หนุ่มสติไม่ดีเมาคลั่งเหล็กแทงเพื่อนดับ ญาติใจสลายกอดเสื้อโฮรับไม่เจอหน้า 10 ปี (คลิป)
จากกรณี หนุ่มสติไม่สมประกอบกินเหล้ากับเพื่อนร่วมห้องจน เมาได้ที่ โมโหเพื่อนพูดมาก คว้าเหล็กแหลมแทงดับคาที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด วันที่ 1 พ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางลงพื้นที่ ห้องเช่า หมู่ที่ 6 ซอยโรงพิมพ์ ตำบลศรีษะจระเข้ใหญ่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ โดยสภาพห้องเช่าที่เกิดเหตุบริเวณหน้าห้องมีโต๊ะไม้กลมตั้งอยู่หน้าประตู มีกองเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง ส่วนฝั่งหน้าต่างมีเเคร่ไม้วางไว้เเละมีกองหมอนข้างเเละผ้าห่ม ส่วนภายในห้องมีขนาดประมาณ 3x4เมตร มีห้องน้ำในตัว ไม่มีเตียง มีเพียงฟูกนอนเท่านั้น
ทีมข่าวได้พบกับนายอมร เเตงสีนวล อายุ 65 ปี พ่อของนายศรัณย์ เเตงสีนวล หรือ ออฟ อายุ 36 ปี ผู้ก่อเหตุคว้าเเท่งเหล็กแทงเพื่อนร่วมห้อง เปิดเผยว่า ตนเองทำงานรับเหมางานต่อเติมก่อสร้างบ้านเเละโรงรถ เมื่อ 3 เดือนที่เเล้ว นายสุริยา ดุพงษ์ อายุ 45 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดหนองคาย เดินทางมาทำงานก่อสร้างที่อำเภอบางเสาธง ตอนนั้นนายยา ได้หาที่อยู่เเต่หาไม่ได้ ตนจึงให้นายยามาพักอาศัยอยู่ด้วยกันในห้องเช่าเเห่งนี้ ตอนนั้นนายยามีเสื้อผ้ามาเเค่ 2 ชุดเท่านั้น โดยในห้องเช่า นายยานอนในห้องบริเวณด้านหน้าประตูชิดมุมผนัง ส่วนตนเเละนายออฟ ลูกชาย นอนอยู่บนฟูกด้วยกัน นิสัยของนายยาที่ตนรู้คือมักจะกินเหล้าเป็นประจำ เวลาเมาจะพูดมาก เเต่ถ้าปกติก็จะเป็นคนเงียบ ๆ ซึ่งเมื่อก่อนนายสุริยาจะชอบกินเหล้าตอนเช้า ตนก็เคยเตือน นายสุริยาก็ฟัง แต่มากินเหล้ากับนายออฟทุกวันตอนเย็น มักจะทะเบาะกันบ่อย ๆ
นายอมร เผยว่า ครอบครัวของตน มีลูกชาย 2 คน เเต่คนเล็กมีครอบครัวอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเเม่ของนายออฟเสียไปตั้งเเต่ก่อนที่นายออฟจะเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ตนจึงอยู่กับลูกชายเเค่ 2 คน เดิมนายออฟเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่เเล้ว ซ้ำเคยมีคดีลักทรัพย์ ขโมยมอเตอร์ไซค์ ตอนนั้นเคยติดคุก 5 ปี ก่อนออกมาเเละคบหากับภรรยาคนหนึ่ง เมื่อก่อนนายออฟฟทำงานขับรถรับส่งพริตตี้งานวัด เเต่หลังจากนายออฟประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ เมื่อเกือบ 20 ปีที่เเล้ว นายออฟนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เป็นเจ้าชายนิทรานานเป็นเดือน จนภรรยาทิ้งไป ผลจากการประสบอุบัติเหตุ ทำให้ท้อนล่างนายออฟต้องดามเหล็ก ทำให้เดินไม่สะดวก สมองได้รับการกระทบกระเทือนจนกลายเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว ความจำสั้น พูดวกไปวนมา เจาะคอ พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง
ก่อนหน้านี้ประมาณเกือบ 2 เดือน นายออฟเเละนายสุริยา เคยต่อยกันมาก่อน 1 ครั้งเนื่องจากนายสุริยาเมาเเล้วพูดไม่รู้เรื่อง เเต่ตอนนั้นตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืน ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ทั้ง 2 คนมีการตั้งวงกินเหล้าขาวกันบริเวณหน้าห้องเช่า เเล้วก็มีเพื่อนร่วมงานมากินเหล้าด้วยอีกประมาณ 3-4 คน ตัวของนายออฟกินเหล้าไปน้อยมาก เเค่ประมาณ 2-3 แก้วเท่านั้น หลังจากนั้น ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. เพื่อน ๆ ที่มาก็เเยกกันกลับบ้าน ตนนั่งกินข้าวอยู่ในห้อง ส่วนผู้ตายเเละลูกชายของตนนั่งกินข้าวข้างนอก ก่อนจะมีปากเสียงกัน ซึ่งตนฟังไม่ถนัดว่าเรื่องอะไร ได้ยืนเเค่ว่า “กินเหล้ามาก กินเหล้าน้อยอะไรสักอย่าง” ตนจึงออกมาเรียกลูกให้กลับเข้าบ้าน เพราะไม่อยากให้ทะเลาะกันอีก เพื่อนข้างห้องก็เดินมาช่วยห้ามลูกชายของตนด้วย ตนมีการตบสั่งสอนลูกตัวเองไป 2-3 ครั้ง เพื่อเรียกสติ พอดึงเข้ามาในห้องได้ ลูกชายก็ดื้อดึง ขัดขืนจะออกไปข้างนอก ที่เห็นว่ามีถ้วยชามเเตก คือตนพยายามยื้อลูกชายไว้ จบนายออฟสงบลง ตนคิดว่าเรื่องจะจบ
สักพักนายออฟเดินออกไปนอกบ้านอีก พอตนตามไปดูอีก ก็เห็นว่านายออฟใช้เหล็กแหลมแทงไปที่บริเวณ ซี่โครงด้านซ้ายของนายสุริยาเเล้ว ตนไม่รู้ว่านายออฟไปเอามาจากที่ไหน ซึ่งนายออฟเป็นคนดึงเหล็กออก ตนจึงเห็นก่อนจะเข้าไปเเย่งเหล็กออกจากมือลูกมา ตอนนั้นที่เหล็กก็ยังไม่มีร่องรอยเลือด ตอนนั้นยังดีใจอยู่เลย ว่าเเทงพลาด คงไม่เป็นอะไร จนผ่านไปไม่ถึง 5 นาที นายสุริยาก็กระอักเลือดออกทางจมูกและปาก จากนั้นเพื่อนข้างห้องก็โทรเรียกรถพยาบาลเเละตำรวจ ส่วนตนก็พยายามพานายสุริยาไป รพ. ตอนนั้นให้นายสุริยานอนตักและพยายามเรียกสติ เเต่นายสุริยาก็สิ้นใจคาตักของตน ส่วนตัวของลูกชายก็ยืนนิ่ง รอเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้เดินทางไปเยี่ยมลูกชายที่ สภ.บางเสาธง ได้ไม่ถึง 5 นาที ตนบอกลูกว่า ไม่น่าเลย ทั้ง ๆ ที่ห้ามเเล้ว เเต่ลูกชายก็บอกว่า “กล้าทำก็กล้ารับ พ่อไม่ต้องเป็นห่วง”
ส่วนเรื่องประกันตัว ก็คงจะไม่ประกันเพราะ ตนไม่มีเงิน เเละก็ไม่ได้คุยกับตำรวจเลย ส่วนเรื่องรับผิดชอบ ตนก็ไม่มีอะไรจะไปชดใช้ให้ได้ เพราะตนไม่มีเงิน ไม่รู้ว่าญาติเขาจะเอาอย่างไร ส่วนคนที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือลูกของตน ที่มาอยู่บ้านคนเเล้วตาย ตนเสียใจมาก อยากขอโทษญาติคนตายมาก ๆ เข้าใจความรู้สึกฝั่งญาติคนตาย ใครก็รักลูกตัวเองทั้งนั้น
ในขณะเดียวกัน เวลา 14.00 น. น.ส.กมลชนก ประเวระไภ อายุ 47 ปี พี่สาวของผู้ตาย เดินทางมาพร้อมเพื่อนสนิท มาที่บ้านที่เกิดเหตุ เพื่อมาเก็บข้าวของของน้องชายกลับไป หลังจากนั้น นายอมรยกมือไหว้สวัสดี น.ส.กมลชนก ก็สอบถามกับนายอมรว่ามันเกิดเหตุอะไรขึ้น จากนั้นนายอมรก็เดินมาชี้บริเวณที่ผู้ตายนั่งอยู่หน้าห้องเช่าให้พี่สาวได้ดู ทำให้พี่สาวของนายสุริยาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงสั่นว่าคนก่อเหตุตั้งใจที่จะทำร้ายน้องชายของตนหรือไม่ ก่อนที่ น.ส.กมลชนก จะร้องไห้สะอึกสะอื้น บอกกับนายอมรว่า "น้องชายมีครอบครัว เหมือนลูกของคุณลุง ไม่ใช่คนไม่มีครอบครัว เเค่ไม่มีใครรู้เเค่นั้นเอง อยู่ด้วยกันถึง 3 เดือนก็ไม่น่าจะถึงขั้นนี้ น่าจะรู้นิสัยกันเเละกันเเล้ว ถึงตนจะไม่ได้เจอน้องบ่อย ไม่ได้เจอมาจะ 10 ปี เเต่ก็รู้ว่าน้องเป็นคนนิสัยยังไง น้องเป็นคนไม่ว่าใคร น้อยมากที่จะหาเรื่องคนอื่น ตอนนี้คุณลุงยังลุกมานั่งคุยโทรศัพท์ได้ เเต่สภาพเเม่ของตนตอนนี้ เเทบจะไม่อยากมีชีวิตอยู่เเล้ว คุณลุงจะเข้าใจความเจ็บปวด"
ก่อนที่ น.ส.กมลชนก จะถามหาเสื้อผ้าของน้องชายอยู่ที่ไหน นายอมรก็หยิบเอากระเป๋าเงิน เเละโทรศัพท์มือถือ รวมถึงเสื้อผ้ามาของนายสุริยามาให้กับ น.ส.กมลชนก พร้อมกับบอกว่า "ตั้งเเต่เกิดเรื่องชีวิตก็ไม่ได้คิดถึงลูก เเต่คิดถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิตมากกว่า นายสุริยาเคยพูดอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่ต่อยกับนายออฟลูกชายว่าจะกลับไปหาพี่สาว" หลังจากนั้น น.ส.กมลชนกก็ร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง พร้อมกับกอดข้าวของของน้องชาย บอกว่า "จะกลับไปหาพี่เเล้วทำไมตาย ทำไมเหลือไว้ให้เเค่นี้ให้พี่ดู" ด้านนายอมรก็ได้เเต่ลูบหัวปลอบ บอกว่าให้ใจเย็น ๆ เพราะตนก็เสียใจไม่เเพ้กัน "จะใช้คำขอโทษก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร เพราะลูกชายก็ฆ่าเขาไปแล้ว" ซึ่งเสื้อผ้าที่น้องชายเคยใส่ ตนก็จะเอาไปซัก เเละหากว่าชุดไหนใช้ได้ดีอยู่ก็จะเอาไปให้คนอื่นที่เดือดร้อน
น.ส.กมลชนก เรียกน้องชายให้กลับบ้าน บอกว่า "เเม่กำลังมา กลับบ้านไปกับพี่นะ กลับบ้านเรา แกจากมานานมากพอเเล้ว กลับบ้านเรานะน้อง" หลังจากนั้นนายอมรก็เดินเอาเสื้อคลุม 2 ตัวมาให้ น.ส.กมลชนก บอกว่าเป็นเสื้อที่นายสุริยาชอบใส่มาก ก่อนที่นายอมรจะฝากให้ น.ส.กมลชนก ห่มเสื้อตัวนี้ให้นายสุริยาเป็นครั้งสุดท้าย
Advertisement
