รู้จัก "โรคลิชมาเนีย" ตัวริ้นฝอยทรายเป็นพาหะ ในไทยพบผู้ติดเชื้อ 14 ราย เสียชีวิต 2 ราย พบผู้ป่วยในหลายจังหวัดแต่ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดทางภาคใต้
โรคลิชมาเนีย (Leishmaniasis ) เป็นโรคจากการติดเชื้อปรสิตลิชมาเนีย มักเกิดจากการถูก ริ้นฝอยทราย ที่เป็นพาหะของเชื้อกัด ส่วนใหญ่จะแพร่ระบาดในบริเวณที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นหรือกึ่งร้อนชื้น โดยเฉพาะแถบเอเชีย แอฟริกา หรือ อเมริกาใต้ ซึ่งผู้ป่วยแต่ละรายจะแสดงอาการป่วยแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ของเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น อาจเกิดแผลตรงผิวหนังบริเวณที่ถูกกัด เกิดแผลที่เยื่อบุจมูกหรือปาก ตับและม้ามโต ผิวซีด หรือเป็นไข้เรื้อรัง เป็นต้น
ตัวมีขนาดเล็กกว่ายุง 4-5 เท่า อาจมีสีดำ ขาว น้ำตาล มีขนปกคลุมทั่วตัว รูปปีกเหมือนปลายหอก ปีกตั้งเป็นรูปตัว V ตัวเมียกินเลือดทั้งคนและสัตว์ หากินไม่ไกลจากแหล่งอาการ ออกหากินมากตอนพลบค่ำ และออกหากินตลอดทั้งคืน ช่วงเวลากลางวันที่มืดครึ้มก็ออกหากินได้เหมือนกัน ตัวเมียจะวางไข่ตามพื้นดินชื้นแฉะที่มีอินทรีย์สูง เช่น คอกสัตว์ กองขยะ ใบ้ไม้ทับถม รูหนู โพรงไม้ โพรงดิน เป็นต้น
โรคลิซมาเนีย สามารถติดต่อสู่คนที่อาศัยอยู่ใกล้แหล่งเพราะพันธุ์ของริ้นฝอยทราย เช่น พื้นที่ป่า พื้นที่เกษตรกรรม หากเข้าป่าไปตัดฟืน หาของป่า ล่าสัตว์ อยู่เป็นประจำ ควรสวมเสื้อผ้าปกปิดทั่วร่างกายและเก็บกวาดบริเวณใกล้บ้านให้ปราศจากรูหนู กองไม้ กองขยะ กองฟืน แหล่งใบไม้ทับถม โพรงไม้เพื่อป้องกันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ริ้นฝอยทราย รวมถึงดูแลสัตว์เลี้ยง ได้แก่ สุนัข แมว วัว ควาย ไม่ให้ริ้นฝอยทรายมากินเลือดได้
1. เกิดแผลที่ผิวหนัง (Cutaneous Leishmaniasis:CL) อาการ เช่น ตุ่มนูนพองใสและแดง แผล ซึ่งอาจเป็นแผลเปียก หรือแผลแห้ง แผลมักมีขอบ อาจแผลเดียวหรือหลายแผล แผลลุกลามรวมกันเป็นแผลใหญ่ได้ หรืออาจเป็นตุ่มๆ กระจายทั่วตัว
2. เกิดแผลที่เยื่อบุบริเวณปาก จมูก (Mucocutaneous Leishmaniasis : MCL) เป็นแผลตามใบหน้าโพรงจมูก ปาก และลำคอ อาจทำให้รูปหน้าผิดไปจากเดิม มีไข้ ซีด อ่อนเพลีย นํ้าหนักลด หากอาการรุนแรงและไม่ได้รับการรักษาก็ถึงกับเสียชีวิตได้
3. พยาธิสภาพกับอวัยวะภายใน (Visceral Leishmaniasis: VL หรือปัจจุบันนิยมเรียกว่าคาลา - อซาร์ (Kala - azar)) ข้อบ่งชี้ที่สำคัญตามนิยามขององค์การอนามัยโลก คือ ไข้เรื้อรังมากกว่า 10 วัน ผอม (weight loss) ซีด (pale) ม้ามโต (splenomegary) ตับโต (hepatomegary) ผู้ป่วยหลังให้การรักษาจนหายแล้วอาจปรากฏอาการทางผิวหนังที่เรียกว่า Post Kala-azar Dermal Lesion (PKDL) เช่น ตุ่มนูน (nodule) ปื้น (papule) ด่างดวง (macular) หรือหลายลักษณะร่วมกัน (mixed)
ยารักษามีทั้งชนิดทาแผล รับประทาน และฉีด แต่ยาประเภทหลังมีอาการข้างเคียงค่อนข้างรุนแรงต่อผู้ป่วยซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ในโรงพยาบาล
ทั้งนี้เพจฯ Drama-addict ได้โพสต์ถึงประเด็น โรคลิชมาเนีย ด้วยโดยระบุว่า "โพสต์นี้คนแชร์หลายร้อยละ อธิบายตามนี้
1. โรคนี้มีจริง เรียกว่า ลิชมาเนีย เกิดจากริ้นฝอยทรายเป็นพาหะ
2. ริ้นฝอยทราย มีถิ่นอาศัยในประเทศแถวตะวันออกกลาง และโซนร้อน ในไทยมีริ้นชนิดนี้ แต่เคสส่วนมากจะเป็นผู้ป่วยชาวต่างชาติ และแรงงานไทยกลับจากแหล่งโรคในประเทศตะวันออกกลางนำเข้ามา รวมจำนวน 49 ราย
และ คนไทยติดเชื้อในประเทศ รวมจำนวน14 ราย ตาย 2 ราย มีทั้งชาย หญิง และเด็ก
จังหวัดที่พบผู้ป่วย ได้แก่ เชียงราย น่าน กรุงเทพฯ จันทบุรี พังงาสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา สตูล และตรัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจังหวัดทางภาคใต้
3. อาการคือ หลังจากถูกริ้นฝอยทรายที่มีเชื้อตัวนี้กัด จะค่อยๆ มีตุ่มนูนและเกิดแผลตามร่างกายแบบในภาพ
4. รักษาได้ แต่อาจหลงเหลือรอยแผลเป็น ถ้าเคสที่อาการรุนแรงและไม่ได้รับการรักษา อาจเสียชีวิตได้
5. เคสในภาพมาจากเพจ เล่าเรื่องปรสิต เป็นเคสเด็กชาวเวเนซูเอลลา ที่ติดเชื้อจากตอนอยู่ประเทศเขาแล้วอาการค่อยๆเป็นระหว่างเดินทางข้ามประเทศ ไม่ใช่เคสที่ติดเชื้อในไทย"
Advertisement