กรณีคลิปวิดีโอที่เผยแพร่บนโซเซียลมีเดียล ปรากฏภาพทีมอาสารักษาดินแดง ชุดปฎิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 7 คน บุกเข้าไปค้นบ้านและพยายามใช้กำลังจับกุมชาวบ้าน จำนวน 3 คน ในเขตพื้นที่ อ.ท่าศาลา หลังจากได้รับแจ้งว่ามียาเสพติดภายในบ้านหลังดังกล่าว
ทั้งนี้ ภายในคลิปจะปรากฏเหตุการณ์ชุลมุน ชาวบ้านออกมาด่าทอเจ้าหน้าที่ หลังเห็นว่าอาสาคนหนึ่งหยิบถุงสีน้ำตาลจากรถยนต์ มาวางไว้ที่ข้างบ้านของผู้ต้องสงสัย ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่พอใจ ต่างออกมาด่าทอเจ้าหน้าที่จนเหตุการณ์ชุลมุน
ล่าสุดวันที่ 24 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้พบกับนายโอภาส เชาวลิต ทนายความของผู้ต้องสงสัยที่ถูกกลุ่มอาสาเข้าไปจับกุม โดยทนายความ ได้นำหลักฐานภาพถ่ายที่ผู้ต้องสงสัยถูกทำร้ายร่างกาย คลิปวิดีโอและคำให้การของชาวบ้าน มาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเอาผิดกับกลุ่มอาสา 7 คนที่มีการบุกรุกบ้านของชาวบ้าน โดยอ้างว่ามียาเสพติดไว้ในครอบครอง การบุกรุกยังได้เข้าไปทำร้ายร่างกายผู้ต้องสงสัยและภรรยาจนได้รับบาดเจ็บ ทำลายข้าวของทำให้เจ้าบ้านเสียทรัพย์ ทำให้ผู้ต้องสงสัยได้รับโทษทางอาญา และแจ้งความดำเนินคดีถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่นำทีมเข้าจับกุมโดยมิชอบด้วย
ขณะที่ผู้ต้องสงสัย ยอมรับว่าเสพยาเสพติดจริง เพราะต้องขับรถขนส่งสินค้า และเสพมาได้หลายวันแล้ว แต่ยืนยันว่าในบ้านไม่มียาเสพติด ตามที่ถูกจับกุม เป็นยาไอซ์ 3.4 กรัม ยาบ้า 18 เม็ด ซึ่งใส่ไว้ในถุงบุหรี่ แต่ผู้ต้องสงสัยบอกว่าไม่ได้สูบบุหรี่ยี่ห้อดังกล่าว แต่เป็นการจงใจของเจ้าหน้าที่ที่นำมาวางไว้เพื่อยัดยา
"ที่ผมเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้าน เพราะชาวบ้านร้องเรียนมาบ่อยมาก ว่ากลุ่มนี้เข้ามารุกรานเพื่อรีดทรัพย์ จึงเข้าช่วยเหลือ ขณะที่ผู้ต้องสงสัยและครอบครัวเมื่อถูกจับ ชาวบ้านก็พยายามช่วยกันหาหลักทรัพย์ 500,000 บาท มาช่วยประกันตัวทั้ง 3 คนออกมา" ทนายโอภาส กล่าว
ทีมข่าวลงพื้นที่กองร้อยอาสารักษาดินแดน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อสอบถามกับ นายศักดิ์ชาย นันทเกษตร ปลัดอําเภอท่าศาลา และเป็นหัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอท่าศาลา นำทีม อส.ที่ลงพื้นที่ปฎิบัติการในวันเกิดเหตุ
โดยนายศักดิ์ชาย กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ ตนและทีมงานได้รับแจ้งจากสายข่าวว่านายจิรศักดิ์ ผู้ต้องสงสัยค้ายาเสพติดและเสพยาเสพติด อยู่ที่บ้านพอดี ทีมปฎิบัติการได้ติดตามนายจิรศักดิ์ มาโดยตลอด เพราะนายจิศักดิ์ มักจะไม่อยู่กับที่ จับตัวได้ยาก พอรู้จุดว่านายจิรศักดิ์อยู่กับที่ จึงรีบลงพื้นที่ไปจับกุมตัว เวลา 16.45 นของวันที่ 19 ต.ค.64 ที่ผ่านมา
"พอลงไปถึงบ้าน ได้แบ่งกำลังออกเป็น 3 หน่วย เจ้าหน้าที่ปิดล้อมหน้าบ้าน 4 นาย เห็นว่า 2 สามีภรรยากำลังเสพยาเสพติดอยู่ในห้อง เจ้าหน้าที่ไปถึงที่บ้านพยายามจะเข้าไปจับกุมตัวผู้ต้องหา จากนั้นก็เกิดกระทบกระทั่งกับพ่อของผู้ต้องหา ที่ไม่ยอมให้เข้าไปภายในบ้าน จนเจ้าหน้าที่พยายามดันประตูหลังบ้านเพื่อเข้าไปจับกุม" ปลัดอําเภอท่าศาลา
ส่วนเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงหน้าต่าง มองเห็นสามีภรรยากำลังเสพยาเสพติด ก็ถูกผู้ต้องหาขว้างจานใส่มาทางหน้าต่างจนแตก เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าถึงตัวผู้ต้องหาได้ ก็เกิดการต้อสู้กัน เพราะผู้ต้องหาขัดขืนและหยิบมีดอีโต้วิ่งไล่ฟัน อส.ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ที่เหลือก็ฟกช้ำดำเขียว ส่วนภรรยาของนายจิรศักดิ์ ตอนนั้นหยิบยาเสพติด และวิ่งหนีกระโดดออกจากหน้าต่างทั้งผ้าขนหนู และทิ้งยาเสพติดไว้ข้างบ้าน ก่อนจะวิ่งไปหาชาวบ้านให้เข้ามาช่วยเหลือ ทำให้ประชนกล่าวหาว่า อส.ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พ่อของนายจิรศักดิ์ ยังได้แย่งของกลางชุดเสพยาเสพติดไป โชคดีเจ้าหน้าที่ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานทัน ส่วนยาเสพติดที่พบเจอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ยัดยา แต่ภรรยานายจิรศักดิ์ นำมาทิ้งไว้ อส.ตามไปพบ
นายหมู่ใหญ่ สานิต ปานดำ อส.ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอท่าศาลา บุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเดินไปหยิบยาเสพติดจากในรถยนต์และนำมาวางไว้ที่ข้างบ้าน กล่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุตนเป็นคนไปพบนายจิรศักดิ์กับภรรยา กำลังนั่งเสพยา โดยมองเห็นจากทางหน้าต่าง ตนจึงสั่งให้ทั้ง 2 คนหยุด นายจิรศักดิ์ ได้เขวี้ยงจานมาทางตน ทำให้กระจกหน้าต่างแตก ตนยืนยันว่าหน้าต่างที่แตก เพราะนายจิรศักดิ์ เป็นคนทำเอง พอเจ้าหน้าที่ที่อยู่หลังบ้านเข้าบ้านมาได้ พยายามเข้าไปจับกุม แต่นายจิรศักดิ์ ขัดขืนจนต่อสู้กัน ตนก็เข้าไปช่วยจับกุม เก็บอุปกรณ์การเสพยาเสพติด
แต่พ่อของนายจิรศักดิ์ ก็มายื้อแย่งไปได้ ขณะที่ภรรยานายจิรศักดิ์ ใช้จังหวะชุลมุนกระโดดออกจากหน้าต่าง นำยาเสพติดทิ้งลงข้างบ้าน แล้วไปตามชาวบ้านมาช่วยเหลือ จากนั้นก็รุมด่าทอเจ้าหน้าที่ื นายจิรศักดิ์ ก็วิ่งไปคว้ามีดพร้าไล่ฟันนายสุชาติ เพชรโยธา อส.อีกคน บาดเจ็บที่แขนซ้าย เย็บ 8 เข็ม ก่อนที่ชาวบ้านจะมาช่วยกันระงับอารมณ์นายจิรศักดิ์ ระหว่างนั้นตนเห็นท่าไม่ดี จึงนำมือถือที่ถ่ายภาพไว้ไปเก็บในรถยนต์ส่วนตัว เพราะกลัวถูกพ่อนายจิรศักดิ์ และชาวบ้านนำไปทำลาย ขณะที่ยาเสพติดที่ข้างบ้านถูกพบเป็นหลักฐานก่อนหน้านี้แล้ว
"ชาวบ้านกลับบอกว่าผมเป็นคนเอายามายัดไว้ และที่ชาวบ้านถามหาบัตร อส. ผมก็บอกว่าขาด ไม่ใช่หมายถึงบัตรหมดอายุ แต่บัตรขาดล่วงระหว่างจับกุม วันนี้จึงนำบัตรมาให้ดู เป็นหลักฐานว่าผมเป็น อส.ที่มีการแต่งตั้งตามคำสั่งจากฝ่ายปกครอง ไม่ได้แอบอ้างใด ๆ" เจ้าหน้าที่รายนี้ กล่าว
พ.ต.ท.เกษมสิทธิ์ จำปาทอง รองผกก.(สอบสวน) สภ.ท่าศาลา กล่าวว่า ในวันที่ 19 ต.ค.64 เจ้าหน้าที่ อส.ฝ่ายปกครองอำเภอท่าศาลา พร้อมด้วยปลัดอำเภอ นายศักดิ์ชาย นันทเกษตร ที่เป็นหัวหน้าชุดจับกุมในวันนั้น ได้นำตัวนายจิรศักดิ์ อินณรงค์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องสงสัยเสพยาเสพติด พร้อมภรรยา และพ่อของนายจิรศักดิ์ มาที่โรงพักเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยแจ้งข้อหานายจิรศักดิ์ ในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ขณะปฎิบัติตามหน้าที่ เสพยาเสพติด และมียาเสพติดไว้ในครอบครอง
ส่วนภรรยาและพ่อของสามี ถูกแจ้งข้อหาช่วยเหลือผู้ต้องหา ขัดขวางการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยทั้ง 3 คนได้ถูกตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ปรากฏว่ามีเพียงนายจิรศักดิ์ คนเดียวพบสารเสพติดในร่างกาย ก่อนจะให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเสพยาบ้ามา 3 วันที่แล้ว เนื่องจากขับรถระยะทางไกลรับส่งผลไม้จากสวน และยืนยันว่าไม่ได้ค้ายาเสพติด และยาเสพติดที่พบในบ้านไม่ใช่ของตัวเอง เป็นยาเสพติดที่ชุด อส.นำมา เพื่อยัดยารีดไถเงิน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน และให้เจ้าหน้าที่ลงไปสืบพยานในพื้นที่ รวมถึงสืบชุดอส.ของฝ่ายปกครองด้วย ส่วนยาเสพติดยาบ้า ยาไอซ์ และบรรจุภัณฑ์ นำไปตรวจพิสูจน์ DNA ว่ามาจากใครกันแน่ ตนยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และยืนยันว่าชุดที่เข้าไปจับกุมนายจิรศักดิ์ ไม่ใช่ตำรวจ เป็นชุดของฝ่ายปกครองที่แต่งตั้งมาเพื่อปฏิบัติการพิเศษปราบปรามการกระทำความผิดในพื้นที่ ซึ่งก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปจับกุมผู้กระทำความผิดได้ ส่วนการดำเนินคดีเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
Advertisement