8 โรคที่มากับน้ำท่วม ภัยสุขภาพที่ต้องเฝ้าระวัง วิธีป้องกันดูแลตัวเอง

3 ก.ย. 68

14:27 น.

แชร์

เตรียมรับมือเหตุการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง น้ำท่วมฉับพลันจากอิทธิพลของพายุ เปิด 8 โรคที่มากับน้ำท่วม พร้อมแนะวิธีป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคและภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แม่น้ำน่านเริ่มล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในชุมชน จ.พิจิตร

กองทัพภาคที่2 โพสต์ "ยามศึกเรารบ ยามสงบเราช่วยเหลือประชาชนน้ำท่วม

นครพนมอ่วม เจอพายุ 2 ลูกซ้อน ถล่มน้ำท่วมบ้านเสียหายยับ

ในช่วงนี้ซึ่งหลายพื้นที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง กลุ่มโรคที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ กลุ่มโรคติดต่อทางอาหาร-น้ำ และกลุ่มโรคจากการสัมผัส

8 โรคที่มากับน้ำท่วม

โรคไข้หวัดใหญ่
โรคปอดอักเสบ
โรคอาหารเป็นพิษ
โรคอุจจาระร่วง
โรคไข้ฉี่หนู
โรคไข้ดิน
โรคน้ำกัดเท้า
โรคตาแดง

วิธีดูแลตนเองป้องกันโรคที่มาจากน้ำท่วม

ไม่ทิ้งขยะทุกชนิด หรือขับถ่ายของเสียลงแหล่งน้ำที่ท่วมขัง ให้ทิ้งขยะหรือสิ่งปฏิกูลลงในถุงพลาสติกและมัดปากถุงให้แน่นแล้วเก็บไว้ในที่แห้ง
อย่าปล่อยให้เด็กลงเล่นน้ำโดยลำพัง เพราะเด็กอาจจมน้ำและช่วยเหลือไม่ทัน และอาจรับเชื้อจากน้ำที่มีสิ่งสกปรก ทำให้ป่วยด้วยโรคตาแดง หรือถูกสัตว์มีพิษที่หนีน้ำมากัด ต่อยได้
ล้างมือ ล้างเท้าด้วยน้ำและสบู่บ่อย ๆ และอาบน้ำชำระร่างกายทันทีหลังเสร็จจากการทำงานหรือลุยน้ำ
รับประทานอาหารที่ปรุงสุก ร้อน สะอาด เพื่อป้องกันโรคอาหารเป็นพิษและโรคอุจจาระร่วง และหลีกเลี่ยงการกินอาหารค้างคืนโดยไม่มีภาชนะปิด เพราะอาจติดเชื้อโรคจากหนูและสัตว์นำโรคอื่น ๆ
หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าลุยน้ำ หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ ควรสวมรองเท้าบูทหรือนำถุงพลาสติกที่สะอาด มาสวมเพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำโดยตรง กรณีมีบาดแผล ควรปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ
ป้องกันยุงกัด เช่น ทาโลชั่นกันยุง หรือนอนในมุ้ง
รักษาสุขอนามัยเบื้องต้น ล้างมือบ่อย ๆ หากอยู่ในที่แออัด หรือมีอาการป่วย เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก ควรสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจ
ควรทำความสะอาดบริเวณบ้านให้โล่ง และตรวจสอบบริเวณมุมอับของบ้าน เพื่อป้องกันสัตว์มีพิษ
หากถูกสัตว์มีพิษกัดให้จดจำลักษณะสัตว์ ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและถูสบู่ ลดการเคลื่อนไหวบริเวณที่ถูกกัด ซึ่งจะช่วยลดการกระจายพิษไปทั่วร่างกายได้
หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

ข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค