กรณีเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นริมถนนประชาอุทิศ ใกล้เคียงปากซอยประชาอุทิศ 58 เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร กลุ่มวัยรุ่นกำลังไล่ทำร้ายกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย แม้จะมีตำรวจอยู่ด้วยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถหยุดความชุนมุลได้ ซึ่งจะเห็นว่าบางช่วยมีเสียงคล้ายปืนดังขึ้น 1 ครั้ง
ทั้งนี้ ก่อนที่จะเกิดความวุ่นวายขึ้น ช่วงเย็นคู่รักหนุ่มสาว ผู้เสียหาย ได้เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่ง ที่อยู่ภายในซอยประชาอุทิศ 58 เพื่อเข้าไปพูดคุยกับคู่กรณี หลังจากคู่กรณีไม่คืนเงินค่าเสื้อวินเทจ เมื่อไปถึงก็ยังไม่พบตัวคู่กรณี มีเพียงน้องสาวอยู่ภายในบ้าน จากนั้นทั้ง 2 คนก็ได้เดินกลับออกไป และเข้ามาใหม่อีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้พาป้าคนหนึ่งที่รู้จักคู่กรณีมาด้วย เพื่อจะได้เคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น
แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะน้องสาวที่อยู่ภายในบ้านไม่พอใจและเกิดการโต้เถียงด้วยคำที่ไม่สุภาพ ในระหว่างนี้ผู้เสียหายได้แจ้งให้ตำรวจเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่เป็นผล จึงได้พากันเดินออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว จากนั้นก็มีกลุ่มเพื่อนของคู่กรณีมารวมตัวกัน ก่อนจะเริ่มลงมือทำร้าย จนผู้ชายต้องวิ่งหนี ส่วนผู้หญิงก็ถูกปัดจนโทรศัพท์มือถือตกและถูกกระชากผม จนตำรวจต้องเข้ามาห้ามและพาสาวคนนี้ขึ้นไปอยู่บนรถแล้วพาไป ที่สน.ทุ่งครุ ทันที
ล่าสุดวันที่ 6 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปพบกับ นายเจกิตาน์ ชัชธนากานต์ หรือ ตี๋ อายุ 23 ปี ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ตนเปิดร้านขายเสื้อวินเทจ จู่ ๆ คู่กรณีได้ทักข้อความมา และบอกว่าจะขายเสื้อให้ จึงมีการพุดคุยกัน กระทั่งตกลงซื้อเสื้อจำนวน 10 ตัว ในราคา 14,950 บาท จากนั้นช่วงประมาณ 15.00 น. นายดำ คนที่ขายเสื้อให้ก็นัดให้ไปรับเสื้อที่ห้างฯ แห่งหนึ่งย่านสำโรง ช่วงระหว่างเดินทาง นายดำออกอุบายว่ามีเสื้อจะขายเพิ่มอีก 1 ตัว ในราคา 1,200 บาท ด้วยความเชื่อใจที่นายดำมีหน้าเฟซบุ๊กที่เชื่อถือได้ ตนก็โอนเงินเพิ่มซื้อเสื้อตัวดังกล่าว แต่พอถึงเวลานัดรับเสื้อ ปรากฏว่าติดต่อนายดำไม่ได้ ตนก็เลยโทรไปปรึกษาแฟนสาวว่าจะทำอย่างไร
กระทั่งเห็นท่าไม่ดี ตนก็เลยชวนแฟนสาวไปแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง เพราะเป็นพื้นที่เกิดเหตุ กระทั่งสืบจนรู้ว่าคู่กรณีอาศัยอยู่ที่ประชาอุทิศ 58 จึงพากันมาพูดคุย โดยตั้งใจว่าหากไกล่เกลี่ยได้ตนก็จะขอถอนแจ้งความ แต่พอไปถึงนายดำ ไม่ยอมลงมาคุย และให้น้องสาวออกมารับหน้าแทน จนเกิดเรื่องบานปลายวุ่นวายดังที่ปรากฏในคลิปไลฟ์สด
"ผมยอมรับว่ากลัวมาก ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอด และบางช่วงบางตอนก็ถูกต่อย แบบในกล้องวงจรปิดที่เห็น โชคดีที่ผมไม่ล้มลง ไม่งั้นอาจจะถูกรุมกระทืบนอนจมอยู่ตรงนั้นก็ได้ ตอนนี้ยังเจ็บที่ท้องและที่ขา หลังจากนี้จะขอดำเนินคดีทำร้ายร่างกายให้ถึงที่สุด แต่ถ้าหากนายดำ จะคืนเงินให้ก็จะถอนแจ้งความ" นายเจกิตาน์ กล่าว
นางสาวมัลลิกา แก้วบางพูด อายุ 22 ปี แฟนสาวของนายตี๋ ที่เป็นคนถ่ายคลิปไลฟ์สด ซึ่งถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน เปิดเผยว่า ก่อนที่จะไลฟ์สดตนได้เดินเข้าไปที่บ้านของนายดำ 1 รอบแล้ว แต่พอรอบที่ 2 มีคนแนะนำว่าให้ถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐาน เพราะที่บ้านหลังนี้เป็นบุคคลอันตราย ซึ่งในคลิปก็จะเห็นว่าคนในบ้านก็คือ น.ส.วราพร ด่าเสีย ๆ หาย ๆ มาก่อน แล้วก็พยายามเก็บเสื้อที่เป็นของกลางเอาไว้ ส่วนกรณีที่ น.ส.วราพร อ้างว่าตนกับป้าที่มาด้วยกัน ชี้หน้าด่าจนทำให้อารมณ์ขึ้น ตนขอยืนยันว่าไม่ได้ทำแบบที่ น.ส.วราพร กล่าวอ้าง แต่ป้าที่ไปด้วยกันด่ากันไปมากับ น.ส.วราพร เพราะว่าเขารู้จักกัน
หลังจากนั้นก็เกิดเหตุชุลมุนดังที่ปรากฏในคลิป ด้วยความเป็นห่วงแฟนหนุ่ม จึงพยายามเรียกขึ้นรถ แต่แฟนถูกกลุ่มคนของ น.ส.วราพร วิ่งไล่ทำร้าย หายไปจนตนต้องให้ป้าที่มาด้วยขึ้นไปรออยู่บนรถ ซึ่งจังหวะนั้น น.ส.วราพร ได้เดินมาทั้งตบทั้งกระทืบและปัดโทรศัพท์ที่ไลฟ์สดร่วงลงพื้น ตนยอมรับว่ากลัวมาก ๆ ได้แต่เอามือปิดหน้าเอาไว้แล้วก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร จนน.ส.วราพร หยุดทำร้าย แล้วก็ทำหน้าตาเหมือนภูมิใจที่ได้คนร้ายคนอื่น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เหตุการณ์ทุกอย่างสงบลง ตำรวจที่มาระงับเหตุก็ขับรถพาตนไปที่โรงพัก และได้พากันไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อใช้ใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ซึ่งตอนนี้จะแบ่งเป็นคดีฉ้อโกงที่ซื้อเสื้อวินเทจแล้วไม่ได้สินค้า และคดีทำร้างร่างกาย หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการดำเนินคดี
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ น.ส.วราพร เข็มเพชร อายุ 18 ปี หญิงสาวที่อยู่ในบ้านตั้งแต่ต้นคลิป และเป็นคนในคลิปที่ปัดโทรศัพท์คู่กรณี เปิดเผยว่า ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.64) อยู่ ๆ ก็มีผู้ชายและผู้หญิงคนที่ไลฟ์สดเดินเข้ามาที่บ้าน มาถามหาคนชื่อหญิง แล้วก็มาทวงเสื้อกับตน หาว่ารู้เรื่องกับพี่ชายที่ชื่อดำ ว่ามีส่วนรู้เห็นกับการโกงค่าเสื้อ ยืนไลฟ์สดด่าคนที่บ้านแบบผู้ดี ๆ ตนก็ยืนยันไปว่าไม่รู้เรื่อง คนชื่อดำไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ได้รู้เห็นเรื่องเงินค่าเสื้อ
ส่วนเสื้อที่เห็นอยู่ในบ้าน ตนยอมรับว่าเป็นเสื้อที่นายดำ มาฝากเอาไว้จริง แต่ตนให้คืนไปไม่ได้ เพราะไม่ใช่ของตน ถ้าให้คืนไปแล้วนายดำมาทวงเงินคืนจะเอาปัญญาที่ไหนหาเงินมาคืน จากนั้นพอยืนเถียงกันที่หน้าบ้านจบ คู่กรณีก็เดินออกไปที่หน้าปากซอย แต่ระหว่างเดินป้าคนที่มาด้วยหันมาชี้หน้าด่าเสีย ๆ หาย ๆ ตนก็เลยของขึ้น ออกไปยืนทะเลาะกันอีกที่หน้าปากซอย จนเป็นเหตุบานปลายชุลมุนดังกล่าว
"คนไลฟ์สดบอกว่าหนูโทรตามพวกมาเป็นร้อย ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พวกของหนูมีไม่ถึง 10 คน แต่พวกเขาต่างหากที่ตามพวกกันมาเต็มไปหมด ไม่รู้ใครเป็นใคร และยิ่งไปกว่านั้นฝั่งหนูมีแต่ผู้หญิง ฝั่งเขาหน้าตัวเมียแค่ไหนที่ทำร้ายผู้หญิงและท้าผู้หญิงต่อย ส่วนเสียงปืนที่ได้ยินในคลิป เป็นเสียงปืนที่ตำรวจยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อระงับเหตุ แล้วคนชื่อตี๋ ที่ไปแจ้งความว่าถูกฟัน จริง ๆ แล้วเขาสะดุดล้มเอง ตอนเกิดเหตุพวกของหนูไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก เพราะมวยดี ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการโกงเงินค่าเสื้อ แค่เป็นพี่น้องกับคนโกงเท่านั้น" น.ส.วราพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนก็อยากจะฝากบอกไปถึงคู่ผัวเมียให้ยกพวกมาอีก จะรออยู่ตรงนี้ พร้อมบวกเสมอ ส่วนชาวเน็ตและในโลกโซลเชียลฯ ที่พากันเอาทัวร์มาลง ก็ขอบคุณที่ทำให้ดังยิ่งขึ้น และตนจะขอแจ้งความทุกคนที่มาด่าให้กลุ่มพวกตนได้รับความเสียหาย
Advertisement