แพทย์เตือน มะเร็งปอด ภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยจำนวนมาก เนื่องจากมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น ทำให้หลายรายตรวจพบเมื่อโรคเข้าสู่ระยะลุกลาม ส่งผลให้การรักษามีข้อจำกัด การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดจะช่วยเพิ่มโอกาสรักษาหายได้ถึง 90% โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ผู้ที่สูบบุหรี่ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ
รศ. พญ.ธัญนันท์ ใบสมุทร อายุรแพทย์มะเร็งวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสถานการณ์โรคมะเร็งปอดในประเทศไทยว่า มะเร็งปอดเป็นโรคที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 2 มีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 20,000 รายต่อปี และมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับสูง
ที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้ป่วยกว่า 70- 80% เป็นผู้ป่วยในระยะ 3 และ 4 ซึ่งเป็นระยะที่มะเร็งอาจจะผ่าตัดไม่ได้หรือมีการแพร่กระจายไปตามอวัยวะอื่นๆ แล้ว ทำให้การรักษาซับซ้อนและยากยิ่งขึ้น มะเร็งปอดจึงเป็นโรคที่สังคมควรให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ทั้งในด้านการตรวจวินิจฉัยเชิงรุกและการเข้าถึงการรักษา เพื่อเพิ่มโอกาสในการพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะนำไปสู่การรักษาที่ได้ผลดียิ่งขึ้น
“เราต้องการพบผู้ป่วยมะเร็งปอดตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมากกว่าระยะท้าย เพราะการรักษาในระยะเริ่มต้นคือ ระยะที่ 1 หรือ 2 มีโอกาสหายขาดสูง ในขณะที่ระยะที่ 4 และระยะที่ 3 ในผู้ป่วยบางรายไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยการรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการและทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ดังนั้น เราควรสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของโรค เพราะแม้ไม่สูบบุหรี่ก็มีความเสี่ยงได้ และต้องสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด ปวดกระดูกหรือปวดศีรษะผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว เพราะยิ่งตรวจพบเร็ว โอกาสในการรักษาหายก็ยิ่งสูง”
รศ. พญ.ธัญนันท์ เสนอแนะถึงแนวทางเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดว่า ปัจจุบันสิทธิ์การรักษาที่มีอยู่ยังมีข้อจำกัดบางประการ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะปิดช่องว่างของการบริการสุขภาพ โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงทั้งในด้านตัวโรคและสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ทั่วถึงและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางของกระบวนการรักษา
ซึ่งการรักษามะเร็งไม่ใช่เรื่องของแพทย์เฉพาะทางเพียงคนเดียว การมีทีมสหสาขาวิชาชีพจะทำให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้แบบ one stop service และมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ช่วยให้การวินิจฉัยและการตัดสินใจในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดแต่ละรายได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้สะดวกรวดเร็ว และมีผลลัพธ์ต่าง ๆ ดีขึ้น และยืดอัตราการรอดชีวิตให้ยาวนานขึ้น ที่สำคัญคือ “มะเร็งปอดไม่น่ากลัวอย่างที่คิด” เนื่องจากมีวิวัฒนาการในการรักษาใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายหากมีอาการหรือสงสัยควรรีบพบแพทย์
ผศ. นพ.ปุณณฤกษ์ ทองเจริญ ศัลยแพทย์ทรวงอก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
เผยว่า มะเร็งปอดมีสาเหตุหลักจากการสูบบุหรี่และการสัมผัสมลพิษทางอากาศในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ที่พบมากในเมืองใหญ่ซึ่งหลีกเลี่ยงได้ยาก ที่สำคัญคือ โรคมะเร็งปอดมักไม่แสดงอาการในระยะแรก ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว
ปัจจุบันการตรวจคัดกรองเป็นวิธีดีที่สุดที่จะช่วยให้พบโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นซึ่งมีโอกาสรักษาหายสูง โดยในระยะที่ 1 โอกาสหายประมาณ 90% ระยะที่ 2 ลดลงเหลือ 60% และระยะที่ 3 ลดลงเหลือ 30% การตรวจคัดกรองจึงมีความหมายมากและเป็นจุดเปลี่ยนจากโรคที่รักษายากให้กลายเป็นโรคที่รักษาง่าย
“การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดด้วยวิธี Low Dose CT Scan คือ การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ด้วยปริมาณรังสีต่ำ ปัจจุบันผู้ที่เข้ารับการตรวจต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ยังไม่สามารถเบิกได้ ถือเป็นความท้าทายหนึ่งในการควบคุมและลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปอดของประเทศ เพราะมีข้อมูลชัดเจนว่า หากสามารถตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งได้อย่างน้อย 20%
แนะนําให้กลุ่มเสี่ยงเข้ารับการตรวจคัดกรองแม้ยังไม่มีอาการ ได้แก่ ผู้ที่สูบบุหรี่จัดต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผู้ที่สัมผัสมลพิษในชีวิตประจำวัน ทั้งจากที่อยู่อาศัยหรือที่ทำงาน รวมทั้งผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปอด เพราะหากพบมะเร็งปอดตั้งแต่ระยะแรก การรักษาด้วยการผ่าตัดแบบแผลเล็กส่องกล้องจะช่วยให้ฟื้นตัวเร็ว ความปลอดภัยสูง โอกาสหายขาดสูง”
ดร.พญ.ประกายทิพ สุศิลปรัตน์ รองประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง แอดมินเพจ “สู้สิแม่ ก็แค่มะเร็ง”
กล่าวว่า มูลนิธิเครือข่ายมะเร็งมีเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุนผู้ป่วยโรคมะเร็งในหลากหลายด้าน ประกอบด้วย การสร้างเครือข่าย (Engagement) สนับสนุนให้ผู้ป่วยรวมตัวแบ่งปันประสบการณ์ แลกเปลี่ยนความรู้ และให้กำลังใจ การให้ความรู้ (Education) แก่ผู้ป่วยและผู้ดูแล ทั้งเรื่องโรค การดูแลจิตใจ การจัดการทางการเงิน สิทธิในการรักษา การวางแผนการดูแลผู้ป่วยในระยะสุดท้ายและการดูแลแบบประคับประคอง การสร้างพลังและศักยภาพ (Empowerment) ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถส่งเสียงสะท้อนถึงปัญหา เช่น กลุ่มมะเร็งปอดที่ผู้ป่วยต้องการเข้าถึงนวัตกรรมและเรียกร้องให้มีการตรวจคัดกรองประชาชนกลุ่มเสี่ยง
“มะเร็งปอดเป็นโรคที่มีความท้าทายในการวินิจฉัย เนื่องจากแสดงอาการไม่ชัดเจนในระยเริ่มต้น การส่งเสริมการตรวจคัดกรองในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่และมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด จึงเป็นเรื่องจำเป็นและกลุ่มนี้ควรได้รับการคัดกรองเป็นพิเศษ กรณีของคุณเอ๋–พรทิพย์ ที่ออกมาเปิดเผยว่าเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 1 และย้ำว่าตรวจพบได้เพราะทำ Low Dose CT Scan สร้างแรงกระเพื่อมให้สังคมตระหนักถึงความจำเป็นของการตรวจคัดกรอง”
“โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงแม้ยังไม่มีอาการ ปัจจุบันมะเร็งปอดยังไม่ถูกรวมอยู่ในโครงการ Cancer Warrior (นโยบายมะเร็งครบวงจรของกระทรวงสาธารณสุข) ทำให้ประชาชนยังเข้าไม่ถึงสิทธิประโยชน์ด้านการตรวจคัดกรองด้วย Low Dose CT Scan ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาสนับสนุนการคัดกรองมะเร็งปอดให้เทียบเท่ากับมะเร็งชนิดอื่น เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจคัดกรองได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง” ดร.พญ.ประกายทิพ กล่าวทิ้งท้าย
Advertisement