โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติก คืออะไร หลังเกิดดราม่า คุณหมอทักท้วง สสส.ให้ข้อมูลประชาชนไม่ถูกต้อง
กลายเป็นดราม่าบนโลกออนไลน์เมื่อเฟซบุ๊กเพจ สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) : ThaiHealth โพสต์ว่า "คนไทย 4 หมื่นคนเสียชีวิตจาก โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติก พบมากในกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป สังเกตอาการ เหนื่อยง่ายหน้ามืด ใจสั่น เจ็บหน้าอก ให้รีบพบแพทย์ ป้องกันได้ แค่ออกกำลังกาย งดสูบ-ดื่มแอลกอฮอล์ #ลดหวานมันเค็ม"
ต่อมา นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Rungsrit Kanjanavanit พร้อมระบุว่า "ข้อความนี้ ของ สสส เป็นการให้ข้อมูลไม่ถูกต้องกับประชาชนครับ โรคลิ้นหัวใจ เป็นคนละโรคกับ โรคหลอดเลือดหัวใจ ไม่มีหลักฐานว่า สามารถป้องกันโดยการออกกำลังกาย งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอล์ หรือคุมอาหาร แต่อย่างใดครับ ตัวเลขเสียชีวิต 40,000 รายต่อปีนั้นไม่ทราบเอาสถิติมาจากที่ใด น่าจะเกินจริงไปมาก"
ต่อมาแอดมินเพจ สสส. ได้เข้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์ดังกล่าว โดยระบุว่า "ขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับข้อแนะนำของคุณหมอค่ะ แอดมินขอน้อมรับในความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นค่ะ และได้เร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยค่ะ"
โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติก (Aortic Valve Disease) คือ ภาวะที่ลิ้นหัวใจเอออร์ติก ซึ่งเป็นลิ้นหัวใจที่อยู่ระหว่างหัวใจห้องล่างซ้าย (left ventricle) กับหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา (aorta) ทำงานผิดปกติ ทำให้การไหลเวียนของเลือดออกจากหัวใจไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่เป็นไปตามปกติ
ลิ้นหัวใจเอออร์ติกมีหน้าที่เปิดเพื่อให้เลือดออกจากหัวใจห้องล่างซ้ายไปสู่หลอดเลือดแดงเอออร์ตาเมื่อหัวใจบีบตัว และปิดเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับเข้าสู่หัวใจห้องล่างซ้ายเมื่อหัวใจคลายตัว
เมื่อลิ้นหัวใจเอออร์ติกทำงานผิดปกติ จะส่งผลให้เกิดภาวะต่างๆ ดังนี้:
ลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ (Aortic Stenosis): ลิ้นหัวใจเอออร์ติกเปิดได้ไม่เต็มที่ ทำให้เลือดไหลผ่านได้ยากขึ้น หัวใจห้องล่างซ้ายต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดผ่านลิ้นหัวใจที่ตีบแคบ
ลิ้นหัวใจเอออร์ติกรั่ว (Aortic Regurgitation หรือ Aortic Insufficiency): ลิ้นหัวใจเอออร์ติกปิดได้ไม่สนิท ทำให้เลือดไหลย้อนกลับจากหลอดเลือดแดงเอออร์ตาเข้าสู่หัวใจห้องล่างซ้ายขณะที่หัวใจคลายตัว ทำให้หัวใจห้องล่างซ้ายมีปริมาณเลือดมากเกินไปและต้องทำงานหนักขึ้น
โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้:
• ความเสื่อมตามอายุ (Age-related calcification): เมื่ออายุมากขึ้น แคลเซียมสามารถสะสมบนลิ้นหัวใจ ทำให้ลิ้นหัวใจหนาและแข็งขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะตีบ
• ความผิดปกติแต่กำเนิด (Congenital heart defect): ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดมาพร้อมกับลิ้นหัวใจเอออร์ติกที่มีจำนวนกลีบไม่ปกติ เช่น มีเพียง 2 กลีบ (bicuspid aortic valve) แทนที่จะมี 3 กลีบ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาลิ้นหัวใจตีบหรือรั่วเมื่ออายุมากขึ้น
• โรคไข้รูมาติก (Rheumatic fever): ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัส (streptococcus) ที่ไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิดการอักเสบและเกิดความเสียหายต่อลิ้นหัวใจ
• การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ (Infective endocarditis): การติดเชื้อแบคทีเรียที่เยื่อบุหัวใจและลิ้นหัวใจ อาจทำให้ลิ้นหัวใจเสียหายและทำงานผิดปกติ
• โรคหรือภาวะอื่นๆ: เช่น โรค Marfan syndrome, โรคลูปัส, การได้รับรังสีรักษาบริเวณทรวงอก
ในระยะแรก ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกอาจไม่มีอาการใดๆ แต่เมื่อภาวะรุนแรงขึ้น อาจมีอาการดังนี้:
• เจ็บหน้าอก (Chest pain หรือ Angina): อาจรู้สึกแน่น อึดอัด หรือปวดบริเวณหน้าอก มักเกิดขึ้นขณะออกกำลังกาย
• เหนื่อยง่าย (Fatigue): รู้สึกอ่อนเพลียมากผิดปกติ แม้ทำกิจกรรมเพียงเล็กน้อย
• หายใจลำบาก (Shortness of breath หรือ Dyspnea): หายใจถี่ หรือรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทัน โดยเฉพาะขณะออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งขณะนอนราบ
• หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ หรือหมดสติ (Dizziness หรือ Syncope): เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
• ใจสั่น (Palpitations): รู้สึกหัวใจเต้นเร็ว แรง หรือผิดปกติ
• เท้าและข้อเท้าบวม (Swollen ankles and feet หรือ Edema): เกิดจากภาวะหัวใจทำงานหนักและเลือดไหลเวียนไม่สะดวก
หากคุณมีอาการดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกที่รุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart failure) และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
Advertisement