หมอฆ่าหมอส่อพลิก! เมียยันผัวเมาเคยพุ่งหลาว สื่อลุยดูตรงผู้เชี่ยวชาญจับโยน (คลิป)

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำ คดีระหว่างพนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.ปราโมทย์ มั่นเมือง จำเลยที่ 1 และ น.ส.จิตวิมล สุขสุวรรณ จำเลยที่ 2 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

โดยคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2553 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันโยน นพ.ศรุต ทวีรุจจนะ จากชั้น 4 ซึ่งมีความสูงประมาณ 9.76 เมตรของอาคารที่พัก ในแขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ทำให้ร่างของ นพ.ศรุต กระทบพื้นคอนกรีตจนถึงแก่ความตาย

ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบแล้ว เชื่อว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดจริง ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 2 ร่วมกันฆ่าผู้ตายจริง ไม่ใช่กรณีที่ผู้ตายฆ่าตัวตาย โดยมีสาเหตุจากเรื่องชู้สาว จำคุกจำเลย คนละ 15 ปี แต่จำเลยทั้ง 2 ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 10 ปี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับมารดาผู้ตาย

 

 

วันที่ 25 ธ.ค. 2564 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Ern Ern เปิดเผยว่าตนเองคือภรรยาของ นพ.ศรุต ได้ออกมาระบุในมุมมองส่วนตัว ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเชื่อว่าสามีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เพราะก่อนหน้านี้หากหมอศรุตกลับมาที่บ้าน มักจะมีอาการโซเซ และมักจะพุ่งตัวเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง ในกรณีนี้อาจจะเข้าใจว่าประตูระเบียง เป็นประตูห้องน้ำหรือไม่

โดยทีมข่าวพยายามติดต่ออดีตภรรยาของนายแพทย์ศรุต แต่เจ้าตัวยังไม่สะดวกให้ข้อมูลใด ๆ เพิ่มเติม ขณะที่ร้านจำหน่ายชุดเดรส ย่านงามวงศ์วาน ที่อดีตภรรยาเป็นเจ้าของนั้น ก็ยังไม่พบว่าอดีตภรรยาเข้ามาที่ร้าน และพนักงานที่ร้าน ไม่ทราบข้อมูลเรื่องส่วนตัว

โดยโพสต์ระบุว่า ในวันเกิดเหตุหมอศรุตดื่มเหล้าคนเดียวตั้งแต่ช่วงบ่าย 4-5 และโทรไปชวนหมอเอ (นามสมมุติ) และเพื่อนไปเที่ยวต่อ เมื่อออกไปเที่ยวก็โทรมาเป็นระยะ จนกระทั่งร้านปิดหมอเอโทรมาบอกตนว่า หมอศรุตเมามากน่าจะกลับไม่ไหว เลยพาไปพักที่หอพัก รู้อีกครั้งคือหมอศรุตเสียชีวิต และทางเพื่อนก็ปั๊มหัวใจจนสุดความสามารถ

"สิ่งที่หมอเอให้การคืออยู่ดีๆ หมอศรุตก็ลุกขึ้นมาแล้วพุ่งตัวออกไปเลย ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน สิ่งที่นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้านบ่อยจนปกติ คือเมื่อหมอศรุตเมากลับมาที่บ้านคือจะมีความโซซัดโซเซ พยุงตัวเองไม่ได้ มีอาการพุ่งตัวอย่างแรง เมื่อรู้สึกตัว เหมือนจะวิ่ง แรงเยอะ เหมือนวิ่งหลาว เพื่อไปเข้าห้องน้ำ แต่ห้องที่บ้านมีขนาดใหญ่มาก วิ่งได้สบาย แต่เมื่อเทียบกับห้องที่เกิดเหตุคือมีขนาดเล็กมากๆ แค่ 2 ก้าวเท่านั้น"

"เราซึ่งเป็นภรรยาผู้ตายก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าเป็นการฆ่าตัวตาย 100% ในใจยังคงเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุเรื่องพลัดตกเสมอมา เรายังคงเชื่อในความรักความมุ่งมั่นของแม่หมอศรุต และเชื่อในหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่แม่คุณหมอหามาทุกอย่าง ว่าเป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ได้ว่าหมอศรุตไม่ได้ฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องที่ถูกต้องค่ะ"

"หากเรื่องนี้ตัดสินตามที่ศาลตัดสิน คือชีวิตของคน 2 คน ต้องจบสิ้นอนาคต และทุกข์ทรมานยิ่งกว่า 11 ปี อย่างแน่นอน ในเรื่องนี้อาจเป็นเพียงอุบัติเหตุที่ต้องการคนผิดมารับผิดชอบ และมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแพะก็เป็นได้ หากการกระทำใดที่ทำกับใครไว้จะเป็นกรรมติดตัวไปตลอดกาล"

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
10 ปียังไม่สาย! ปิดคดีหมอตกตึกดับ แม่ใจแกร่งเช่าหอพิสูจน์ถูกโยน จับแฟนรวมหัวฆ่า

วันที่ 25 ธันวาคม 2564 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้ง ในพื้นที่ลาดพร้าว กทม. พบว่าบรรยากาศค่อนข้างเงียบ ห้องเช่าชั้น 4 ปิดเงียบ

นางสาวอังคนา สินธุโคตร อายุ 45 ปี ผู้พักอาศัยในตึกชั้นล่าง เปิดเผยว่า ตนเองอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์แห่งนี้มานานกว่า 10 ปี วันที่เกิดเหตุ ตนเองจำได้ว่ามีคนบอกว่ามีคนตกตึก จึงรีบมาดูในระยะไกล โดยขณะนั้นหมอศรุตสภาพศพเต็มไปด้วยเลือด มือยังขยับ แต่ผ่านไปไม่นานก็แน่นิ่งไป ตนเองไม่ได้สังเกตบาดแผลใด ๆ เพราะไม่ได้เข้าไปในระยะใกล้ เนื่องจากกลัว จากนั้นตำรวจก็มากันจำนวนมาก

โดยตนเองไม่เคยเห็นหมอศรุต เดินทางมาที่นี่มาก่อน และยืนยันว่าช่วงเกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงคนมีปากเสียง หรืออะไรผิดสังเกตเลย โดยหลังจากนั้น ก็ไม่มีเหตุการณ์คนพลัดตกจากตึกอีก ส่วน น.ส.จิตวิมล เจ้าของห้องดังกล่าว ตนเองเคยเจอ ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดี ไม่เคยคุยกัน จึงไม่ทราบนิสัยใจคอ หลังจากเกิดเหตุ แม่ของหมอศรุตก็เช่าห้องดังกล่าวไว้ เนื่องจากไม่อยากให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับหลักฐาน ตนเองมักจะเห็นแม่ของผู้ตาย เชิญผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ มาเก็บหลักฐาน อยู่บ่อยครั้งมาก

ส่วนชาวบ้านแถวนี้ไม่ได้กลัวหรือพบเจอเหตุการณ์แปลก ๆ ทุกอย่างปกติ ไม่คิดว่าเหตุการณ์ในวันนั้นคดีจะยาวนานมาถึงปัจจุบัน ขณะที่ถามว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือการฆาตกรรมนั้น ตนไม่สามารถให้คำตอบได้

ทีมข่าวทำการทดสอบ การพุ่งข้ามสิ่งกีดขวางเพื่อจำลองการก้าวข้ามระเบียง ในห้องที่เกิดเหตุที่สูง 97 เซนติเมตร โดยจำลองลักษณะความสูงใกล้เคียงกับระเบียงที่สุด ที่ความสูง 1 เมตรจากพื้น โดยใช้เหล็กพาดแทนระเบียงอาคาร

การทดสอบแบบที่ 1 คือการจำลอง ห่างจากระเบียงที่ 1.29 เมตร ซึ่งเป็นระยะห่างจริงจากประตูระเบียงกับระเบียงที่ห้องที่เกิดเหตุ โดยพบว่าไม่สามารถที่จะกระโดดหรือพุ่งตัวข้ามไปได้ เนื่องจากเป็นระยะที่ค่อนข้างใกล้ และไม่มีแรงส่ง ทำให้ขาติด

การทดสอบแบบ ที่ 2 คือการจำลอง ห่างจากระเบียง ประมาณ 65 เซนติเมตร ซึ่งก็พบว่าไม่สามารถที่จะพุ่งตัวไปได้ เพราะแนวกั้นค่อนข้างสูง

การทดสอบแบบ ที่ 3 คือการจำลอง ระยะยืนติดกับแนวกั้น พบว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถจะพุ่งข้ามไปได้ หากจะปีนข้ามก็ค่อนข้างทุลักทุเล

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังทดสอบการยืนในระยะห่างจากแนวกั้นประมาณ 3- 4 เมตร เพื่อที่จะพยายามกระโดดข้ามแนวกั้นดังกล่าวให้ได้ โดยมีการทดสอบทั้งหมด 3 คน ทั้งผู้สื่อข่าว ช่างภาพ และนักกีฬาบาสเกตบอล โดยผลการทดสอบปรากฏว่าไม่สามารถที่จะก้าวให้พ้นแนวกั้นดังกล่าวได้ ส่วนใหญ่จะก้าวขาแรกไปได้ แต่ติดขาที่สอง ทำให้แนวกั้นเหล็กตกลงที่พื้น ซึ่งหากจะเปรียบเป็นปูนที่ระเบียง ก็อาจจะก้าวข้ามผ่านไปได้ แต่ต้องใช้ระยะทางวิ่ง ก่อนจะก้าวข้ามรั้วค่อนข้างมาก แต่หากจะอยู่ในระยะใกล้แล้วพุ่งข้ามไป เป็นไปได้ยาก