ความสุขคือ ภูมิคุ้มกัน เผย วิธีดูแลสุขภาพ แข็งแรงทั้งกาย-ใจ สไตล์ "นพ. ธนีย์ ธนียวัน" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด วิกฤตบำบัด และการปลูกถ่ายปอด
เปิดมุมความคิด "นพ.ธนีย์ ธนียวัน" ความสุขในรูปแบบของหมอคืออะไร ความสุขหาได้จากไหน ความเครียดตัวการก่อโรค มีวิธีจัดการกับสิ่งนี้อย่างไร
"อย่างแรกนะครับ เราต้องรู้จัก จัดการกับความเครียด ของเราก่อน สําหรับตัวผมเองเวลาเครียดผมก็จะมีการใช้ตรรกะการคิด ถ้าเราสามารถจัดการกับเรื่องที่เราเครียดได้ก็รีบจัดการมันจะได้ไม่เครียด แต่ถ้าเราจัดการกับมันไม่ได้แล้วเครียดไป มันจะได้อะไรขึ้นมา ผมก็จะใช้ตรงนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มันจะได้ผล แล้วทําให้ผมไม่เครียด
แต่ถ้าเกิดมันยังไม่ได้ผลเพราะว่าเหตุผลอะไรสักอย่าง ผมก็จะไปออกกําลังกาย เพราะว่าในช่วงออกกําลังกาย แรงผมเยอะนะครับ ยิ่งเครียดมาก ยิ่งแรงเยอะ วิ่ง ถ้าวิ่งแล้วยังคิดเรื่องนั้น วนอยู่ในหัว ผมก็วิ่งให้มันเร็วขึ้น ให้มันเหนื่อยมากขึ้น เวลาที่เราเหนื่อยเต็มที่ ของพวกนี้ยังไงมันก็ไม่คิด แล้วการทําแบบนั้นจะยิ่งทําให้ผมแข็งแรงขึ้น การที่ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้น เราก็จะสามารถรับกับความเครียดได้ง่ายขึ้น ได้มากขึ้นอีกต่างหาก
นอกเหนือจากนั้น การที่ผมมีงานอดิเรกเยอะ เช่น ผมอาจจะชอบวาดรูป ผมก็วาดรูป ผมเล่นดนตรี ผมเล่นเปียโนได้ ผมก็ เอาจิตใจตัวเองไปปล่อยกับตรงนั้น การอ่านหนังสือ ผมก็จะอ่านหนังสือที่มันทําให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายจิตใจ หรือในบางกรณี ผมก็มีของสะสมอย่างพวก น้ําหอม ผมก็จะไปดมกลิ่นต่างๆ ที่มันเหมาะกับอารมณ์ในช่วงนั้น ดมตัวนี้แล้วมัน สบายใจเพิ่มมากขึ้น ก็ใช้สิ่งเหล่านี้ หลายๆ อย่างในการช่วยทําให้ความเครียดของผมหายไป
และแน่นอนครับ อาหาร ผมมีความรู้สึกว่าอาหารต้องรับประทานให้สมดุล ทั้งทางด้านของโภชนาการ และทางด้านของจิตใจนะครับ ถ้ามันมีของอย่างหนึ่ง เช่น ชานมไข่มุก ซึ่งผมชอบกิน แล้วแน่นอนมันเป็นน้ําตาล ทุกคนก็รู้ว่ามันก่อการอักเสบในร่างกาย กินเยอะก็อ้วน ไม่ดี ไขมันสูงนะครับ
แต่ถ้าเกิดคุณไม่กิน คุณจะรู้สึกว่าเสียชาติเกิดไหมครับ มันอร่อยขนาดนั้นน่ะใช่มั้ย ถ้าเรามีของอร่อยอยู่ข้างหน้าในประเทศของเราแล้วเราหามาได้ แล้วคุณจะไม่กิน ผมว่าคุณก็อาจจะเกิดผิดยุคไปหน่อยนะครับ
ก็กินได้ เพียงแต่ว่าถ้าวันนี้เรากินแล้ว พรุ่งนี้เราก็ลดการกินลงนะครับ มันจะได้สมดุลทั้งทางด้านของร่างกายและจิตใจ ดังนั้น ผมก็จะใช้อาหารเป็นสิ่งที่ใช้ในการบําบัดตัวเองไปด้วย เรื่องของภูมิต้านทาน มันก็จะมาด้วยนะครับ
การนอนหลับพักผ่อน แน่นอนครับผมก็จะพักผ่อนให้มันครบ ถ้าช่วงไหนพักผ่อนได้น้อย เราก็จะต้องมีการนอนระหว่างวันบางช่วงนะครับ การนอนระหว่าง หรือ Power Nap และดีที่สุดคือ ประมาณ 20 นาที นอนนานกว่านั้น ตื่นมามันจะมึนหัว แล้วก็รู้สึกหน่วงๆ รู้สึกว่าไม่ค่อยสบาย รู้สึกยังง่วงมากกว่าเดิมนะครับ
ดังนั้น ถ้าใครจะทํา Power Nap ก็เป็นแบบนี้ ถ้าอยากขี้โกงหน่อย ก่อน Power Nap กินกาแฟไปซักช็อตหนึ่ง มันจะเริ่มออกฤทธิ์ประมาณครึ่งชั่วโมง พอคุณตื่นมาตอน 20 นาที มันกําลังเริ่มตื่น กาแฟเข้ามาได้ประโยชน์พอดี คุณก็จะดีกว่าเดิมอีกนะครับ นั่นคือเป็นสิ่งที่ผมใช้ ทุกๆ ครั้งก็ได้ผลนะครับ ผมก็ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรที่เครียดนานๆ สักทีครับ"
"มีหลายอย่างที่ผมทําแล้วรู้สึกชอบนะครับ ทุกๆ อย่างที่ทําเอาจริงๆ ก็ชอบหมด ผมมองว่าความสุขของชีวิต มันจะต้องหาได้จากทุกกิจกรรม มันไม่ใช่ว่าคุณต้องทําอย่างนั้นถึงจะมีความสุข คุณทําอะไรก็ได้ที่คุณมีความสุข
บางทีผมก็คิดเสมอว่าสิ่งที่ผมได้มาในปัจจุบัน ลองไปดูคนอื่นสิ ที่เขาลําบากกว่าเรา เราน่ะมีตรงนี้ เรามีความสุขมากๆ แล้ว
บางทีผมจะดูในช่องยูทูบต่างๆ คนที่ไปอยู่ในป่าในเขา หรือว่าในประเทศที่เขาหาโอกาสในการไปเรียนได้ยาก ต้องเดินข้ามน้ำ ข้ามทะเลไปเรียน ซึ่งผมได้มาง่ายๆ เราควรจะมีความสุขกับสิ่งที่ได้มา
การทำช่องยูทูบของผมก็เป็นการได้ทบทวนความรู้ ได้ให้ความรู้กับคนอื่น การที่เราให้ความรู้กับคนอื่นมันก็เป็นการเติมเต็มของตัวเองด้วย ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีคุณค่า เราได้ประโยชน์แล้วความรู้มันก็อยู่กับเราไปนานขึ้น
อีกอย่างที่ผมทำช่วงนี้ก็คือ เขียนหนังสือ เรื่อง การบูสต์ภูมิคุ้มกัน เพื่อให้ร่างกายเราแข็งแรง ในเล่มผมเขียนอธิบายอย่างละเอียดเลย ผมเชื่อว่าความรู้ทางภูมิคุ้มกัน มันไม่ควรเป็นอะไรที่เข้าถึงยาก ดังนั้น ในหนังสือเล่มนี้ ผมจะอธิบาย เรื่องของภูมิคุ้มกันระดับที่คนเรียนปริญญาเอกเขาเรียนกัน แต่จะใช้ภาษาที่แม้กระทั่งเด็กยังเข้าใจได้ ก็เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย
ในนั้นก็จะอธิบายว่า ระบบภูมิคุ้มกันคืออะไร มีกี่แบบ แต่ละแบบเป็นอย่างไร โรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันมีทั้งหมด 20 กว่าโรค ที่เขียนไปในนั้น เขียนอย่างละเอียดด้วย สำหรับคนที่เป็นโรคแต่ละโรค มาอ่านก็จะได้ความรู้ว่าโรคที่เขียนไม่ใช่แค่เขียนไปเฉยๆ ให้คนทั่วไปเข้าใจ แต่ตั้งใจเขียนเพื่อให้คนที่เป็นโรคนั้นเข้าใจจริงๆ แล้วบางครั้งต่อให้เป็นหมอมาอ่านเอง ก็อาจจะได้ความรู้ใหม่ในเรื่องนั้น เพราะผมตั้งใจที่จะเขียนลึก แต่ใช้ภาษาที่มันเข้าใจง่าย
ดังนั้น ใครที่ยังไม่ได้อ่าน ลองดูนะครับ อ่านเพื่อจะได้ประดับความรู้ แล้วก็เอาไปใช้เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันของตัวเองให้แข็งแรง แล้วก็เพื่อคนที่เรารักจะได้แข็งแรงไปด้วยครับ"
Advertisement