได้มีการยิงเข้ามาที่คลอง แต่ยิงไปที่ต้นหญ้าข้างทาง หลังจากที่กลุ่มของรถเก๋งสีดำมองไม่เห็นใคร จึงได้ขับรถกลับไปมือเปล่า
ทั้งนี้ ตนเห็นว่าในตอนนั้นมีรถมอเตอร์ไซค์พุ่งตกลงไปในน้ำ ประกอบกับมีคนขับตกลงไปด้วย จึงกลัวว่าจะเกิดอันตราย จึงใช้ไฟส่องลงไปดูในน้ำ เห็นแต่รถมอเตอร์ไซค์ที่โผล่ขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนั้นคนตายไม่มีสัญญาณชีพแล้วแม้ว่าจะช่วยปั๊มหัวใจ ฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนคดว่าเป็นอุบัติเหตุที่คนตายถูกรถเก๋งสีดำขับไล่กวด กระทั่งพุ่งตกลงไปในน้ำ และคนตายก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังจากที่มีการช่วยเหลือ นำร่างคนตายขึ้นมาจากน้ำแล้ว ตนสังเกตเห็นว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งนั่งเกาะอยู่ที่ต้นไม้ข้างคลอง ลักษณะหวาดกลัวยังไม่ยอมขึ้นมาจากน้ำ ตนก็ได้พยายามถามว่า "เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงถูกไล่ตาม" แต่เด็กที่รอดก็ไม่ยอมให้ข้อมูล บอกแต่ว่ามาเที่ยวสะพานแดง
จากนั้น ตนพบว่าในตัวของคนตายมีลูกระเบิดปิงปองมากกว่า 30 ลูก ทั้งหล่นออกมาเอง และลอยอยู่ในน้ำ ตอนนั้นตนก็ตกใจว่าทำไมถึงต้องมีระเบิดปิงปองติดตัว ทั้งที่อ้างว่าพากันมาเที่ยวที่สะพานแดงดูปลาวาฬ ซึ่งก็ผิดวิสัยจากเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่พากันมาเที่ยว หากมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ก็คงไม่จำเป็นต้องพกระเบิดปิงปองมา และที่สำคัญตนเพิ่งทราบจากชาวบ้านที่อยู่ละแวกในที่เกิดเหตุ เล่าให้ฟังภายหลังว่ากลุ่มเด็กเหล่านี้คาดว่ามีการปาระเบิดปิงปองใส่กลุ่มของรถเก๋งสีดำ จึงทำให้ถูกไล่ล่าจนประสบอุบัติเหตุดังกล่าว
ทีมข่าวได้คุยกับนายแบงค์ (นามสมมติ) พี่ชายของนายชัยพัฒน์ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุตนและน้องชาย ตั้งใจจะไปที่สะพานแดง แต่ขณะนั้นยังขี่รถไปไม่ถึง ตนสนใจแต่ก้มดู GPS และเห็นว่ามีรถเก๋งสีดำถอยออกมา รถของตนได้หักหลบ จากนั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่นตะโกนบอกว่า “หยุด ๆ มึงหยุดรถ” แต่ขณะนั้นตนเห็นว่ากลุ่มวัยรุ่นหยิบมีดดาบยาวขึ้นมาก่อเหตุ และเหวี่ยงมีดมาโดนที่เอวของตนเป็นแผลเล็กน้อย ตนจึงได้ตัดสินใจเร่งเครื่องและเปลี่ยนเส้นทางกลับบ้าน โดยไม่ไปที่สะพานแดงแล้ว ซึ่งก็ทิ้งห่างกับรถมอเตอร์ไซค์ของน้องชาย
กระทั่งทราบภายหลังว่ารถเก๋งสีดำคันดังกล่าวได้เปลี่ยนไปไล่กวดน้องชาย แต่ตอนนั้นก็คิดว่าน้องชายเอาตัวรอดได้ ไม่คิดว่าจะขี่รถประสบอุบัติเหตุตกคลอง ซึ่งตนมาทราบเมื่อถึงที่บ้านแล้ว ส่วนกรณีที่พบระเบิดปิงปองในตัวของน้องชายจำนวนมากนั้น น้องชายได้ซื้อเพื่อจะจุดเล่น ฉะนั้นตนยืนยันว่าการพกระเบิดปิงปองหรือประทัดยักษ์ เป็นเพียงแค่นำไปเล่นเพื่อความสนุกสนาน ไม่ได้จุดใส่ชาวบ้านจนเป็นการสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ตนจึงไม่รู้ว่ารถเก๋งดำทำไมต้องไล่กวด
ทั้งนี้ หลังจากที่ตนทราบว่าตำรวจมีการคุมตัวผู้ต้องหาที่ไล่ยิงและไล่ฟันกระทั่งรถของน้องชายประสบอุบัติเหตุ ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่ามีการจับจริงหรือไม่ เพราะหลังจากที่น้องชายเสียชีวิต ยังไม่มีคำขอโทษจากผู้ต้องหา ไม่รู้แม้แต่หน้าตา และไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ที่สำคัญไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชนวนเหตุที่ทำให้ต้องขับรถไล่ยิงไล่ฟันกันแบบนี้เป็นเพราะอะไร
ทีมข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดโกรกสิงขร จังหวัดราชบุรี ญาติ ๆ จัดพิธีสวดอภิธรรมศพภายในศาลาของวัด มีเพื่อนนักเรียน เพื่อนในหมู่บ้าน และญาติพี่น้องเดินทางมาร่วมงานสวดอภิธรรมในคืนนี้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า แม้ว่าทางญาติจะมีพิธีสวดอภิธรรมตามปกติ แต่หากคดีไม่มีความคืบหน้า ครอบครัวก็ยังยืนยันว่าจะเก็บศพเอาไว้จนกว่าจะได้รับความชัดเจนจึงจะจัดพิธีฌาปนกิจศพต่อไป
นางสาวอานาดา ศรีมนตรี อายุ 38 ปี ป้าของคนตาย เปิดเผยว่า หลังจากที่ครอบครัวทราบว่าหลานชายประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต ขณะนั้นก็ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้ครอบครัวไปให้ปากคำที่โรงพัก แต่เมื่อไปถึงที่โรงพักมีการแจ้งกับครอบครัวว่า ต้องเปลี่ยนพนักงานสอบสวนใหม่ ตอนนั้นก็ยังไม่ทันได้เอะใจว่าทำไมต้องเปลี่ยนกะทันหัน หลังจากนั้นตนก็ได้พยายามขอรายละเอียดเกี่ยวกับคดี พนักงานสอบสวนแจ้งว่าหลานชายขี่รถแหกโค้งชนกับสะพาน ร่างกระเด็นลงไปอยู่ในคลอง ครอบครัวจึงพยายามไปดูที่เกิดเหตุ แต่พนักงานสอบสวนก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือหรือแจ้งพิกัด ฉะนั้นตนจึงมองว่าพนักงานสอบสวนไม่ตรงไปตรงมา และที่สำคัญหลานชายก็ไม่ได้ชนสะพานจนถึงแก่ความตาย ครอบครัวจึงเริ่มสงสัยมากยิ่งขึ้นว่าการตายเกิดจากสาเหตุอะไร
หลังจากนั้น ตนก็ได้ไปสอบถามชาวบ้านที่อยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ จึงรู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม พยายามหาคำตอบ และรอผลการชันสูตรศพ ซึ่งแผลดังกล่าวทำไมไม่สอดคล้องกับพนักงานสอบสวนแจ้งให้กับครอบครัวทราบ คดีนี้จึงมีอะไรที่ทำให้ครอบครัวสงสัยหลายอย่าง แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบจากพนักงานสอบสวน กระทั่งครอบครัวพยายามทวงถาม ตำรวจก็แจ้งว่ามีการจับกุมผู้ต้องหาส่งศาลฝากครั้งแล้ว ยิ่งทำให้ครอบครัวคาใจมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้แจ้งว่ายังไม่จับหรือแจ้งข้อกล่าวหาได้ ฉะนั้นหากครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้รับความชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะเตรียมนำศพของหลานชายไปร้องขอความเป็นธรรมที่หน้าโรงพัก ตนยืนยันว่าจะยังไม่เผาร่างของหลานชาย จนกว่าข้อข้องใจของครอบครัวจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวตรวจสอบไปยัง พ.ต.อ.สมชาย ขอค้า ผกก.สภ.โคกขาม เปิดเผยว่า ขนะนี้ตำรวจได้ออกหมายจับและนำตัวผู้ต้องหา 3 ราบ ได้แก่ นายใหม่ นายบอล และนายปอ ฝากขังต่อศาลแล้ว โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เนื่องจากมีพฤติกรรมขับรถไล่ล่ารถของผู้ตายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย พร้อมทั้งมีการตรวจยึดอาวุธปืนไม่มีใบอนุญาต และอาวุธมีดยาว จึงได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาพกพาอาวุธไปในทางสาธารณะ และใช้อาวุธปืนยิงในที่สาธารณะ ชุมชน โดยใช่เหตุ ซึ่งสามารถดำเนินการได้วันที่ 27 ธ.ค.64 และนำตัวฝากขังในวันที่ 28 ธ.ค.64
Advertisement