เฟย์ อรชุมา Water Sommelier (นักชิมน้ำดื่ม) แชร์เคล็ดลับมุมมองการดื่มน้ำที่ไม่ใช่แค่ดื่มแก้กระหายแต่ดื่มให้ถูกช่วยเปลี่ยนชีวิต หากดื่มน้ำผิดวิธี เสี่ยงช็อกตาย! แนะวิธีควรดื่มน้ำอย่างไรให้สวย สุขภาพดี และห่างไกลโรค
คนไทยอาจจะยังไม่ได้เข้าใจถึงคำว่าน้ำ และความสำคัญของน้ำเทียบเท่ากับคนในต่างประเทศ น้ำมีความสำคัญมากกว่าเวลาเรากระหายน้ำแล้วดื่ม ในต่างประเทศเขาลึกซึ้งเรื่องนี้มาก น้ำนี่มีความสำคัญว่าถ้าเกิดเราขาดน้ำ 3 วันเราเสียชีวิต เพราะเนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบในร่างกายเยอะมาก 70-80% ในต่างประเทศเขาศึกษาเรื่องนี้กันลึกมาก ยกตัวอย่างเช่น เขาจะมี คำว่า curative water ก็คือน้ำบำบัดเพื่อสุขภาพไว้ใช้รักษาในอาการต่าง ๆ
คนเราต้องดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วตามที่เราเรียนกันมาคือความจริงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวเรา เพราะแก้วของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีหลักการในการคำนวณ คือ น้ำหนักตัวเราคูณ 30 ก็จะได้เป็นอีกตัวเลขหนึ่ง จะได้เป็นมิลลิลิตร นั่นคือเบสิคที่ควรจะดื่มเป็นขั้นต่ำ เพื่อเลี้ยงดูร่างกายให้ปกติแต่ว่าไม่ได้เสริมให้ร่างกายแข็งแรง การดื่มน้ำขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ถ้าเกิดขาดน้ำ 1% ของน้ำหนักร่างกายของเราจะเริ่มกระหายน้ำ ถ้าอยู่ประมาณ 5% ที่เราสูญเสียน้ำออกจากร่างกายก็จะเกิดภาวะสมองไม่แล่น เพราะจะเริ่มไปรบกวนการทำงานของสมอง ถ้าอยู่ประมาณ 5-10% แปลว่ามันเริ่มกระทบต่าง ๆ อวัยวะในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่นมันจะเริ่มกระทบการหมุนเวียนของเลือดถ้าเกิดเลือดข้นจะทำให้มีภาวะโรคต่าง ๆ เกิดขึ้น ถ้าขาดน้ำ 15% เขาศึกษามาว่าอวัยวะภายในจะช็อกหรือเสียชีวิตได้
ถ้าเกิดกระหายน้ำแล้วค่อยดื่มแสดงว่าร่างกายเราขาดน้ำมาก ๆ แล้ว ตื่นมาควรดื่มน้ำเลย ที่อุณหภูมิห้องปกติ และอย่าเพิ่งแปรงฟัน ดื่มแบบมีแบคทีเรียเราอยู่ในปากเข้าไปพร้อมน้ำแล้วเข้าไปอยู่ในท้อง เพื่อเอาแบคทีเรียดีที่อยู่ในปากเข้าไปช่วงในเรื่องของระบบการขับถ่าย
ส่วนกาแฟ ควรดื่มกาแฟที่มีลิมิตให้ตัวเองวันละ 1 แก้ว กาแฟมีผลต่อร่างกายทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ เพราะฉะนั้นถ้าดื่มกาแฟหรือชาก็ต้องดื่มน้ำเข้าไปอีก บางคนเมากาแฟจะเกิดอาการใจสั่นมึน ๆ เหมือนเมาเหล้า คลื่นไส้ ซึ่งแสดงว่าร่างกายขาดน้ำเยอะ ถ้าเกิดเราดื่มน้ำเข้าไปในร่างกายปริมาณหนึ่งอาการที่เราเป็นอยู่ก็จะหาย น้ำมีองค์ประกอบสำคัญในร่างกายช่วยลำเลียงสารอาหาร ช่วยเรื่องการคอนโทรลระบบความดันเลือด และเรื่องอุณหภูมิของร่างกาย สำหรับคนท้องคนที่ให้นมลูก คนที่ต้องรับประทานยาเยอะ ๆ คนป่วยที่ต้องทานยาที่คุณหมอให้มา แอร์โฮสเตส นักบิน คนที่ขึ้นเครื่องบินเดินทาง คนกลุ่มนี้ก็ต้องดื่มน้ำให้เยอะขึ้นกว่าปกติ
ทั้งนี้ ไม่ควรดื่มน้ำทีละเยอะ ๆ ดื่มเร็ว ๆ บางทีถึงขั้นช็อกตาย เคสที่ต่างประเทศเกิดขึ้นมาแล้ว เพราะว่าร่างกายรับไม่ไหว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นนักวิ่งมาราธอน ขาดน้ำอย่างรุนแรง แล้วก็ไปดื่มน้ำที่เย็นจัดในปริมาณที่เยอะมากกว่าน้ำหนักตัวที่สามารถรับได้ เขาก็เกิดบอดี้ช็อกแล้วก็เสียชีวิตโดยฉับพลัน ดีที่สุดคือเราควรจะค่อย ๆ จิบน้ำไปทั้งวัน
ดื่มน้ำให้ถึง ขึ้นอยู่กับว่าใช้ชีวิตยังไง เลือกดื่มน้ำที่เป็นประเภทน้ำอัลคาไลน์ หรือ น้ำด่าง ค่า PH ของน้ำ PH 7 คือน้ำที่เป็นกลาง ต่ำกว่า 7 คือน้ำที่เป็นกรด สูงกว่า 7 คือน้ำที่เป็นด่าง มีงานวิจัยออกมาว่า เลือดเราอยู่ที่ประมาณ PH 7.3 เลือดเราจะสูบฉีดได้ดีมาก สร้างโกรทฮอร์โมน แต่ในชีวิตเราการออกกำลังกาย ดื่มกาแฟ เครียด นอนน้อยก็ขับกรดออกมาในร่างกาย ซึ่งถ้าในร่างกายเรามีกรดบาง ๆ ค้างอยู่ก็จะทำให้เกิดผื่น ภูมิแพ้ผิวหนัง โรคกรดไหลย้อน โรคกระเพาะ โรคเก๊า ถ้าเป็นกรดหนัก ๆ เลยก็คือมะเร็ง ต้องทำให้ร่างกายเป็นด่าง เพราะฉะนั้นคนที่มีเชื้อมะเร็ง คุณหมอก็อาจจะบอกว่าแนะนำให้ดื่มน้ำด่าง หรือให้ลดสิ่งที่จะเป็นกรดสะสม เช่น เนื้อแดง เลิกแอลกอฮอล์ นอนให้ถึง ไม่เครียด
เรื่องผิวถ้าเกิดเราดื่มน้ำไม่ถึง แล้วเป็นน้ำเป็นกรด PH 4-5 ซึ่งน้ำในท้องตลาดมีน้ำที่ PH ต่ำกว่า 7 เยอะมาก ซึ่งไม่ได้ช่วยเรื่องผิว ถ้าเราดื่มน้ำค่า PH สูงกว่า 7 ที่เป็นธรรมชาติก็จะช่วยเรื่องผิว อาหารยากมากที่จะเป็นด่างส่วนใหญ่จะเป็นกรด ถ้าผ่านความร้อนแล้ว ผักสดที่ไม่ผ่านความร้อนก็จะมีค่าของความเป็นด่าง ปัญหาคือเราต้องกิน 1 หน่วยของกรดจะมาล้างให้มันสมดุล เราต้องใช้ด่าง 20 ยูนิต แปลว่าเราต้องกินผักสดเยอะมาก ๆ เพื่อให้ร่างกายเราสมดุลยากมาก เพราะฉะนั้นร่างกายคนส่วนใหญ่มีภาวะเป็นกรด จะมีตัวช่วยก็คือ ดื่มน้ำแร่ธรรมชาติที่มีค่าของความเป็นด่างที่สูง
ถ้าค่า PH สูงกว่า 7 ก็เรียกว่า น้ำด่าง แต่ถ้าน้ำแร่ธรรมชาติที่มีค่าสูงกว่า 7 ก็คือน้ำด่างธรรมชาติ แต่สามารถมีน้ำด่างที่ไม่ธรรมชาติเกิดขึ้นได้ เขาเรียกว่า Manmade alkaline water ประดิษฐ์ให้เป็นน้ำด่าง ต้นทางคือน้ำประปาผ่านเข้าไปในเครื่องกรองที่เปลี่ยนโมเลกุลทำให้มีค่าของความเป็นด่าง ถ้าเราไม่ดื่มทันทีก็จะหายไปเวลาอันใกล้ชิดกับที่มันถูกพึ่งกรองออกมาค่า PH ก็จะค่อย ๆ ปรับ ดังนั้นน้ำดื่มที่ผ่านเครื่องกรองก็ดีกว่าที่จะไม่เป็นน้ำด่าง เพราะน้ำด่างมีประโยชน์กว่า แต่น้ำด่างธรรมชาติมีประโยชน์กว่า และโมเลกุลสามารถคงสภาพได้นานกว่า
สำหรับใครที่ไม่ชอบดื่มน้ำหรือดื่มได้น้อย แนะนำว่าให้เริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมก่อน โดยลองทำตามแนวคิดจากนักจิตวิทยาที่บอกว่า “ถ้าทำอะไรติดต่อกัน 21 วัน จะเริ่มเกิดความเคยชิน” อาจเริ่มจากหลังตื่นนอน กระดกน้ำ 1 แก้วเลย ยังไม่ต้องแปรงฟัน แล้วตั้งเป้าดื่มน้ำให้ได้ 2 ขวดในแต่ละวัน ลองทำแบบนี้ติดต่อกัน 3 สัปดาห์ แค่จิบไปเรื่อย ๆ ระหว่างวัน จะเริ่มคุ้นชินเอง
ขอบคุณข้อมูลจากรายการ Tuck Talk
Advertisement